May 4, 2024   11:56:45 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิเคราะห์หุ้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 08/05/2008 @ 08:50:41
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

ภาพวันวาน
ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในเชิงบวกทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นเพียงจีน, ฮั่งเส่ง ที่ปรับลบรุนแรง โดยเปิดตลาดภาคเช้าดัชนีบวก 7.15 จุด แต่ปิดตลาดบวกเพียง 2.88 จุด มีแรงซื้อหนุนของหุ้นพลังงาน (PTT,PTTEP) พร้อมมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.25 หมื่นล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,082.65 ล้านบาท

ประเด็นร้อนวันนี้
* สำรองน้ำมันดิบสูงเกินคาด ปัญหาในไนจีเรียเริ่มสงบ ราคาควรมีทิศทางอ่อนตัว ปริมาณ
สำรองน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐสูงเกินกว่าตลาดคาด โดยเฉพาะน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์ ที่คาดว่าจะเพิ่มเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล และน้ำมันกลั่น (Heating oil + ดีเซล) ลดลง 1 แสนบาร์เรล เทียบกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8 แสนบาร์เรล ยกเว้นน้ำมันเบนซินกลับเพิ่มขึ้น 8 แสนบาร์เรล เทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 1 แสนบาร์เรล ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในแหล่งผลิตสำคัญ เช่น ไนจีเรียเริ่มคลี่คลาย คาดว่าจะกดดันให้ราคาน้ำมันดิบดูไบมีแนวโน้มอ่อนตัวลง หลังจากล่าสุดทำสถิติสูงสุดที่ 117 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาหุ้นน้ำมันบางแห่ง มีการปรับขึ้นตอบรับในระยะสั้น เช่น PTTEPปรับตัวขึ้น 7.8% ในระยะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น จึงแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และแนะนำให้ซื้อสะสม BANPU(FV@B564.07) เนื่องจากยังขยับขึ้นช้า
กว่าหุ้นใหญ่ในกลุ่ม (PTTEP และ PTT)

* เงินบาททรง แม้ดอลลาร์กลับมาแข็งอีก ดีต่อภาคส่งออกวานนี้เงินดอลลาร์ กลับมาแข็งค่าอีก
ครั้งเมื่อเทียบกับทุกสกุลของโลก และหากพิจารณาย้อนหลัง 1 สัปดาห์ (หลัง Fed ลดดอกเบี้ย 0.25%
เหลือ 2%) พบว่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อเนื่อง โดยเฉพาะสกุลเงินเอเซีย เช่น เงินวอน พบว่าอ่อนค่าสูงสุดในภูมิภาค 2.97% ตามมาด้วยรูปีย์ อ่อนค่า 1.98% ในขณะที่ปอนด์ อ่อนค่า 1.66% และยูโรอ่อนค่า 1.45% สำหรับเงินบาทไทย อ่อนค่าทรงตัว 0.11% และคาดว่าจะสามารถทรงตัวในกรอบ 31.5-31.8 ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าดีต่อธุรกิจที่มีรายได้และต้นทุนในรูปดอลลาร์ เช่น ภาคท่องเที่ยว เช่น MINT, ERAWAN รวมถึงธุรกิจโรงพยาบาลที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยงเชิงสุขภาพ เช่น BH

* ดัชนี DJIA อ่อนตัวลง หลังติดแนวต้าน 13,000 จุด แม้เชื่อว่าตลาดหุ้นได้รับรู้ปัญหาถึงภาวะเศรษฐกิจที่ประสบภาวะซบเซา และการลดดอกเบี้ยนโยบายก็มาถึงจุดต่ำสุด สะท้อนจากที่ดัชนี DJIA สามารถยืนเหนือ 12,000 จุด และแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องนับจากปลายปี 2550 แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจที่ทยอยประกาศออกมา เพื่อเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐประสบปัญหา เช่น ยอดการทำสัญญาซื้อขายบ้านในเดือน มี.ค.ที่ปรับลดลง 1% (ในเดือน ก.พ.ลดลง 1.9%) กลับมาสร้างความกังวลต่อตลาด และสภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองเพิ่มเติม ประกอบกับดัชนี Dow Jones มีการแกว่งตัวขึ้นต่อเนื่องมาเกือบ 1,000 จุด จากจุดจุดต่ำสุดมาที่ 13,000 จุด ทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น แต่คาดว่าไม่รุนแรง โดยจะมีแนวรับที่ 12,800 จุด และน่าจะกดดันให้หุ้นเอเชียปรับตัวลงในทิศทางเดียวกันด้วย สำหรับตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะอ่อนตัวไม่รุนแรงเช่นเดียวกัน โดยจะมีแนวรับที่ระดับ 835 จุด

INVESTORS PLUS
แนวรับ / แนวต้าน ใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด : 820 / 860 จุด
ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้ดัชนีแกว่งตัวลบ แนวรับ 835 จุด แนวต้าน 853 จุด
กลยุทธ์วันนี้ : แนะนำเลือกซื้อหุ้นรายตัวเมื่อราคาอ่อนตัวเข้าสู่แนว PTTCH(109/112),
ADVANC(91/94), LH(9/9.3), CK(7.7/8.2), ITD(8.45/8.8)


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 08/05/2008 @ 08:59:07 :
บล.ธนชาต

SET50
แนวรับ 605-606,600 จุด
แนวต้าน 616-618,621-623 จุด
* เมื่อวาน หุ้นใหญ่ในกลุ่มน้ำมัน คือ PTT และ PTTEP ยังช่วยประคองให้ SET50 ยืนปิดในแดนบวกได้ แม้ว่าจะขึ้นทดสอบแนวต้าน 616 จุดแล้วไม่ผ่าน อ่อนตัวลงในช่วงท้ายตลาด
* วันนี้ ยังต้องขึ้นกับแรงส่งของ PTT และ PTTEP ว่าจะปรับตัวขึ้นต่อหรือจะอ่อนตัวลง เราคาดว่าปัจจัยลบคือการอ่อนตัวลงของ DJIA น่าจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรบ้าง จึงมีโอกาสที่ SET50 เปิดแล้วจะอ่อนตัวลงก่อน ให้สังเกตแนวรับของ PTT ที่ 340-342 บาท หากรับอยู่ แนวรับของ SET50 ที่ 605-606 จุด น่าจะเป็นจุดฟื้นตัวขึ้นได้

S50M08 (สิ้นสุดสัญญาเดือนมิถุนายน)
แนวรับ 609-610,605 จุด
แนวต้าน 620,626-629 จุด
* S50M08 มีแรงไล่ซื้อในช่วงท้ายทำให้ขึ้นมาปิดประชิดราคาสูงสุดของวัน และ BASIS เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 5 จุดเศษ
* แนวโน้มวันนี้ เปิดแล้วน่าจะอ่อนตัวลงเลย หากค่า BASIS หดแคบลงเราคาดว่าจะลง
มาทดสอบแนวรับ 609-610 จุด หากไม่หลุดลงไปน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปได้

กลยุทธ์การลงทุน
* ในกรณีที่เปิดแล้วอ่อนตัวลงเลย ให้รอที่แนวรับ 609-610 จุด หากรับอยู่ แนะให้เปิดสถานะ LONG แล้วรอปิดสถานะเมื่อฟื้นตัวขึ้น โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 608 จุด
* ในกรณีที่เปิดทรงตัว บวกลบไม่มาก และไม่สามารถผ่าน 619.30 จุดซึ่งเป็นจุดยอดเมื่อวาน
ไปได้ แนะให้ เปิดสถานะ SHORT แล้วรอซื้อกลับปิดสถานะเมื่ออ่อนตัวลง โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 621 จุด


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 08/05/2008 @ 09:25:40 :
บล.กิมเอ็ง


แนวโน้มตลาดวันนี้มุมมองตลาด: เราไม่คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ได้ และคาดว่าจะมีการปรับฐานเร็วๆนี้

ประเด็นสำคัญ: ราคาน้ำมันในระดับสูงอาจจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับตลาดมากขึ้น และจะส่งผลเชิงลบต่อหุ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานบางตัวด้วยพัฒนาการตลาด:

* ราคาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยปิดที่ระดับ 123.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสัญญาณบ่งชี้การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ขายหุ้นกลุ่มพลังงานเมื่อ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นและซื้อคืนเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลง
* ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง 1.6%-1.8% จากความกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้อในภาวะที่ราคาน้ำมัน
อยู่ในระดับสูงและการออกมาตรการเปิดเผยข้อมูลใหม่สำหรับธนาคารคารเพื่อการลงทุนจะทำให้ผลกำไร
ของบริษัทหลักทรัพย์ลดลง นอกจากนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระดับสูง (น้ำมัน ถ่านหิน และเหล็ก) จะส่งผล
เสียต่อหุ้นส่วนใหญ่ (หุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมา)

กลยุทธ์หุ้น: มุมมองของเราโน้มไปในทางขายระยะสั้น

* ขาย:
PTTAR (เพราะการขาดทุนของธุรกิจอะโรเมติคส์ในครึ่งแรกปีนี้) และ หาจังหวะดีๆ ย้ายเข้า
ไปหุ้น BANPU และ UMS (ซื้อช่วงอ่อนตัวลง)

* ขายออกไปก่อนช่วงหุ้นขึ้นรับข่าวดี บนหุ้น PTTEP และ TTA ราคาน้ำมันและดัชนี BDI ปรับขึ้นสูงก็จริงแต่ตลาดก็รับรู้และหุ้นก็ได้ขึ้นมาแล้วน่าจะมีแรงขายหากหุ้นต่อไปได้
* หุ้นการเงิน หุ้นอสังหาริมทรัพย์ และ หุ้นอุปโภค (ธนาคารใหญ่ หุ้นโทรศัพท์มือถือ หุ้นทีวี หุ้นอสังหาฯขนาดใหญ่) จะได้รับผลลบจากเงินเฟ้อด้านต้นทุนมากที่สุด
* ซื้อเก็งกำไรหุ้น SVI และ LHK บนฐานการเจริญเติบโตและราคาหุ้นถูกเกินไป ในระยะนี้
หุ้นเล็กมูลค่าดีแต่ตลาดมองข้ามก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่หุ้นใหญ่ถูกกดดันด้วยดัชนี

กลยุทธ์หุ้น

* ซื้อหุ้น LHK หุ้นขนาดเล็กที่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน
เราเริ่มต้นการวิเคราะห์หุ้น LHK เป็นครั้งแรกโดยให้คำแนะนำ ซื้อ (โดยมีราคาเป้าหมาย 3
บาท/หุ้น) LHK เป็นผู้ให้บริการตัดและขึ้นรูปแสตนเลสแก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ของญี่ปุ่น เราเชื่อว่า LHK เป็นหุ้นที่ถูกตลาดมองข้ามไปจากการที่บริษัท มีผลกำไรเติบโต 35% ในปี 2550
(ปีบัญชีสิ้นสุดในเดือนมีนาคม) และคาดว่าผลกำไรจะเติบโต 16% ในปีนี้ ขณะที่หุ้นซื้อขายที่ PER 5.9 เท่า
ซึ่งยังต่ำกว่าราคา IPO ที่ 2.76 บาท/หุ้นในเดือนมกราคมอยู่ 24%

* ซื้อ SVI จากผลกำไรที่เติบโตแข็งแกร่ง
การเติบโตของยอดขายใหม่ๆในกลุ่มสินค้าเครื่องวัดและควบคุมทางอุตสาหกรรม รวมถึงตลาดแถบแสกนดิเนเวียจะช่วยผลักดันผลกำไรในปีนี้ แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นแต่เราคาดว่ากำไรปกติของบริษัทในไตรมาส 1/51 จะเติบโต 28% โดยหุ้นมีการซื้อขายที่ PER ปีนี้เพียง 6.3 เท่า

สัดส่วนการลงทุนเราขอปรับลดการถือหุ้นลงเหลือ 40% เพราะเห็นว่าการปรับขึ้นของราคาน้ำมันสูงขนาดนี้ไปเพิ่มความเสี่ยงตลาด
% ถือ % ก่อนหน้า หุ้นหลัก
เงินสด 60% 50%
หุ้นขนาดใหญ่ 12% 15% PTT, BBL และ KBANK
หุ้นไวต่อดัชนี 10% 14% TTA, BAY, BANPU และ TCAP
หุ้นมีประเด็น 13% 16% CPF, BLS, PHATRA, HMPRO และ LPN
หุ้นขนาดเล็ก 5% 5% UMS, KH, MJD, SSI และ SPALI

หุ้นน่าจับตา
หุ้นถ่านหิน (BANPU และ UMS) ยังคงเป็นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ที่เราแนะนำซื้อ ราคาถ่านหินในระดับสูงและถ่านหินในฐานะพลังงานทางเลือกหลักแทนน้ำมัน จะช่วยหนุนผลกำไรและมูลค่าหุ้นในปีนี้ โดย
ราคาหุ้น ITM บริษัทลูกของ BANPU ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นอินโดนีเชียได้ปรับตัวสูงขึ้น 10% เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา

บทวิเคราะห์วันนี้
* SPORT - W3 : ประเมินราคาวอแรนท์

สรุปข่าว

เวียดนามเริ่มส่งออกข้าวก.ค.นี้ (ข่าวหุ้น 8/5/51): เวียดนามน่าจะเริ่มอนุญาตให้ผู้ส่งออก
เอกชนทำสัญญาขายข้าวใหม่ได้อีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้เมื่อมีข้าวที่เก็บเกี่ยวใหม่เข้าตลาดประมาณ 3.5
ล้านตัน นอกจากนี้ยังมีแผนเก็บภาษีส่งออกข้าวด้วย

RICHเดินเครื่องรง.ใหม่ดันรายได้เพิ่มปีละ3พันล. (ผู้จัดการรายวัน 8/5/51):
RICH เผยโรงงานใหม่เดินเครื่องผลิตเหล็กแปรรูปเสร็จแล้ว ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 90,000 ตันต่อปี และรับรู้รายได้ปีนี้ทันที ดันรายได้ปีนี้เพิ่มอีก 3 พันล้านบาทต่อปี หนุนผลงานรวมโตก้าวกระโดด
อนาคตผลิตเหล็กโครงสร้างเหล็กแปรรูปอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการจัดหาเหล็กรีดร้อนเกรดพิเศษเพื่ออุตสาหกรรมถังแก๊ส

ปตท.สผ.ชี้ 5 ปียอดขายโต 2 เท่า น้ำมันพุ่งหนุนกำไรไตรมาส 1 (กรุงเทพธุรกิจ 8/5/51):
ปตท.สผ.ปักธงอีก 5 ปี หวังใช้แหล่งอินโดจีนเป็นฐานการเติบโต พร้อมตั้งเป้ายอดขายโต 2
เท่าตัวจากปัจจุบัน 2.2 แสนบาร์เรลต่อวันเป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน หากราคาน้ำมันดิบยืน 90-100
ดอลลาร์ เชื่อรายได้รวมจะเติบโตได้ 2 หลักต่อปี ด้านกำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ 8.90 พันล้านบาทโต 32% ดีสุดตั้งแต่ตั้งบริษัท เล็งทบทวนงบลงทุนเพิ่มจาก 2.87 แสนล้านบาท รอสรุปเงินลงทุนโครงการเอ็ม 9

TTWเอาใจแฟนนักลงทุนรายย่อยเพิ่มสัดส่วนไอพีโอให้40% ชดเชยยอดหุ้นจองทะลัก (ข่าวหุ้น 8/5/51): TTW เอาใจนักลงทุนรายย่อย จ่อเพิ่มสัดส่วนเสนอขายหุ้น IPO เป็น 40% จากเดิม 35%แถมรับปันผลทันที 0.15 บาทต่อหุ้น ลุ้นราคาขายจริง 14 พ.ค. ระหว่าง 4-4.5 บาทต่อหุ้น ลั่นเทรดชัวร์ 22 พ.ค.นี้ คุยมั่นใจพื้นฐานบริษัทแข็งแกร่ง

ดีแทคเสนอให้หุ้น กสท.25 % แลกไม่จ่ายค่าสัมปทานแถมไลเซ่นส์ 3 จี (ข่าวหุ้น 8/5/51):
DTAC ยั่วใจบอร์ด กสทฯ เตรียมออกหุ้นเพิ่มทุน 25% ให้ กสทฯเข้ามาถือ แลกต้องเร่งอนุมัติขอ
ไลเซ่นส์นำเข้าอุปกรณ์ทดสอบ 3จี จากกทช. พร้อมกับรื้อสัมปทานใหม่ ไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ ปีละ 10,000 ล้านบาท เชื่อบอร์ดไฟเขียวขอให้วันที่ 16 พ.ค.นี้ คาดDTAC ใช้เวลาติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม 2-3 เดือน เปิดบริการได้ ก.ค.นี้

กรุงไทยลุยออกหุ้นกู้ มูลค่า2.6หมื่นล้านบ. หวังเพิ่มเงินกองทุน (ข่าวหุ้น 8/5/51):
ธนาคารกรุงไทยเล็งออกหุ้นกู้ 2.6 หมื่นล้าน หวังเพิ่มเงินกองทุนจาก 14.5% เป็น17% คาด
แล้วเสร็จกลางเดือนมิ.ย.

MINT ทุ่ม 939 ล้านรุกธุรกิจอาหาร (ทันหุ้น 8/5/51):
MINT ประกาศทุ่มงบลงทุน 939.77 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นไทยเอ็กซ์เพรส จำนวน 70% รุกขยายเครือข่ายธุรกิจอาหารในต่างประเทศ คาดส่งเสริมรายได้และกำไรเติบโตระยะยาว

สยามแก๊สเดินหน้าเข้าเทรดปีนี้ใช้ทุนลุยเวียดนามดันรายได้โต (ผู้จัดการรายวัน 8/5/51):
สยามแก๊สฯ เดินหน้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการเสนอขาย 260 ล้านหุ้น พาร์ละ 1
บาท เพื่อนำเงินใช้ในการขยายงาน วางแผนทุ่มงบ 400 ล้านบาท รุกลงทุนในเวียดนาม เริ่มสร้างโรงงานปีนี้คาดเสร็จภายใน 1 ปี เหตุประชากรสูงและมีกำลังซื้อมาก เล็งลงทุนในประเทศแถบเอเชียเพิ่มอีก
ในอนาคต


:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com