May 4, 2024   8:14:55 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 30/04/2008 @ 10:43:52
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Sideway
กลยุทธ์การลงทุน
Sector Rotation

กรอบ...........825-840 pts
แนวโน้ม.........Trading
ปิดวานนี้........ 833.63, -2.79


Todays picks
Stock CurrentPrice TradingRange FairValue Rec.
ADVANC 92.5 91.5-94.0 112.0 Buy
TSTH 2.34 2.34-2.42 2.70 Buy
BBL 138.0 135-140 160.0 Buy
KSL 14.4 14.2-15.0 14.0 Trading

Whats News

* ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน เม.ย.ล่าสุดอยู่ที่ 62.3 ลดลงจากเดือน มี.ค.ที่ 65.9
ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones ปรับตัวลดลง 40 จุด โดยนักลงทุนส่วนใหญ่รอผลการ
ประชุม FOMC คืนวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เป็น 2.0% และเราคาดว่า FED
จะชอลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลังจากนี้

* ราคาน้ำตาล ครม.อนุมัติขึ้นราคาน้ำตาลอีก 5 บาท/กก. และเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น 50/51
เป็น 807 บาท/ตัน...ส่งผลดีโดยตรงต่อ KSL แนะนำ เก็งกำไร

* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับลดลง US$3.12/บาร์เรล เป็น
US$115.63/บาร์เรล แนะนำ ทยอยสะสม สำหรับ PTT และ PTTEP ดัชนีค่าระวางเดินเรือ BDI ปรับ
ลดลง 71 จุด เป็น 9273 จุด แนะนำ ทยอยลดสัดส่วนการลงทุนต่อเนื่อง สำหรับ TTA

Market Roundup and Trend: เคลื่อนไหวแคบๆ รอทิศทางดอกเบี้ย FED และตัวเลข GDP
สหรัฐฯคืนนี้
SET เคลื่อนไหวแคบๆ ตลอดวันเมื่อวานที่ผ่านมา ปิดตลาดที่ 833.63 จุด ปรับลดลง 2.79 จุด
ด้วยมูลค่าการซื้อขายกลางๆ 17,306 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง 14 ล้านบาท และ
นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 291 ล้านบาท โดยเริ่มเห็นการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นอีกครั้ง โดยมีการเข้าซื้อหุ้นกลุ่ม
ธนาคาร และอสังหาฯกลับเข้ามา ขณะที่ทยอยขายหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาบ้าง สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้
เราคงมองว่าอยู่ในช่วงการสร้างฐานต่อเนื่อง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่รอผลการประชุม FOMC และการ
ประกาศตัวเลข GDP 1Q51 ที่จะประกาศคืนนี้ โดยข้อมูล Bloomberg Consensus คาดว่า FED จะปรับ
ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็น 2.0% ขณะที่ GDP 1Q51 จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 0.3% ทั้งนี้เราอาจเห็น
แรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานระยะสั้นๆ เนื่องจากมีแนวโน้มที่นักลงทุนจะเทขายสินค้าโภคภัณฑ์ออกมาบ้าง หลัง
จาก FED มีแนวโน้มชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลังการประชุมคืนนี้ โดยเราได้เขียนถึงประเด็นนี้ใน
รายงาน Weekly Digest วันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว อย่างไรก็ตามเราคงมองว่าหุ้นกลุ่มพลังงานยัง
คงเป็นกลุ่มที่ยังน่าสนใจเข้าซื้อ โดยเฉพาะ PTT, PTTEP, BANPU และ UMS

Investment Strategy: อาจเห็นแรงขายกลุ่มพลังงานระยะสั้นๆ และแรงซื้อคืนในกลุ่มธนาคาร และ
อสังหาฯ
เรายังมองว่ากลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, BANPU, UMS) และกลุ่มเหล็ก (TSTH, BSBM)
ที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานออกมาดี จะยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจเข้าซื้อในช่วงนี้ แต่อาจเป็นการซื้อแบบรอ
อ่อนตัว เนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดลงในระยะสั้นๆ หลัง FED อาจแสดงท่าทีว่าจะชะลอการปรับ
ลดอัตราดอกเบี้ยลง หลังจากปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุม คืนนี้....โดยเราคาดว่าจะมีแรง
ซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มบ้านและที่ดินระยะสั้นๆ (จากเดิมเราคาดว่าหุ้นสองกลุ่มนี้จะยังไม่ไป
ไหนไกล แต่ด้วยแนวโน้มราคาน้ำมันที่อาจปรับลดลง ทำให้อาจเห็นการเปลี่ยนกลุ่มเล่น หรือ Sector
Rotation ที่มาเร็วกว่าที่คาดไว้เดิม) โดยการเข้าซื้อจะเป็นการเข้าซื้อหุ้นที่เป็นตัวนำในกลุ่มเป็นหลัก
อย่าง BBL, KBANK, SCB, LH, QH, LPN, PS ขณะที่ DTAC ยังแนะนำ ซื้อ รับกำไรที่ดีกว่าคาด
และ เก็งกำไร KSL

AUTO: เริ่มเห็นการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคารบ้างแล้ว

Upgrade BBL, KBANK, THAI, LH, BEC, STEC, LPN
Downgrade SSI
Top Picks PTT, PTTEP, BANPU, BGH


ธปท. ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2551-2552
การปรับประมาณการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยในปี 2551 มีมุมในด้านอัตราการเติบโต
ที่ดีขึ้นของตัวเลข GDP, มูลค่าการนำเข้า มูลค่าการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยชัดเจนว่ามีการ
ปรับตัวเลขเงินเฟ้อขี้นอย่างมีนัยซึ่งจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อกำลังซื้อ
ซึ่งภาครัฐฯจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อและการลงทุนในภาคเอกชน เช่นมาตรการลด
หย่อนภาษี ด้านมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องบิน
พาณิชย์ ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ (Capital intensive)
ประมาณการ GDP ที่มีมุมมองดีขึ้นนั้น นอกเหนือจากภาคการส่งออกที่ยังคงมีความสำคัญสูงแม้ว่าจะมีอัตรา
เติบโตที่ลดลง ซึ่งคาดว่าปัจจัยราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย (ข้าว
น้ำมันปาล์ม ยางพารา) สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่คาดว่าเพิ่มอัตราการเติบโต GDP คือภาคการ
ใช้จ่ายของรัฐฯ ในโครงการหลักๆสำคัญเช่น รฟม. โครงสร้างสาธารณูปโภค และภาคการบริการต่างๆ
เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นในภาพรวมปีนี้ เราคาดการณ์ว่ากลุ่มที่น่าจะได้
รับประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ พลังงาน ธนาคาร รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (เช่น
เหล็ก ซิเมนต์) ธุรกิจท่องเที่ยวและบันเทิงเช่นโรงแรม โรงพยาบาล อาหาร และอสังหาริมทรัพย์

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก

* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง0.31% และดัชนี S&P 500
ลดลง 0.39% โดยได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด) เริ่มการประชุมเป็นเวลา 2 วัน และนักลงทุนคาดว่าผู้กำหนดนโยบายจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
และส่งสัญญาณยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการปรับตัวลงของหุ้นเมิร์ค แอนด์ โค อิงค์ และหุ้นจี
เนนเทค อิงค์ ได้ถ่วงหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลง

* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย ปิดลดลง 3.12
ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.63% เป็น 115.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่า
ขึ้นของดอลลาร์ ,การประท้วงหยุดงานที่โรงกลั่นน้ำมันในเกรนจ์เมาธ์ในอังกฤษได้ยุติลง และการเริ่ม
เจรจาระหว่างสหภาพคนงานไนจีเรียและบริษัทเอ็กซอน โมบิล เพื่อยุติการประท้วง 6 วัน ที่ได้หยุดการ
ผลิตในไนจีเรียเป็นจำนวนมากของเอ็กซอน โมบิล ขณะเดียวกันสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน
(EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ โดยตลาดคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น
300,000 บาร์เรล

* ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1
เดือน เมื่อเทียบกับยูโร โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อที่เพิ่มขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) พร้อมที่
จะส่งสัญญาณยุติการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอ โดยดัชนี
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฝรั่งเศสร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1987, ยอดค้าปลีกของสเปนร่วงลง 5.5%
ในเดือน มี.ค. และอัตราเงินเฟ้อต่อปีของเยอรมนีชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในเดือน เม.ย. ซึ่งเพิ่มแรงดัน
ต่อยูโร

* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดลดลง 71 จุด มาอยู่ที่ 9,273 จุด BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้าง
มาก โดยคาดว่าเกิดจากความต้องการเรือเทกองเพื่อขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากทวีปอเมริกาใต้เพื่อ
ส่งออกเริ่มมีมากขึ้น หลังจากที่กิจกรรมดังกล่าวหยุดชะงักไปในช่วงก่อนหน้านี้ จากการหยุดงานประท้วงของ
เกษตรกรจาก 4 สมาคมหลักในอาร์เจนตินาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 51 ที่ผ่านมา เพื่อ
ต่อต้านการขึ้นภาษี ทั้งนี้ฤดูการเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตรในทวีปอเมริกา จะกินเวลาประมาณ 6 เดือน เริ่ม
ตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป นอกจากนั้น ความต้องการสินแร่เหล็กที่เพิ่มขึ้นจากประเทศจีน ยังมีส่วนหนุน
ให้ BDI มีแนวโน้มสูงขึ้น

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:0377667483">

 กลับขึ้นบน
MOO
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 68
#1 วันที่: 03/05/2008 @ 22:36:20 :
8)
 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#2 วันที่: 04/05/2008 @ 10:51:48 :
จาให้ดูไรอ่า...หมู :lol: [/color:2b15093467">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com