May 3, 2024   1:46:29 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นบิ๊กแค็ปตัวแรกปี 2551
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 01/04/2008 @ 20:40:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ในที่สุดก็ถึงกฤษ์งาม ยามดี ของ ESSO หรือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหุ้นใหญ่รายแรกที่ตลาดหลักทรัพย์อนุมัติให้ขายไอพีโอ พร้อมกับกำหนดวันเวลาชัดเจน สำหรับการเข้าสู่การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่เกินต้นเดือนพฤษภาคม 2551 แน่นอน

ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 21 ? 22 เมษายน 2551 บริษัทจะนำหุ้นมาจำหน่ายให้กับนักลงทุนกว่า 700 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าราคาขายไอพีโอน่าจะอยู่ที่ระดับ 10.50-12.0 บาท พร้อมกับทุนจดทะเบียนประมาณ 17,110 ล้านบาท โดย บล.ภัทร(PHATRA) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน

สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ ESSO ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทได้ตกลงเงื่อนไขไว้กับกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการผลักดันให้บริษัทในกลุ่มพลังงานเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ ESSO อาจจะมีข้อติดขัดอยู่บ้างสำหรับกรณีการเข้ามากระจายหุ้นในตลาดฯ ล่าช้า เพราะจากความไม่พร้อมหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านผลประกอบการที่ยังได้รับผลกระทบจากยอดขาดทุนสะสมอยู่

หากแต่ ในที่สุดบริษัทก็สามารถนำพาบริษัทเข้าสู่การซื้อขายในตลาดฯได้เป็นผลสำเร็จ

แม้ว่าจะยังคงมีปัญหาจากยอดขาดทุนสะสม แต่ด้วยศักยภาพด้านการบริหารงาน และการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถลบล้างขาดทุนสะสมได้เกือบหมด

ด้วยเหตุนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีที่ ?ข่าวหุ้นธุรกิจ? จะได้เปิดตัว และแนะนำจุดเด่น จุดด้อย ให้กับนักลงทุนได้ทราบไว้ก่อนตัดสินใจลงทุนในระยะแรก ซึ่งจากประสิทธิภาพในการทำกำไรสูง ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยน้ำมันสำเร็จรูปสามารถขึ้นไปแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลช่วงต้นปี 50 ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนหุ้นบิ๊กแค็ปน้องใหม่รายนี้มีความโดดเด่นอย่างมาก

ผู้ประกอบกิจการโรงกลั่นครบวงจร

ESSO ถือเป็นผู้ประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบครบวงจร (integrated)รวมทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งบริษัทฯ และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง ประกอบธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 100 ปี

โดยบริษัทฯ ขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมผ่านทางเครือข่ายที่กว้างขวางของสถานีบริการน้ำมันค้าปลีกภายใต้ชื่อการค้าเอสโซ่ รวมทั้งขายโดยตรงให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม ค้าส่ง การบินและการเดินเรือ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังขายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ที่บริษัทฯ ผลิตให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเพื่อจำหน่ายไปยังต่างประเทศ

บริษัทฯ เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น (Exxon Mobil Corporation) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีมูลค่าตลาดรวม (market capitalization) ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 เกินกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

บริษัทฯ ยึดถือแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีวินัยสูงของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวและการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ประโยชน์อื่น ๆ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับจากการเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ยังรวมถึงความเชี่ยวชาญในการบริการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบ เครือข่ายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ทั่วโลก การบริการทางด้านเทคโนโลยี การดำเนินงานและวิศวกรรมที่ทันสมัย และการมีส่วนร่วมในโครงการวิจัยและพัฒนาของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น และบริษัทในเครือ

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับประโยชน์จากการใช้เครื่องหมายการค้า ?เอสโซ่? และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ซึ่งได้รับการอนุญาตให้ใช้สิทธิจากเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นและ/หรือบริษัทในเครือของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น รวมทั้งความช่วยเหลือทางด้านบุคลากรฝ่ายบริหารจัดการและเทคนิค และการสนับสนุนทางด้านธุรกิจจากเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นหรือบริษัทในเครือของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัทฯ ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันเบนซิน น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน น้ำมันก๊าด น้ำมันดีเซล น้ำมันเตาและยางมะตอย

อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีผลิตภัณฑ์หล่อลื่นจำหน่าย นอกจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแล้ว บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ ซึ่งประกอบด้วยพาราไซลีนที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตกรดเทเรฟทาลิก (purifiedterephthalic acid (?PTA?)) ซึ่งจะนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์ บรรจุภัณฑ์ เรซินและผ้าใยสังเคราะห์ ส่วนเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทฯ ได้แก่ สารทำละลาย (solvents) และสารพลาสติกไซเซอร์ (plasticizers)

ความเสี่ยงทางธุรกิจ

ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและอะโรเมติกส์ ก็คือความผันผวนของราคาตลาดของน้ำมันดิบและวัตถุดิบอื่น ๆ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ มีความผันผวนและเป็นวัฏจักร อีกทั้งได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ทั่วโลกที่ไม่สามารถจะคาดการณ์ได้

โดยราคาที่บริษัทฯ ซื้อน้ำมันดิบและวัตถุดิบอื่น ๆ และราคาขายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทฯ ถูกกำหนดโดยอ้างอิงกับราคาตลาด ซึ่งราคาตลาดเหล่านี้มีความผันผวนและคาดว่าจะยังคงผันผวนต่อไป อีกทั้งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ

ขณะที่บริษัทฯ ได้สำรองน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมคงคลังไว้ตามที่กฎหมายไทยกำหนดด้วย มูลค่าของสินค้าคงคลังเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคาตลาด ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงราคาของน้ำมันดิบและวัตถุดิบอื่น ๆ จึงอาจส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ กระแสเงินสด ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานและโอกาสทางธุรกิจ

ทั้งนี้บริษัทฯ มีความสามารถกลั่นน้ำมันดิบได้หลายประเภท ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบจากตะวันออกไกล ตะวันออกกลางและแอฟริกาตะวันตก โดยที่การคัดเลือกวัตถุดิบของบริษัทฯ จากแหล่งใดนั้นจะขึ้นอยู่กับราคาและปริมาณของผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ จัดหาน้ำมันดิบผ่าน ExxonMobil Asia Pacific Pte. Ltd. และExxonMobil Sales and Supply LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น และทำหน้าที่ช่วยเหลือบริษัทฯในการจัดหาและในการจัดซื้อดังกล่าว

ฐานะการเงินมั่นคงเรื่อย ๆ

สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทเอสโซ่ ช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตและมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ โดยสังเกตได้จากตัวเลขกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2547,2548,2549 ถึงช่วง 9 เดือนปี 2550 มีกำไรสุทธิ 2,701 ล้านบาท ,7,481 ล้านบาท , 2,273 ล้านบาท, 2,102 ล้านบาท และ 3,543 ล้านบาท ตามลำดับ นั่นแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีศักยภาพในการทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่งเสมอมา

กระทั่งสามารถลบล้างยอดขาดทุนสะสมลดลงมาอย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2547 ที่บริษัทมียอดขาดทุนสะสมที่ระดับ 26,674 ล้านบาท ปี 2548 ลดลงมาที่ระดับ 19,193 ล้านบาท ปี 2549 มาอยู่ที่ระดับ 12,720 ล้านบาท และล่าสุดปี 2550 เหลือเพียง 9,177 ล้านบาท

ขณะที่ฐานะการเงินของบริษัทก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย จากที่สามารถจ่ายคืนหนี้สินระยะยาวที่เกิดจากการกู้ยืมเพื่อลงทุนธุรกิจระยะยาวในช่วงก่อนหน้านี้ จนหนี้สินดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 52,008 ล้านบาท จากที่เคยอยู่สูงถึงระดับ 88,076 ล้านบาท ในช่วงปี 2547

ที่ผ่านมา อีกทั้งเงินทุนที่มีอยู่ 21,087 ล้านบาท ยังสามารถรองรับการขยายงานได้อย่างดี

ที่สำคัญจำนวนสินทรัพย์หมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น 39,032 ล้านบาท เทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 21,134 ล้านบาท ได้ค่า Current Ratio เท่ากับ 1.85 เท่า ซึ่งอัตราค่าตัวเลขที่หาดังกล่าว บ่งบอกความคล่องตัวสูงในการดำเนินงาน และสามารถชำระหนี้สินที่มีอยู่ได้แน่นอน

ทั้งหมดแสดงให้เห็นภาพการบริหารกิจการของ ESSO ถือว่ามีความแข็งแกร่งและมั่นคงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการทำกำไร และฐานะการเงิน นี่น่าจะเป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่เข้ามากระตุ้นให้บรรยากาศการลงทุนครึกครื้นมากขึ้นในช่วงนี้

:lol:

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 05/04/2008 @ 13:10:31 :
เข้ามาแล้วจะคึกคักมั๊ยนะ.... :wink:
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#2 วันที่: 09/04/2008 @ 23:16:52 : ไม่อาจรักใครได้อีก
หัวใจดวงนี้มีแต่ pttar ไว้ลงจากดอยได้ก่อนแล้วจะลองมองนะ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com