May 7, 2024   1:29:15 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วอแรนต์ 2 เดือนแรก ปี 2551
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 31/03/2008 @ 22:48:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ภาพรวมการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่น่าพอใจเท่าใดนัก เพราะจากประเด็นความร้อนแรงทางด้านการเมือง และปัญหาภายนอกต่างประเทศที่กดดันตลาดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็ยังไม่จางลง ดังนั้นภาวะการลงทุนในช่วงนี้จึงพบว่าส่วนใหญ่นักลงทุนเทขายหุ้นมากกว่าการเข้าซื้อ

นั่น ก็คือ ในภาวะที่ตลาดปรับตัวลงแรง นักลงทุนต่างก็เทขายหุ้นออกมา เพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยไม่ได้สนใจว่าหุ้นตัวนั้นจะมีพื้นฐานที่น่าพอใจมากน้อยขนาดไหน และยิ่งเป็นวอแรนต์ซึ่งไม่มีพื้นฐานอะไรมารองรับ ความเสี่ยงที่จะถูกนักลงทุนขายทำกำไรออกมายิ่งเป็นไปได้สูง

ที่สำคัญนักลงทุนทราบดีว่า ปัจจัยที่จะทำให้วอแรนต์ปรับตัวขึ้น-ลง ต้องอาศัยปัจจัยบวกจากหุ้นแม่เข้ามาช่วยสนับสนุนเพียงอย่างเดียวก็ว่าได้

ด้วยเหตุนี้ ถึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่า ราคาหุ้นวอแรนท์ส่วนใหญ่ในช่วงระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2551 จึงอ่อนตัวลงมาก จากที่สำรวจวอแรนต์ทั้งหมด 80 ตัว พบว่าสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แค่ 17 ตัว ส่วนอีก 40 ตัว เป็นวอแรนต์ที่ราคาปรับตัวลดลง และอีก 4 ตัวราคาไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ยังมีวอแรนต์อีก 19 ตัว ที่ราคาไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามภาวะตลาด ดังนั้นการสำรวจข้อมูลครั้งนี้ จึงมีเพียงหุ้น 61 อันดับ เท่านั้น

สำหรับอันดับ 1 ซึ่งเป็นวอแรนต์ที่มีราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมากสุด คือ TCC-W1 ซึ่งถือเป็นหุ้นลูกของ TCC หรือ บริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยราคาปรับตัวแรงที่ระดับ 120.57% มาอยู่ที่ 3.86 บาท จากเดิม1.75 บาท

การปรับตัวแรงของวอแรนต์รายนี้ น่าจะมาจากการเข้าเก็งกำไรตามหุ้นแม่ เนื่องจากราคาหุ้นแม่ถูก รวมถึงการหันมาทำธุกิจใหม่ คือธุรกิจถ่านหิน ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรกันเป็นจำนวนมาก จนราคาหุ้นแม่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือน เหมือนกับราคา หุ้นลูก เช่นกัน

อันดับ 2 SECC-W1 หุ้นลูกของ SECC หรือ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) โดยราคาปรับตัวแรงที่ระดับ 85.44% มาอยู่ที่ 1.91 บาท

จากเดิม 1.03 บาท ซึ่งพบว่า ช่วงวันที่ 7-8 ก.พ. มีการเปลี่ยนแปลงของราคาและมูลค่าการซื้อขายทั้งแม่และลูกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยมีการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรอย่างมากและไม่มีสารสนเทศใดรองรับการเปลี่ยนแปลง

กระทั้งตลาดหลักทรัพย์ ได้ใช้มาตรการสั่งห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน(Net Settlement) และห้ามโบรกเกอร์ให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (MarginTrading) หุ้น SECC และ SECC-W1 ตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.-24มี.ค.51

อย่างไรก็ตาม SECC ยังมีข่าวดีอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับยอดขายรถยนต์จากงานมอร์เตอร์โชว์ที่กำลังมีขึ้น อีกทั้งการที่รัฐบาลมีการลดหย่นภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้บริโภคจะสามารถเพิ่มกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจการเช่าซื้อขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยหนุนในตัวแม่ อาจจะหนุนให้ลูกพุ่งขึ้นอีกรอบก็เป็นได้

อันดับ 3 CSP-W1 หุ้นลูกของ บริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ CSP โดยราคาปรับตัวแรงที่ระดับ 35.42% มาอยู่ที่ระดับ 0.65 บาท จากเดิม 0.65 บาท

ซึ่งความน่าสนใจของหุ้นแม่ลูกคู่นี้คือ ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร ตามสัญญาณทางเทคนิคที่มีสัญญาณซื้อเข้ามาและปริมาณการซื้อขายก็อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในเรื่องผลประกอบการที่คาดว่าน่าจะออกมาดีตามราคาเหล็กที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทรับประโยชน์และเชื่อว่าผลประกอบการจะดีต่อเนื่องจนถึงปี

2551

สำหรับผลประกอบการปี 2551 จะเติบโตประมาณ10-15% จากปี 2550 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้บริษัทอาจจะมีการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2551 เนื่องจากมองว่าปีนี้บริษัทจะได้รับผลดีจากราคาเหล็กโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนนโยบายเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล จะส่งผลดีต่อปริมาณความต้องการใช้เหล็กเป็นอย่างมากที่สำคัญบริษัทมีสินค้าในสต็อกมาพอสมควร ขณะเดียวกันเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เติบโตอยู่ที่ 25% สูงกว่าที่ตั้งไว้ 10-15%และคาดว่าไตรมาส 1 ปีนี้บริษัทจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15%

อันดับ 4 หุ้น GEN-W1 หุ้นลูกของ GEN หรือ บริษัท เจนเนอรัลเอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 32.61% มาอยู่ที่ระดับ 0.61 บาท จากเดิม 0.46 บาท

ซึ่งช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นลูกปรับตัวขึ้นมาก แต่ก็ยังถือว่ายังน้อยกว่าราคาหุ้นแม่ เพราะหลังจากได้แรงกระตุ้นจากแผนล้างขาดทุนสะสม ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หุ้นมาร์เก็ตแคปเล็กๆ กลับมาได้รับความสนใจ

อีกทั้งได้รับปัจจัยหนุนจากที่บริษัทฯ มียอดรายได้รวม 1,086.27 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมปี 2549 จำนวน 1,034.25 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.03 เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการรับก่อสร้าง และการขายสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เดิมของบริษัทฯ ได้มากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีต้นทุนขายและบริการ 913.74 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 86.27 ของยอดขาย ส่วนปี 2549 บริษัทฯ มีต้นทุนขายและบริการ 897.17ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90.29 จากยอดขาย ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ ได้พัฒนาการผลิตควบคุมความสูญเสียจากการผลิตให้น้อยลง และควบคุมค่าใช้จ่ายของงานบริการอย่างรัดกุม

อันดับ 5 LH-W2 หุ้นลูกของ บริษัท แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 27.13% จากเดิมอยู่ที่ 8.20 บาท มาอยู่ที่ 8.20 บาท เนื่องด้วยพื้นฐานของหุ้นแม่ LH ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผลการดำเนินงานที่ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และการให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอทำให้นักลงทุนนิยมเข้ามาลงทุนทั้งหุ้นแม่และลูก

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มผลการดำเนิน LH จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปีหน้า หลังได้ได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยต่ำ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ยิ่งทำให้แม่ลูกคู่นี้ เป็นที่จับจ้องของนักลงทุนมากขึ้น

ด้านวอแรนท์ที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดในช่วงระหว่างเดือนดังกล่าวคือ STEC-W2 ซึ่งราคาหุ้นอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องถึงระดับ 0.04 บาท จากเดิม 1.21 บาท หรือราคาลดลง 96.69% ซึ่งเกิดจาก STEC-W2 อ่อนกำลังลง เพราะใกล้จะหมดอายุในวันที่ 18 เดือนเมษายน 2551

นั้นหมายความว่า วอแรนต์ตัวนี้กำลังจะไม่มีค่าอะไรเลย และเมื่อถึงวันดังกล่าวก็จะกลายเป็นแค่เศษกระดาษเปล่าๆ ใบหนึ่งเท่านั้น ในระหว่างนี้ราคาหุ้นถึงอ่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทางจะกลับขึ้นไปหวือหวาเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เพราะคนที่รู้ว่าวอแรนต์ตัวนี้กำลังจะหมดอายุ ได้เทขายหุ้นออกมาอย่างหนักนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม?วอแรนต์? หรือที่เรียกสั้นๆว่า"ลูก" ซึ่งราคาจะผันแปรไปตามหุ้น ?แม่?นั้น แม้จะให้ผลตอบแทนที่นับว่าคุ้มค่า แต่อย่าลืมว่ามีความเสี่ยงมากเช่นกัน

ที่สำคัญธรรมชาติลูกจะวิ่งแรงกว่าแม่ ทั้งวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง นี่ จึงเป็นแรงดึงดูดให้นักเสี่ยงโชคเข้ามาขุดทองในตัวลูก เพราะได้-เสียกันรวดเร็วทันใจ รวยก็รวยเร็ว จนก็แป๊บเดียวรู้ผล ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เข้ามาเล่นต้องไม่ใช่นักลงทุนธรรมดาแน่

:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com