May 6, 2024   11:50:15 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > แนะเก็บหุ้นศก.สหรัฐใกล้ฟื้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 28/03/2008 @ 12:20:55
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ทิสโก้ แนะไตรมาส 2 เริ่มทยอยเก็บหุ้น ประเมินปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยใกล้จบด้านบล.ไซรัสชี้ครึ่งปีหลังหุ้นดีดทะลุ 900 จุด แนะหุ้นเด่น TTA-LPN-BJC-KK-PS-TVO-UMS มั่นใจม็อบวันนี้ไม่กระทบการลงทุน



นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่าจากการประเมินความรุนแรงของปัญหาซับไพรม์ เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะหลุดจากภาวะถดถอยได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งถ้าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถหลุดจากภาวะถดถอยได้จริงตามคาดก็เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 2 ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนไทยจะเลือกซื้อหุ้นลงทุน ก่อนที่จะมีการปรับตัวขึ้นตามสถิติ หรือแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ

"ถ้าหากการคาดการณ์ของผมถูกต้อง ว่าไตรมาส 3 เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถออกจากความถดถอยที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ ก็เป็นที่เชื่อมั่นเลยว่าดัชนีหุ้นทั่วโลกในไตรมาส 2 จะต้องปรับตัวขึ้น และรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย"นายไพบูลย์กล่าว

ทั้งนี้ตามสถิติในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นที่เกี่ยวข้องกับความถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่าช่วงก่อนหน้า 3-4 เดือนที่เศรษฐกิจกำลังจะออกจากภาวะดังกล่าว ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ หรือแม้กระทั่งดัชนีของS&P ก็จะปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย

นอกจากนี้ประเด็นการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตามสถิติที่เคยมีมาในช่วงภาวะถดถอยจะอยู่ที่ระดับ 25 % ซึ่งปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 20 % หรือจะเรียกว่าได้ปรับตัวลดลงถึงจุดที่เรียกว่าต่ำสุดแล้ว(Bottom out) ซึ่งทำให้เห็นสัญญาณว่าจะมีการเทขายหุ้นอีกไม่มากแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากสัญญาณทางเทคนิคแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯจะปรับตัวลงอีกไม่มากแล้ว คงอยู่ที่ระดับ 5% ประกอบกับถ้าหากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นแล้ว ประกอบกับสถานการณ์ที่เลวร้าย หรือข่าวร้ายๆ อยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาที่น่าหนักใจนัก

"ตลาดหุ้นมักจะฟื้นก่อนเศรษฐกิจ เพราะสถิติเก่าที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ ซึ่งถ้าปัญหาภายนอกเริ่มคลี่คลาย รวมถึงปัญหาการเมืองชัดเจนขึ้นก็จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน และจะหมายความว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เพื่อที่จะหาจังหวะของการลงทุน"นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวว่า การชุมนุนในวันนี้ คงไม่มีใครใส่ใจกันมากนัก เนื่องจากประเทศเพิ่งได้รัฐบาลใหม่มา การเดินขบวนหรือต่อต้านคงจะไม่มี ซึ่งนักลงทุนในและต่างประเทศก็คงไม่ได้มองประเด็นนี้เป็นเรื่องหลัก

นางสาวสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) (SYRUS) กล่าวแนะนำการลงทุนในระยะนี้ว่า รูปแบบการลงทุนควรเน้นลงทุนระยะยาว เนื่องจากทางเทคนิคตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีมาก รอเพียงจังหวะการฟื้นตัวหลังปัญหาซับไพร์มจบ ซึ่งยังประเมินได้ยากว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ในภาพกว้างๆ มองว่าปัจจัยลบจะจบในครึ่งปีแรก และทันทีที่ปัญหาจบดัชนีฯ มีโอกาสสูงที่จะปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเกิน 900 จุดได้

ส่วนหุ้นที่แนะนำสำหรับการลงทุนในช่วงปลายไตรมาส 1 มีดังนี้ TTA ,LPN, BJC, KK , PS, TVO และ UMS โดย เริ่มจากหุ้นTTA ที่จะได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือที่ในปีนี้จะเป็นช่วงขาขึ้นให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 67 บาท หุ้น LPN ได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมระดับล่าง ซึ่งมาตรการกะตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะช่วยให้ผู้มีรายได้ต่ำมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 9.05 บาท

หุ้น BJC ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวจากการปรับขึ้นราคาสินค้าและเปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมันให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 8.45 บาท หุ้น KK นโยบายกระตุ้นรากหญ้าของรัฐบาลจะช่วยให้กำลังของผู้บริโภคต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นทำให้โอกาสที่ยอดเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่ง KK

มีสาขาทั่วประเทศทั้งหมด 27 สาขา แต่กระจายอยู่ต่างจังหวัดอยู่ 24 สาขา และได้รับประโยชน์โดยตรงให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 35 บาท

หุ้น PS แม้ราคาปัจุจบันจะใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายแล้ว แต่คาดว่าจะเป็นบริษัท ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในหมวดอุตสาหกรรมเพราะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่สุดโดยมองราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 11 บาท ซื้อตอนราคาปรับลดลง

ส่วน TVO เป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกระแสพลังงานทดแทนจะทำให้ราคาเมล็ดถั่วเหลืองอยู่ในทิศทางขาขึ้นได้อย่างน้อย 1-2 ปี ให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 27 บาท

สำหรับหุ้น UMS ธุรกิจถ่านหินยังน่าสนใจลงทุนซึ่งรายได้ในปีนี้ก็คาดว่าจะยังโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่าปีก่อน และมีรายได้เสริมจากโครงการถ่านอัดก้อนเข้ามาเต็มปี ให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 37.50 บาท

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)หรือKEST กล่าวว่า การลงทุนในช่วงจากนี้ไป นักลงทุนควรจะระมัดระวัง และติดตามข้อมูลข่าวสารสำหรับการลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งความผันผวนของเศรษฐกิจสหรัฐฯและการเมืองภายในประเทศ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความผันผวนของดัชนีตลาดหุ้นไทย

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ไซรัส จำกัด (มหาชน)หรือSYRUS กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัญหาการเมืองในประเทศ ยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ต่อไปอีก ซึ่งความอ่อนไหวและเปราะบางด้านความเสียหายจากปัญหาทั้งในและนอกประเทศ ถือเป็นเรื่องที่รับรู้กันมานานแล้ว ซึ่งไม่ถือว่าน่าจะมีความกังวลมากเท่าไหร่

สำหรับความกังวลว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยในวันนี้(28มี.ค.) จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น คงไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมาก เพราะสถานการณ์ดังกล่าวเป็นการชุมนุมเพื่อรับฟังข้อมูลแต่ยังไม่ได้มีการเดินขบวนไปที่ใด ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น

ทั้งนี้ตลาดหุ้นอาจจะได้รับผลทางจิตวิทยา แต่คงไม่มาก เพราะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในประเทศเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศรับรู้กันมานานแล้ว หรือจะเรียกว่าคุ้นเคยกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีผลกระทบอะไรมาก"นายสมภพกล่าว

:lol:

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 30/03/2008 @ 16:24:55 :
น่าสนเนอะ แต่ฉันไม่เอาแล้วอ่ะ :roll:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com