May 3, 2024   1:54:23 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิเคราะห์หุ้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 11/04/2008 @ 08:38:03
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บริษัท แอโกรเวลท์ จำกัด

* ภาวะตลาดซื้อขายเงินสด : ราคายางแผ่นดิบตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าเฉลี่ย 83.41 บาท/กก. เนื่องจากอุปทานยางมีน้อยในช่วงยางผลัดใบและอุปสงค์ยางจากผู้บริโภค เพื่อชดเชยสต็อคที่ลดลงและบางส่วนก็เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนตลาดกลางปิดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเริ่มระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน

* การซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้นสาม (RSS3) ประจำวันที่ 8 เมษายน 2551 ทั้งตลาดมีปริมาณการซื้อขายยรวมทุกเดือนส่งมอบ 209 สัญญา เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 160 สัญญา โดยมีสถานะคงค้างทั้งสิ้น 1,639 สัญญา เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 52 สัญญา โดยสัญญาส่งมอบเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นตัวแทนตลาดมีปริมาณการซื้อขาย 203 สัญญา เปิดซื้อขายกันที่ราคาสูงสุดของวันที่ 88.35 บาท/กก.ลงไปต่ำสุดของวันที่ 87.60 บาท/กก.และขึ้นไปปิดที่ราคา 87.80 บาท/กก.ราคาลดลงจากวันก่อนหน้า 1.00 บาท/กก.

* Technical play : ราคายางในตลาดโตคอมปรับลดลงหลังจากที่ขึ้นมาได้ 4 วันทำการ
โดยราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันและ 10 วันลงมาด้วย (SMA 5 วันเท่ากับ 288.38 เยน SMA 10 วันเท่ากับ 286.24 เยน) ทำให้ทางเทคนิคที่เคลื่อนไหวเร็วอย่าง cci(7) และ cci(14) มีสัญญาณขายเพื่อทำกำไรสั้น ๆ ออกมา อีกทั้ง slow stochastic ก็เข้าสู่เขต overbought อาจจะเป็นตัวกดดันให้ราคาลงต่อได้ แต่ถ้ามองสัญญาณตัวหลักอย่าง MACD ยังยืนสัญญาณซื้อแต่ค่าปรับลดลงเล็กน้อยและมีสัญญาณซื้อเพิ่มมาจาก TRIX เป็นวันแรกด้วย ยังคงคาดการณ์แนวรับโตคอมอยู่ที่ 282-280 เยน แนวต้าน 295-296 เยน แนวต้านถัดไป 302-303 เยน สำหรับ afet คาดการณ์แนวรับ 86.00 บาท แนวต้าน 90.00 บาท และแนวต้านถัดไป 92.00 บาท

* กลยุทธ : ยังมองว่าการที่ราคายางจะปรับลดลงมาก ๆ เป็นไปได้ค่อนข้างยากอยู่เพราะ
ปัจจัยเรื่องราคายางในตลาดจริง และ stock ยางในประเทศผู้ใช้ยางสำคัญอย่างจีนและญี่ปุ่นที่ลดลงอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เป็นตัวสนับสนุนอยู่ แต่การที่ราคาปรับลดลงมาอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะสั้นได้ก็เป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระวังไว้บ้างเหมือนกันเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดล่วงหน้า ดังนั้นนักลงทุนที่ถือสถานะซื้อก็อาจจะพิจารณาล้างสถานะออกไปบ้างก็ได้เพื่อลดความเสี่ยงแล้วรอจังหวะซื้อใหม่
เมื่อราคาต่ำลง แต่ถ้านักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงเมื่อราคาย่อลงมาก็ยังสามารถซื้อสะสมไว้เพื่อรอลุ้นทำกำไรในระยะยาวได้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าสถานะขายควรจะขายแล้วลุ้นกำไรสั้น ๆ จะดีกว่าและให้ระมัดระวังการขายในระดับต่ำไว้ด้วย

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 11/04/2008 @ 08:46:29 :
SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ หุ้นสหรัฐบวกไม่มาก-ราคาน้ำมันดิบปรับลง

*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเมื่อวานนี้ปรับขึ้น หลังโบรกเกอร์ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุน
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพ ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น และตลาดยังได้แรงหนุน
จากความเชื่อมั่นที่ว่า ยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค.อาจแตะระดับต่ำสุดแล้วในปีนี้

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปิดวันพฤหัสบดี ร่วงลง 76 เซนต์ หรือ 0.69% มาที่ 110.11 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ
ขณะที่ดอลลาร์ดีดขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร

*ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เผยยอดจำหน่ายรถยนต์ทั้งระบบในมี.ค.อยู่ที่ 66,107 คัน
เพิ่มขึ้น 34.23% จากก.พ. โดยเป็นการขยายตัวในทุกตัวตลาด โดยเฉพาะ
ตลาดรถปิกอัพ ขยายตัวถึง 42.5%

*ตลท.เลื่อนแผนนำบริษัทต่างชาติเข้าจดทะเบียน ในตลาดหุ้นไทยออกไปเป็นปีหน้า
จากเดิมที่คาดว่าจะได้เห็นในปีนี้ เพราะต้องสำรวจความคิดเห็นของต่างชาติ
รวมทั้งออกกฎเกณฑ์ให้เป็นมาตรฐานสากลก่อน

*รัฐบาลผลักดันนโยบายเร่งด่วนให้ปี 51 และปี 52 เป็นปีของการลงทุน เพื่อเร่ง
ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมเปิดรับการลงทุนทั้งจากนักลงทุนไทยและ
ต่างชาติ ตามแผนกระตุ้นการลงทุนให้ขยายตัวอีก 25% เป็น 8.2 แสนล้านบาทในปี 54

*มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปีนี้
โดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และปัจจัยบวกทางจิตวิทยา
จากการที่หน่วยงานต่างๆด้านเศรษฐกิจ เพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้

*ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น
ผู้บริโภคเดือน มี.ค.อยู่ที่ 73.8 เพิ่มจาก 72.6 ในเดือน ก.พ.51 โดยเป็นการ
เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

*ธปท.คาดมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะส่งผลทางจิตวิทยาให้
ประชาชนมีการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้จีดีพีในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 0.1-0.2%

*โบรกเกอร์และผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ คาดปีนี้ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้
ไม่ได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่า ความไม่แน่นอนทางการเมือง
ภาวะเงินเฟ้อ และทิศทางอัตราดอกเบี้ย ยังเป็นปัจจัยกดดัน

*ปตท.ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 50 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ ส่งผลให้
ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเท่ากับผู้ค้าน้ำมันรายอื่นที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ขณะที่
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปดีเซลที่ตลาดสิงคโปร์ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง

*หนังสือพิมพ์เผย ไอเอ็มเอฟเผยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย คาดว่า
โดยคาดว่าโตเพียง 0.5% เลวร้ายสุดรอบ 17 ปี ส่งผลเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยง
หากขยายตัวต่ำกว่า 3% แต่เอเซียยังเติบโตได้

*หนังสือพิมพ์เผย ผู้ส่งออกคาด 2-3 เดือนภาวะการค้าและราคาข้าวเข้าสู่ภาวะปกติ
เหตุตลาดรับแรงเก็งกำไรไม่ไหว ชี้ส่งออกชะลอตัว กลุ่มกักตุนข้าวต้องหาทางระบาย
สต็อกตลาดในประเทศ

*หนังสือพิมพ์เผย เอดีบีให้เงิน 1 ล้านดอลลาร์แก่ไทย เพื่อไปศึกษาระบบตั๋วร่วมใน
โครงการรถไฟฟ้า 9 เส้นทาง พร้อมปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำสร้างรถไฟฟ้าและรถไฟทาง
คู่เชื่อมประเทศจีน

*หนังสือพิมพ์เผย ผู้บริหารปตท.เผยรัฐบาลตรึงราคา LPG กิโลกรัมละ 18.13 บาท
จูงใจผู้ใช้รถยนต์ดันยอดใช้ในประเทศเพิ่ม ชี้ปีนี้อาจต้องนำเข้าถึง 2 แสนตัน

*หนังสือพิมพ์เผย รมช.คลังยอมรับปัญหาการเมืองส่งผลการลงทุนสะดุด แต่มั่นใจ
ดูแลเศรษฐกิจโตตามเป้าหมาย แม้มีปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่เตรียมมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจต่อเนื่อง ส่วนการปล่อยสินเชื่อบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อยจะเริ่มราว พ.ค.

*หนังสือพิมพ์เผย คณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต คาดไตรมาส 2/51 เงินเฟ้อจะพุ่งสูงสุด
ของปีแตะระดับ 6% เนื่องจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง

*หนังสือพิมพ์เผย ธปท.เชื่อ 11 ส.ค.นี้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากประกาศใช้
จะไม่ส่งผลทำให้เงินฝากไหลออกจากธนาคารขนาดเล็ก

*หนังสือพิมพ์เผย จอร์จ โซรอส มองวิกฤติสินเชื่อสหรัฐยังไม่จบ ให้ระวังปัญหาจาก
ตราสารซีดีเอส ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อซับไพร์ม โดยซีดีเอสมีมูลค่า 45 ล้านล้าน
ดอลลาร์ เทียบเท่าความมั่งคั่งของครัวเรือนอเมริกาทั้งหมด--จบ--

(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--บร--)

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 11/04/2008 @ 08:55:13 :
บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

ภาพวันวาน
ตลาดหุ้นปรับฐานท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน โดยดัชดนีปิดลดลง 0.6% จากแรงขายของหุ้นกลุ่ม ธ.พ. (KBANK, KTB) และกลุ่มพลังงาน (BANPU, PTTEP, PTT) แต่มูลค่าซื้อขายลดลงเหลือ 1.67 หมื่นล้านบาท โดยต่างชาติขายสุทธิ 250.38 ล้านบาท

ประเด็นร้อนวันนี้

* หุ้นส่งออกที่ราคาเกิน Fair Value อาจถูกขายทำกำไร หากเงินดอลลาร์อ่อนตัวรอบใหม่
ช่วงกว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์มีทิศทางแกว่งตัวทิศทางแข็งค่าถึงทรงตัว และวานนี้เริ่มอ่อนค่าอีกครั้งเมื่อเทียบกับเงินยูโร (รวมถึงเงินบาท) คาดว่าเป็นผลจากความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ภายหลังการรายงานตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐ ที่กลับมาเพิ่มขึ้นครั้งใหม่เท่ากับ 6.23 หมื่นล้านเหรียญฯ โดยเพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2550 และขาดดุลเพิ่มขึ้นจาก 5.82 หมื่นล้านเหรียญฯ ใน ม.ค. 2551 ขณะที่ก่อนหน้านี้สหรัฐขาดดุลการค้าลดลงต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน เพราะได้ประโยชน์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลทั่วโลกมานาน นอกจากนี้คาดว่าเป็นเพราะใกล้วันประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในครั้งถัดไปคือวันที่ 29-30 เม.ย. 2551 ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดหมายว่าจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายไม่เกิน 0.25% เนื่องจาก FED ได้ลดดอกเบี้ยมามากแล้วถึง 3% ในระยะ 6 เดือนหลังจากเกิดปัญหา Sub-prime ในเดือน ก.ย. 2550 อย่างไรก็ตาม หากใกล้วันประชุมของ FED และการคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยว่าจะมีการลดลงเกินกว่าที่คาดหมายนี้เช่น 0.5% ก็จะกดดันให้เงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าครั้งใหม่ ซึ่งหมายถึงเงินบาทจะกลับมาแข็งอีกครั้ง ดังนั้นหุ้นที่เคยปรับตัวขึ้นในช่วงที่เงินบาทอ่อนตัวชั่วคราว (ประสิทธิภาพการทำกำไร หรือ gross margin จะดีขึ้น) ก็อาจจะต้องเผชิญกับแรงขายทำกำไรระยะสั้นอีกครั้ง (เงินบาทที่แข็งหมายถึงประสิทธิภาพการทำกำไรจะลดลง) เช่นหุ้น STA(FV@B16.5), CFRESH(FV@B1.83), GFPT(FV@B17.72)

* ความเชื่อมั่นฟื้นตัว หลังมาตรการลดหย่อนภาษีเริ่มทำงาน
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการลดหย่อนภาษีทุกภาคเศรษฐกิจ ทั้งการบริโภค (C) และการลงทุน (I) หนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มาอยู่ที่ระดับ 73.8 ในเดือน มี.ค. (โดยมีจุดต่ำสุดที่ 68.2 เดือน ต.ค.2550 แม้จะมีอุปสรรคจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาอาหาร และน้ำมันก็ตาม แต่เชื่อว่าการเข้าดูแลด้วยการควบคุมราคาสินค้าฯ ของภาครัฐ จะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ฝ่ายวิจัยยังแนะนำหุ้นกลุ่มค้าปลีกฯ
MAKRO(FV@B115), BIGC(FV@B61.70), CPALL(FV@B12.50) และกลุ่มอสังหาฯ LH(FV@B10.85),
AP(FV@B8.15), QH(FV@B3.19), LPN(FV@B10.59), SPALI(FV@B4.85), SC(FV@B20.18), PF(FV@B6.41)

* คาดตลาดเงียบใกล้วันหยุดยาว แต่ดัชนีจะค่อย ๆ ขยับขึ้น
คาดว่าตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในสัปดาห์หน้า ส่วนตลาดหุ้นไทยแม้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ อาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นแกว่งตัวแคบ ๆ แต่น่าจะมีแนวรับที่สำคัญในกรอบ 815-825 จุด จึงแนะนำซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่ม ธ.พ. ภายหลังจากที่มีแรงขายทำกำไรหลังมีการรายงานงบการเงินงวด 1Q51 ในปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เม.ย. 2551 คือตั้งแต่ 18 เม.ย. 2551 เป็นต้นไป คือ SCB(FV@B95.51), KBANK(FV@B 110), BBL(FV@B 155.28)

INVESTORS PLUS

แนวรับ / แนวต้าน ใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด: 815 / 840 จุด
ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้แกว่งตัวเชิงลบ แนวรับ 815 จุด แนวต้าน 825 จุด
กลยุทธ์วันนี้ : แนะนำเลือกซื้อหุ้นรายตัวเมื่อราคาอ่อนตัวเข้าสู่แนวรับ TOP(70/72), SCB(90/93), LH(9.2/9.5), SCIB(17.8/18.5)


:cry:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 11/04/2008 @ 08:58:55 :
บล.นครหลวงไทย

Stock Picks
( TRADING ) PERM 2.72 - 3
( TRADING ) SINGHA 2.18 - 3
( TRADING ) CPF 4.74 - 4.9

แนวโน้ม มีแนวโน้มปรับลง กรอบ 818-824 จุด
* SCIBS คาดว่าดัชนีตลาดจะเคลื่อนตัวในกรอบ 818-824 จุด

* สัญญาณทางเทคนิคฯแสดงสัญญาณว่าการตัดทะลุค่าเฉลี่ย 10 วันลงมามีรูปแบบปรับฐานก่อนต่อเนื่อง คาดว่าวันนี้เป็น sideway แต่ยังมีทิศทางลง อาจทดสอบ 810 จุด ในระยะใกล้ต่อไปอีก

* SCIBS แนะนำรอซื้อกลับที่แนวรับ 810 จุด- 800 จุด ในหุ้นกลุ่ม SET 50 แต่ซื้อเก็งกำไรแนวรับรายตัว เช่น PERM, SINGHA, CPF
* PERM แนวโน้มพักตัวมาก่อนหน้า 5 วัน แต่วอลุ่มหนุน มีแนวโน้มขึ้นช่วงสั้นต่อได้ แนะนำซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ
* SINGHA แนวโน้มราคาหุ้นมีแนวโน้มสร้างฐานเตรียมขึ้นได้ โดยมีรูปแบบ rectangle แสดงสัญญาณว่าอาจจะมีการขึ้นในอนาคต แนะนำซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ
* CPF แนวโน้มราคาหุ้นมีแนวโน้มขึ้นช่วงสั้นต่อหลังจากพักตัวเมื่อวานนี้ candle stick และ price pattern แสดงสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นต่อได้อีก แนะนำซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ

Most Active Stocks

PTT
ราคาปิด 316
แนวรับ 312
แนวต้าน 320
แนวโน้ม SIDEWAY DOWN
PTT ยังมั่นใจปี 51รายได้สูงกว่าปีก่อน แม้ปิโตรฯ-ค่าการกลั่นเข้าสู่ขาลง

LIVE
ราคาปิด 3.12
แนวรับ 3.06
แนวต้าน 3.2
แนวโน้ม SIDEWAY
LIVE คาดการณ์รายได้สิน้ปี 2551 ว่าจะเติบโตขึ้น 10 % จากรายได้เมื่อปี 2550 ที่มีอยู่
473ล้านบาท โดยไลฟ์อิงค์ มีรายได้จากเคเบิ้ลทีวี 25 % และเป็นรายได้จากวิทยุ 10%

SCB
ราคาปิด 90.5
แนวรับ 89.5
แนวต้าน 91.5
แนวโน้ม SIDEWAY
SCB ขาย NPL Q1/51 ได้ 8 พันล้านบาท โดยในปี 2551 ธนาคารมีเป้าหมายที่จะลดลงเป็น 5% หรือต่ำกว่า จากที่เมื่อปี 2550 อยู่ที่ 6.1% ในปี 2550

KBANK
ราคาปิด 89.5
แนวรับ 88.5
แนวต้าน 90.5
แนวโน้ม SIDEWAY
KBANK คาดว่า ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 1/51 จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 4% ขณะที่การปล่อยสินเชื่อยังเป็นไปตามเป้าหมาย

GSTEEL
ราคาปิด 1.15
แนวรับ 1.08
แนวต้าน 1.17
แนวโน้ม SIDEWAY DOWN
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. มีการซื้อขายหุ้นรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) หุ้นของบริษัท จีสตีล (GSTEEL)
จำนวน 230 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 1.08 บาท คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 248.4 ล้านบาท

IEC
ราคาปิด 2.04
แนวรับ 1.94
แนวต้าน 2.08
แนวโน้ม SIDEWAY
-

DE-W1
ราคาปิด 1.96
แนวรับ 1.94
แนวต้าน 2.02
แนวโน้ม SIDEWAY UP
บอร์ด DE อนุมัติการลาออกของ"กมล เอี้ยวศิวิกูล" จาก MD แต่ยังคงเป็น CEO ตั้ง "จำนงค์ พุทธิมา" เป็นกรรมการผู้จัดการแทน

BBL
ราคาปิด 140
แนวรับ 138
แนวต้าน 141
แนวโน้ม SIDEWAY DOWN
BBL ขายหุ้นในบริษัทกลุ่มไทยโพลิเมอร์รวมมูลค่า 40 ล้านบาท

EMC
ราคาปิด 10.9
แนวรับ 10.5
แนวต้าน 11.2
แนวโน้ม SIDEWAY
EMC มีแผนที่จะเข้าไปยื่นซองประมูลรถไฟฟ้า โดยจะร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลี รัสเซีย และญีปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือถึงรายละเอียดและขั้นตอนการร่วมประมูล

TTA
ราคาปิด 41.5
แนวรับ 40
แนวต้าน 42
แนวโน้ม SIDEWAY
TTA เผย โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ บ.ย่อย เพิ่มทุนเป็น 111.3 ล้านดอลล์สิงคโปร์ ใช้เป็น
เงินค่างวดสำหรับเรือที่ต่อใหม่

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com