May 4, 2024   5:31:50 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเหล็กเบรคแตก ( ร้อนฉ่ากันอีกแล้ว ถูกตัวมีแววถูกใจครับ )
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 01/05/2008 @ 22:53:49
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นเหล็กเบรคแตก!

หุ้นเหล็กแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ หลังได้รับผลดีจากราคาเหล็กในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง หนุนผลการดำเนินงาน Q1/51 สดใส ทั้งได้แรงกระตุ้นจากภาครัฐ ที่กำลังเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็คเต็มสูบ จับตาสตรอรี่ใหม่ เพิ่มทุน แตกพาร์ แจกวอร์แรนต์ โบรกฯ แนะหุ้นเด่น BSBM, TYM, TSTH, GSTEEL, SSI และ PERM[/size:fb4dcad2b4"> ขณะที่ บล.ซิกโก้ มองโอกาสหุ้นวิ่งแรงมีน้อย เหตุหลายตัวพุ่งรับข่าวเหล็กแพง และผลการดำเนินงานโตไปหลายรอบแล้ว ทั้ง ตลท. ยังเตรียมดับร้อนหุ้น Turnover List กลางปีนี้

* หุ้นเหล็กร้อนฉ่ารับราคาเหล็กโลกพุ่งไม่หยุด-ขาใหญ่ดอดเก็บ
นับจากต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หุ้นกลุ่มเหล็กเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูง ตามราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเห็นได้ว่า บรรดาหุ้นกลุ่มเหล็กจะมีนักลงทุนขาใหญ่กระโดดเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง มีทั้งที่รู้จักกับผู้บริหารบริษัท และผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มีความเชื่อมั่นว่าบริษัทนั้นๆ มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งการเข้าถือหุ้นในแต่ละครั้ง อาจมาในรูปของการทยอยเก็บบนกระดาน หรืออาจเข้ามาในช่วงของการประกาศเพิ่มทุน เพื่อหาเงินขยายธุรกิจ
ตัวอย่างบริษัทที่มีนักลงทุนรายใหญ่เข้าซื้อหุ้น ได้แก่ นายสมพงศ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ "เสี่ยปู่" นักลงทุนรายใหญ่ ที่เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILLจำนวน 10 ล้านหุ้น แทน "ยงยุทธ งามไกรวัล" และ "บรรเจิด เดชะอินทราวงศ์" ที่ไม่สามารถจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามที่ขออนุมัติไว้ในที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 และ นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 20 ล้านหุ้น ส่งผลถือหุ้น MILL เพิ่มเป็น 4.28%
นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ยังได้เก็บหุ้น บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ RICH เข้าพอร์ต 8.95%,นายฉาย บุนนาค นักลงทุนรายใหญ่แต่หน้าใหม่และอ่อนวัยสุดๆ ประกาศจะเก็บหุ้น บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL ให้ได้ 50 ล้านหุ้นภายใน 2 เดือน จากปัจจุบันถืออยู่แล้ว 20-30 ล้านหุ้น และคุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นักลงทุนรุ่นใหญ่ที่มีลูกชายและหลานชายเป็นเจ้าของบริษัทเหล็ก ได้เข้าเก็บ GSTEEL เพิ่มเป็น 10.56% แล้ว
ล่าสุดเข้าข่ายเรื่องเด่น ประเด็นร้อน คือ นายกริช สุธีรชัย นักลงทุนโนเนมแต่เงินหนา ได้เข้าเก็บหุ้น บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM 24.29% และนายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ ที่ทยอยสะสมหุ้น PERM ได้แล้ว 10.06%

* SSI-TYM นำร่องผลงาน Q1/51 สวยปิ๊ง
จากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ทำให้หลายฝ่ายเชื่อมั่นว่า ผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มเหล็กในไตรมาส 1/51 จะออกมาดีมาก เพราะโดยปกติแล้ว บรรดาบริษัทผู้ผลิตเหล็กจะมีวัตถุดิบในสต็อก และมีการสั่งจองล่วงวัตถุดิบหน้าเท่ากับยอดขายประมาณหนึ่งไตรมาส ทำให้ในไตรมาส 1/51 ต้นทุนราคาเหล็กยังถือว่าถูกมาก
ขณะเดียวกัน ยังได้แรงกระตุ้นจากการที่ภาครัฐเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็ค โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย ที่ส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า น่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์เหล็กถูกนำไปใช้ในแต่ละโครงการมากยิ่งขึ้น
ล่าสุดวันนี้ (30 เม.ย.) บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ได้นำร่องโชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 ที่สุดแสนจะสดใสไปแล้ว ด้วยการประกาศมีกำไรสุทธิ 877.36 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.067 บาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรแค่ 111.27 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.008 บาท ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าผู้ประกอบการในธุรกิจนี้จะมีผลงานออกมาในทิศทางเดียวกัน
รวมทั้ง บริษัท ไทยง้วนเมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ TYM ที่โชว์งบการเงินเฉพาะกิจการไตรมาส 1/51 เมื่อวันก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 98.65 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.25 บาท ดีขึ้นมากจากไตรมาส 1/50 ที่มีผลขาดทุน 128.39 ล้านบาท และขาดทุนต่อหุ้น 0.43 บาท[/size:fb4dcad2b4">

* บล.แอ๊คคินซัน ชี้หุ้นเหล็กยังเล่นเก็งกำไรได้ ชู BSBM เด่นสุด
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในวันนี้ (30 เม.ย.) เพราะได้รับปัจจัยบวก จากราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหุ้นที่มีความโดดเด่นและน่าลงทุนมากที่สุดในกลุ่มดังกล่าวคือ บริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) หรือ BSBM เนื่องจากราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้และสัญญาณทางเทคนิคดี โดยให้แนวรับไว้ที่ 1.88 บาท และให้แนวต้านไว้ที่ 2 บาท
ขณะเดียวกันหุ้นในกลุ่มเหล็กยังสามารถเล่นเก็งกำไรได้ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM ให้แนวรับไว้ที่ 1.90 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 2.04 บาท, บริษัท ไทยง้วนเมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ TYM ให้แนวรับไว้ที่ 6.70 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 7 บาท, บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH ให้แนวรับไว้ที่ 2.34 บาท ให้แนวต้านไว้ที่ 2.40 บาท และบริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP ให้แนวรับไว้ที่ 2.36 บาทให้แนวต้านไว้ที่ 2.50 บาท
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตมีแนวโน้มที่กระทรวงพาณิชย์จะปรับเพิ่มราคาขายเหล็กอีก 6-7 บาท แต่ยังไม่สามารถระบุระยะเวลาที่ชัดเจนได้เพราะต้องรอดูความชัดเจนจากภาครัฐก่อน ดังนั้นหุ้นในกลุ่มเหล็กน่าจะได้รับประโยชน์ด้วย

* บล.ฟาร์อีสท์ ให้หุ้นเด่น TMT-GSTEEL น่าซื้อลงทุน
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่าสาเหตุที่หุ้นในกลุ่มธุรกิจเหล็กมีแรงซื้อเข้ามาอย่างคึกคัก ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้มาจากที่นักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรจากประเด็นที่กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้มีการปรับราคาขายเหล็กในประเทศเพิ่มขึ้น 7 บาท/กิโลกรัม ในครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคมนี้ โดยราคาเหล็กปรับเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ราคาเหล็กสูงถึง 30 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งหากกรมการค้าภายในปรับขึ้นราคาเหล็กอีกก็จะเป็น 37 บาทต่อกิโลกรัม หรือเพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 23% โดยน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ผลประกอบการปี 2551 ของหุ้นเหล็กเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สำหรับหุ้นเหล็กที่มองว่าน่าสนใจลงทุนมากที่สุดคือ บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT โดยมองว่าผลประกอบการจะออกมาเติบโตอย่างโดดเด่น คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิไตรมาสแรกอยู่ที่ 127 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 165% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2550 จากแรงผลักดันของราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้น และได้ผลบวกจากโครงการลงทุนของภาครัฐที่จะทำให้มีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และอีกหนึ่งประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจอยู่ที่อัตราตอบแทนจากเงินปันผลซึ่งที่ผ่านมามี Dividend Yield เฉลี่ย 9% และจากสมมติฐานที่ผลประกอบการปีนี้จะออกมาดีคาดว่า จะสามารถจ่ายเงินตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 9% แนะนำซื้อ ให้แนวรับ 4.40 บาท แนวต้าน 4.60 บาท
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL ประเมินพื้นฐานธุรกิจที่บริษัทมีเตาหลอมของตัวเอง ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว คาดการณ์ผลประกอบการน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพราะมีแรงหนุนจากราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในไตรมาส 1/51 ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาเหล็กรีดร้อนในตลาดโลกเป็นประมาณ 24,000 บาท/ตัน นอจากนี้การควบรวมกับ NSM ทำให้ Economy of Scale ดีขึ้นเพราะการสั่งซื้อวัตถุดิบและผลิตสินค้าตามออร์เดอร์ที่มากขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลง รวมไปถึงสามารถเพิ่มอำนาจต่อรองแก่คู่ค้าได้มากขึ้นเช่นกัน แนะนำซื้อ ให้แนวรับ 1.13 บาท แนวต้าน 1.23 บาท
ส่วนการที่นักลงทุนรายใหญ่หันมาเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มเหล็กมากขึ้นน่าจะมาจากช่วงที่กระแสราคาเหล็กปรับเพิ่มขึ้นสูงทำให้หุ้นกลุ่มเหล็กเป็นที่น่าสนใจ มีแรงซื้อเข้ามามากทำให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายสูง สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้สะดวกและไม่ติดหุ้นอีกทั้งพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตดีจึงน่าจะให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีเช่นกัน

* บล.ทรีนีตี้ มองเดือน พ.ค. พาณิชย์อาจขึ้นราคาเหล็กอีกรอบ แนะนำ TSTH-GSTEEL-SSI
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ได้ประเมินสถานการณ์ที่มีผลโดยตรงกับหุ้นกลุ่มเหล็กหลังจากมีรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ในการประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำเหล็กเส้นและเหล็กโครงสร้างรูปพรรณวันที่ 25 เม.ย.2551 ที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงสถานการณ์ราคาเหล็กเส้น เหล็กแผ่น เดือนพ.ค. ซึ่งมีแนวโน้มจะต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นตามสินแร่เหล็กในตลาดโลกขยับขึ้นและเรื่องดังกล่าวจะมีการเร่งหารือให้ได้ข้อสรุปต่อไป
ทั้งนี้ จึงคาดการณ์ว่าจะส่งผลโดยตรงกับหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตเหล็กในแง่ความยืดหยุ่นในการตั้งราคาขายตามราคาเหล็กในตลาดโลกโดยเฉพาะ TSTH จึงแนะนำ ?ซื้อ ? ราคาเป้าหมายที่เหมาะสมอยู่ที่ 2.90 บาท ในขณะที่หุ้นอื่นเช่น GSTEEL และ SSI แนะนำเพียงซื้อเก็งกำไร
อย่างไรก็ดี มองว่าการพิจารณาปรับราคาผลิตภัณฑ์เหล็กดังกล่าว เป็นการปรับราคาแนะนำหรือเพดานราคาค้าปลีกไม่ได้หมายถึงปรับขึ้นทันทีในอัตรา 7 บาทต่อ ก.ก. ซึ่งปัจจุบันราคาขายปลีกในประเทศอยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อ ก.ก.ใกล้เต็มเพดานเดิมที่อนุมัติไว้ ทางบริษัทฯ จึงเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่กระทรวงพาณิชย์จะปรับเพดานราคาขึ้นในเดือน พ.ค. นี้

* บล.กิมเอ็ง ให้มุมมองเป็นบวกระยะสั้น แต่เป็นลบในระยะยาว
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า กลุ่มผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลก ในประเทศ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ได้ตกลงราคาถ่านโค้ก (Coking Coal) กับผู้ส่งออกออสเตรเลีย พุ่งขึ้นเป็น 300 เหรียญ/ตัน จาก 98 เหรียญ/ตัน หรือ ปรับเพิ่มขึ้น 206% โดยถ่านโค้กนับว่าเป็นวัตถุดิบหลักอีกชนิดหนึ่งในการถลุงเหล็ก ก่อนหน้านี้ราคาสินแร่เหล็กได้ปรับเพิ่มขึ้น 65% สำหรับการตกลงราคาในรอบ เม.ย. 2551 - มี.ค. 2552 ระหว่างประเทศบราซิล และ ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำใน จีน, ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ในขณะที่ประเทศออสเตรเลียเรียกร้องปรับขึ้นมากกว่า 65-71% เนื่องจากมีระยะทางที่ใกล้กว่าบราซิล แต่ยังตกลงไม่ได้
ทั้งนี้ ในขบวนการถลุงเหล็กแบบ Conventional Blast Furnace การจะได้น้ำเหล็ก 1 ตัน จะต้องใช้ แร่เหล็ก เท่ากับ 1.52 ตัน และ ถ่านหินแบ่งเป็น ถ่านหินชนิด PCI Coal 0.15 ตัน และ Coke 0.35 ตัน ดังนั้น ราคาถ่านโค้กปรับขึ้น 202 เหรียญ/ตัน เป็น 300 เหรียญ/ตัน จะทำให้ต้นทุนในการผลิตเหล็กขึ้นเท่ากับ 71 เหรียญ/ตัน (0.35*202) เมื่อรวมกับราคาแร่เหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้น 52.3 เหรียญ/ตัน หรือ 65% และ ราคาถ่านหินที่ปรับเพิ่มขึ้น 31 เหรียญ/ตัน หรือ 35% จะทำให้ต้นทุนการเหล็กรวมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 155 เหรียญ/ตัน (1.52*52.3 + 0.15*31 + 0.35*202)
อย่างไรก็ตาม พิจารณาราคาเหล็กในปัจจุบันได้วิ่งขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาในเดือน ธ.ค. 2550 ที่ผ่านมา เช่น ราคาเหล็กรีดร้อนชนิดม้วน อ้างอิงกับกลุ่มประเทศรัสเซียเก่า พุ่งขึ้นมาเป็น 970 เหรียญ/ตัน จาก 590 เหรียญ/ตัน ในเดือน ธ.ค. หรือ ปรับเพิ่มขึ้น 380 เหรียญ/ตัน และ ราคาเหล็กเส้นพุ่งขึ้นมาเป็น 925 เหรียญ/ตัน จาก 575 เหรียญ/ตัน ในเดือน ธ.ค. หรือ ปรับเพิ่มขึ้น 350 เหรียญ/ตัน มากกว่าผลของต้นทุนวัตถุดิบ แร่เหล็ก และ ถ่านหิน ที่ปรับเพิ่มขึ้น 155 เหรียญ/ตัน การปรับตัวสูงขึ้นของราคา เหล็กรีดร้อน และ เหล็กเส้น อย่างมากในปัจจุบัน เรามองว่าถูกผสมโรงด้วยผลของการเก็งกำไร ดังนั้น เราคาดหมายว่าราคาเหล็กในตลาดโลกมีแนวโน้มจะทรุดลงประมาณ 100-200 เหรียญ/ตัน ในช่วงครึ่งปีหลัง
นับว่าสอดคล้องกับความเห็นของ Mysteel Issue 229 (Apr 7, 2008) ของจีน ได้คาดการณ์ว่าราคาเหล็กรีดร้อนส่งออกของจีนในช่วง 3 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มจะถดถอยลงมาที่บริเวณ 700 เหรียญ/ตัน จากจุดสูงสุดประมาณ 900-950 เหรียญ/ตัน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง การสต็อกจำนวนมากของเทรดเดอร์ และ ภาวะอิ่มตัวของความต้องการ
สำหรับการปรับตัวสูงขึ้นของราคาเหล็กในครึ่งแรกของปี 2551 เกิดจากแรงกดดันด้านต้นทุนเป็นสำคัญ จากทั้ง แร่เหล็ก และ ถ่านหิน ที่พุ่งสูงขึ้น ผสมด้วยภาวะการเก็งกำไร ทางด้านราคาขายในประเทศยังถูกควบคุมโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยเราคาดหมายว่าจะอนุมัติให้มีการปรับราคาได้ในอนาคตจากต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งโดยปกติแล้วบริษัทผู้ผลิตเหล็กต่างๆจะมีวัตถุดิบในสต็อกและมีการสั่งจองล่วงวัตถุดิบหน้าเท่ากับยอดขายประมาณหนึ่งไตรมาส ดังนั้น การปรับตัวสูงขึ้นของราคาเหล็กในงวดครึ่งปีแรกจะทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 1-2 นี้โดดเด่นอย่างมาก
แต่ผลประกอบการในครึ่งปีหลังเรามองว่าจะได้รับผลลบจากต้นทุนที่สูง รวมถึงความเสี่ยงที่ราคาเหล็กจะปรับลดลง เนื่องจากราคาปัจจุบันได้รวมผลของการเก็งกำไรเข้าไปมากเกินไป ดังนั้น รวมแล้วเราจึงมีมุมมองเป็นบวกในระยะสั้นต่อกลุ่มเหล็กจากที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่มีมุมมองเป็นลบในระยะยาว จากความต้องการเหล็กในประเทศที่ยังต่ำ และ ความเสี่ยงที่ราคาจะปรับลดลงในครึ่งปีหลัง สำหรับคำแนะนำในหุ้นกลุ่มเหล็กคือ BSBM (ถือ : ราคาเหมาะสม 1.40 บาท), GSTEEL (ถือ : ราคาเหมาะสม 1.10 บาท), SSI (ซื้อเก็งกำไร : ราคาเหมาะสม 1.2 บาท) และ TSTH (ซื้อเก็งกำไร : ราคาเหมาะสม 2.4 บาท)

* ซิกโก้ มองราคาหุ้นวิ่งรับข่าวเหล็กแพงไปแล้ว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ ให้ความเห็นว่า หุ้นในกลุ่มเหล็กที่ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เข้ามาซื้อเก็งกำไร รับข่าวการราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าหุ้นในกลุ่มเหล็กไม่เหลือความโดดเด่นแล้ว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแรง ประกอบกับผลการดำเนินงานก็ประกาศออกมาแล้วบางส่วน ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็เข้าซื้อ เพื่อรับข่าวดังกล่าวก่อนการทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 จึงเริ่มมีทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง
"ถ้าถามถึงหุ้นกลุ่มเหล็ก ตอนนี้ผมว่าหมดแล้ว ผลประกอบการก็ไม่น่าจะมีอะไรเด่น และในช่วงที่ผ่านมาก็ขึ้นมาแรงก็หยุด ยกตัวอย่างเช่น TSTH ขึ้นมาแล้วก็หยุด และ BSBM วอลุ่มสูงมาก วันนี้ราคาขึ้นไป 2.12 บาท และก็ลงมาเหลือที่ราวๆ 1.91 บาท ปรับลดลงมา 10% และหากยังจำกันได้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนประกาศผลประกอบการแบงก์ Q1/51 หุ้นก็ร่วงไปเกือบ 2 อาทิตย์ กว่าจะเริ่มปรับขึ้นมาอีก" แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว
สำหรับการที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะปรับเพิ่มราคาขายเหล็กอีก 6-7 บาท ก็อาจจะมีการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนบ้าง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าอาจจะเป็นการเข้ามาซื้อเล่นรอบมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น GSTEEL ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเกือบ 30% จากช่วงราคาที่ 0.90 บาท มาจนถึงจุดสูงสุดที่บริเวณ 1.27 บาท ซึ่งมองว่าราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างแรงแล้ว จึงอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก
นอกจากนี้ มองว่าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยระยะนี้มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากหุ้นมาร์เก็ตแค็ปขนาดใหญ่ก็อยู่ในช่วงการปรับฐาน ประกอบกับตลาดหลักทรัพย์ไทย ก็เตรียมนำมาตรการห้ามเน็ตฯ และห้ามซื้อขายบัญชีมาร์จิ้นมาบังคับใช้กับหุ้นที่มี Turnover List สูงและมีผลงานติดลบ ในช่วงกลางปีนี้ ก็น่าจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวมของตลาดหุ้นไทยได้

* ยังมีสตรอรี่รออยู่เพียบ ทั้งควบรวมกิจการ-เพิ่มทุน-แตกพาร์-ขยายธุรกิจ-ปรับโครงสร้างธุรกิจ
แม้ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ปัจจุบันหุ้นกลุ่มนี้ยังคงอยู่ในความนิยมของนักลงทุน ทั้งรายใหญ่ และรายย่อย โดยเฉพาะมีคาดการณ์ตามมาว่า หุ้นกลุ่มนี้ยังมีสตรอรี่เด็ดๆ อีกเพียบ อาทิ การประกาศเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจ, การแตกไลน์ธุรกิจใหม่ที่จะสร้างกำไรให้บริษัทมากกว่าเดิม, การประกาศแจกวอร์แรนต์ และการแตกพาร์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้หุ้น
ที่ผ่านมา MILL ได้เพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจไปแล้ว ปัจจุบันกำลังควบรวมกิจการกับ บริษัท เหล็กบูรพา อุตสาหกรรม จำกัด (BRP) ที่มีแผนจะให้แล้วเสร็จปลายเดือนเมษายน และรับรู้รายได้ตั้งแต่ Q2/51 เป็นต้นไป พร้อมกับเตรียมเข้าตลาด SET เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
TYM ประกาศปรับสัดส่วนรายได้จากการผลิตและการขายให้เป็น 40:60 จากปัจจุบัน 20:80 และจะใช้งบลงทุนปีนี้ 200 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2 แสนตัน/ปี, RICH เพิ่มทุน 500 ล้านหุ้นไปแล้ว ล่าสุดกำลังเร่งศึกษาตั้งโรงงานถลุงเหล็ก วางงบลงทุนเบื้องต้น 200 ล้านเหรียญสหรัฐ และที่ผ่านมาบอร์ด RICH อนุมัติแตกพาร์จากหุ้นละ 1 บาท เป็น 0.10 บาทเรียบร้อยแล้ว [/size:fb4dcad2b4"> GSTEEL ลดทุน-เพิ่มทุน-เดินหน้าหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเน้นด้านเทคโนโลยี หลังก่อนหน้านี้ได้เข้าทำสัญญาการให้ความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนแบบครบวงจร กับ Dongbu Steel Company Limited เกาหลีใต้แล้ว นอกจากนี้ยังเข้าถือหุ้น NSM ซึ่งเป็นตระกูลเหล็กเหมือนกันในสัดส่วน 49.67% แล้ว
PERM เตรียมแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจเหล็กกระป๋องหลังได้ตระกูล "สุธีรชัย" ร่วมเป็นพันธมิตร และในการประชุมผู้ถือหุ้นวันก่อน ผู้บริหารรับปากว่าจะไปพิจารณาประเด็นแตกพาร์จาก 1 บาท เป็น 10 สตางค์ แต่ทั้งนี้ต้องขอความคิดเห็นจากที่ปรึกษาทางการเงินก่อน

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 02/05/2008 @ 08:54:58 :
SSI ง่ะ.... บรือออออออ.... [/color:010bbb2381">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com