May 4, 2024   11:51:44 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 07/05/2008 @ 10:40:48
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Positive
กลยุทธ์การลงทุน
Accumulate

กรอบ 844-852 pts
แนวโน้ม Trading
ปิดวานนี้ 845.83, +2.68

Todays picks

Stock CurrentPrice TradingRange FairValue Rec.
PTTEP 174.0 174-178 184.5 Buy
BANPU 444.0 444-456 540.0 Buy
UV 2.94 2.9-3.0 N.A. Trading
BEC 28.50 28.25-29.25 32.0 Buy

Whats News

* การเมือง หัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะมีนัดหารือกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาล
ในวันที่ 8 พ.ค.นี้
* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง US$1.87/บาร์เรล
เป็น US$121.84/บาร์เรล แนะนำ ทยอยสะสม สำหรับ PTT และ PTTEP ดัชนีค่าระวางเดินเรือ BDI
ปรับสูงขึ้น 274 จุด เป็น 9855 จุด แนะนำ ทยอยสะสม สำหรับ TTA

Market Roundup and Trend: หุ้นกลุ่มพลังงานผลักดัน SET ปรับสูงขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิม 850-852จุด
SET ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย 2.68 จุด ปิดตลาดที่ 845.83 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น
22,437 ล้านบาท (เป็นปริมาณการซื้อขายของ ESSO 2,636 ล้านบาท) โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ
ต่อเนื่องอีก 1,153 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 590 ล้านบาท โดยแรงซื้อหุ้นส่วนใหญ่กระจุก
ตัวอยู่ที่หุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้
คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อ โดยมีเป้าหมายการปรับขึ้นไปที่จุดสูงสุดเดิมบริเวณ 850-852 จุด ทั้งนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอีก US$1.87
/บาร์เรล ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ US$121.84/บาร์เรล ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่มึคงหนีไม่พ้นธุรกิจพลังงาน
Upstream อย่าง PTTEP, PTT, และ BANPU โดยเรามองว่า BANPU เป็นหุ้นที่น่าสนใจเข้าซื้อใน
ปัจจุบันเนื่องจากราคาหุ้นยังปรับสูงขึ้นไม่มากนัก ขณะที่ราคาถ่านหินอิงดัชนี BJI ล่าสุดเริ่มฟื้นตัว
(ดูรายงาน AYS Commodity Index)

Investment Strategy: หุ้นกลุ่มพลังงานยังโดดเด่น แต่อย่าลืมสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร และหลักทรัพย์เก็บ
ไว้บ้าง
นอกจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะส่งผลดีโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มพลังงานแล้ว ค่าเงินบาทที่เริ่มนิ่ง/
อ่อนค่าเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานด้วยเช่นกัน เนื่องจากการขายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่อิงกับ
ค่าเงินดอลลาร์ฯ เป็นหลัก โดยเราให้ PTT, PTTEP, BANPU, และ UMS เป็นหุ้นเด่น ขณะที่หุ้นส่งออก
อื่นๆ เช่นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ CCET และ DELTA เราแนะนำเพียง Trading เนื่องจากผลการดำเนินงาน
ปี 51 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่กลุ่มหุ้นที่เราแนะนำให้ทยอยสะสม คือ กลุ่มธนาคาร ที่คาด
ว่าผลการดำเนินงาน 2Q51 น่าจะออกมาดีต่อเนื่อง จากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่กลุ่ม
หลักทรัพย์แนะนำ ทยอยสะสม PHATRA (พื้นฐาน 47 บาท) ที่ได้รับผลดีจากการนำ ESSO เข้าตลาด
และปริมาณซื้อขายที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึง BLS (พื้นฐาน 30 บาท) ที่ได้รับผลบวกจากการนำ Premier
Marketing กับ TTW (Co-Underwriter) เข้าตลาด

AUTO: PTT, PTTEP, BGH, และ SSI มีแนวโน้มราคาแข็งแกร่ง

Upgrade DELTA, STEC
Downgrade BBL, KBANK, SCB, RATCH, CPF
Top Picks PTT, PTTEP, BANPU, BGH, SSI

ธปท. ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2551-2552

การปรับประมาณการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยในปี 2551 มีมุมในด้านอัตราการเติบโต
ที่ดีขึ้นของตัวเลข GDP, มูลค่าการนำเข้า มูลค่าการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยชัดเจนว่ามีการ
ปรับตัวเลขเงินเฟ้อขี้นอย่างมีนัยซึ่งจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อกำลังซื้อ
ซึ่งภาครัฐฯจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อและการลงทุนในภาคเอกชน เช่นมาตรการลด
หย่อนภาษี ด้านมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องบิน
พาณิชย์ ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ (Capital intensive)
ประมาณการ GDP ที่มีมุมมองดีขึ้นนั้น นอกเหนือจากภาคการส่งออกที่ยังคงมีความสำคัญสูงแม้ว่าจะมีอัตรา
เติบโตที่ลดลง ซึ่งคาดว่าปัจจัยราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย (ข้าว
น้ำมันปาล์ม ยางพารา) สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่คาดว่าเพิ่มอัตราการเติบโต GDP คือภาคการ
ใช้จ่ายของรัฐฯ ในโครงการหลักๆสำคัญเช่น รฟม. โครงสร้างสาธารณูปโภค และภาคการบริการต่างๆ
เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นในภาพรวมปีนี้ เราคาดการณ์ว่ากลุ่มที่น่าจะได้
รับประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ พลังงาน ธนาคาร รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (เช่น
เหล็ก ซิเมนต์) ธุรกิจท่องเที่ยวและบันเทิงเช่นโรงแรม โรงพยาบาล อาหาร และอสังหาริมทรัพย์

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก

* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้น ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 0.40% และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น
0.77% โดยได้รับแรงหนุนหลังจากผู้บริหารของแฟนนี เม ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
เปิดเผยว่า ภาวะเลวร้ายที่สุดของตลาดสินเชื่อที่เกิดจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น อาจผ่าน
พ้นไปแล้ว ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับการขาดทุนรายไตรมาสครั้งใหญ่ของบริษัท และช่วยหนุนหุ้นกลุ่ม
การเงินโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นเหนือระดับ 122 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นครั้ง
แรก ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย

* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย ปิด
เพิ่มขึ้น 1.87 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.56% เป็น 121.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ในระหว่างวัน
ราคาน้ำมันดิบมีความผันผวนและทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 122.73 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุน
จากความอ่อนแอของดอลลาร์, ความกังวลเรื่องอุปทาน และการที่บริษัทโกลด์แมน แซคส์คาดว่า ราคา
น้ำมันดิบอาจขึ้นไปถึงระดับ 150 - 200 ดอลลาร์ เนื่องจากปริมาณการผลิตไม่เพิ่มสูงขึ้น

* ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรและเยน ดอลลาร์อ่อนค่าลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน
หลังบริษัทแฟนนี เม เปิดเผยยอดขาดทุน 2.19 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรก ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัย
เผชิญกับภาวะย่ำแย่ลง ทั้งนี้นักวิเคราะห์ระบุว่า ข่าวดังกล่าวสร้างความวิตกสำหรับดอลลาร์ เนื่องจากเป็น
การบ่งชี้ว่า ปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยูโรได้แรงหนุนจาก
ข้อมูลภาคบริการของยูโรโซนที่แข็งแกร่งเกินคาด นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่สูงเป็นประวัติการณ์ได้ตอกย้ำความ
เห็นของนาย ฌอง คล็อด ทริเซต์ ประธานธนาคารกลางยุโร (ECB) ซึ่งระบุว่า เงินเฟ้อเป็นความเสี่ยง
ที่สำคัญ และสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า อีซีบีจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 4% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้

* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดเพิ่มขึ้น 274 จุด มาอยู่ที่ 9,855 จุด BDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก
โดยคาดว่าเกิดจากความต้องการเรือเทกองเพื่อขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากทวีปอเมริกาใต้เพื่อส่งออก
เริ่มมีมากขึ้น หลังจากที่กิจกรรมดังกล่าวหยุดชะงักไปชั่วคราว จากการหยุดงานประท้วงของเกษตรกรใน
อาร์เจนตินาตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 51 เป็นต้นมา เพื่อต่อต้านการขึ้นภาษีส่งออก โดยที่ข้อมูลการเก็บเกี่ยว
ผลผลิตทางการเกษตรในอาร์เจนติน่าเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ปัจจุบันเก็บเกี่ยวไปแล้ว 67% ของผลผลิตทั้งหมด
(อาร์เจนติน่าเป็นประเทศผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่อันดับสองของโลก) ทั้งนี้ฤดูการเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตร
ในทวีปอเมริกา จะกินเวลาประมาณ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป นอกจากนั้น ความต้องการ
สินแร่เหล็กและถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากประเทศจีน ยังมีส่วนหนุนให้ BDI มีแนวโน้มสูงขึ้น

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:2f4c61e56b">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com