อยู่ที่ใจ!

*ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ "โมนิก้า" ถามตัวเองเป็นประจำว่า ภาวะการลงทุนเช่นนี้ สมควรที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมไหม???...คำตอบจากก้นบึ้งของหัวใจตอบกลับมาว่า "อยู่ที่ใจ" เดี๊ยนก็เลยถึงบางอ้อในทันที พร้อมกับนำข่าวสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์มาบอกกล่าวกับมิตรรักแฟนเพลงโดยด่วน

*เนื่องจากหุ้นบลูชิพหลายตัวกำลังตั้งท่ากระชากขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม และบางตัวก็ฉวยโอกาสทที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นปรับตัวขึ้นล่วงหน้าไปแล้ว "โมนิก้า" ถึงเกรงว่านักลงทุนรายย่อยจะตกขบวนรถด่วนเที่ยวสำคัญ หลังมีแรงซื้อทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

*เดี๊ยนถึงต้องออกมาย้ำกันอีกครั้งว่า หากคิดจะหากำไรจากตลาดหุ้นในภาวะผันผวน ต้องใจกล้าหน้าด้านสถานเดียว เพราะการทำตัวเจี้ยมเจี๊ยมไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นในภาวะเช่นนี้...มิหน่ำซ้ำยังอาจทำให้หนักใจเปล่าๆ หากเข้าซื้อหุ้นผิดตัว ผิดจังหวะ งานนี้ถึงต้องเลือกดูหุ้นให้ดีๆ สักหน่อยนะจ๊ะ

*ดูตัวอย่างได้จาก ESSO วันก่อนนักลงทุนทั้งขาจร และขาประจำ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า เซ็งในอารมณ์ เพราะราคาไม่ร้อนแรงเหมือนกับที่เป็นข่าว แต่พอวานนี้เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 10.90 บาท บวกไป 0.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท ก็ทำให้เสียงบ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง เปลี่ยนไปเป็นเสียงชมเชยกันเซ็งแส...นี่แหล่ะหน่า เขาถึงว่าเงินเปลี่ยนได้ทุกอย่าง อิอิอิ

*ยิ่งมีเงินปันผล 1 บาทมาล่ออยู่ตรงหน้า ยิ่งกระตุ้นให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆ อยากเข้าซื้อหุ้นเก็บไว้มากเท่านั้น..."โมนิก้า" ก็เห็นดี เห็นงาม กับแนวคิดดังกล่าว จึงขอสนับสนุนให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติม เพราะราคาเหมาะสมควรอยู่ที่ 13 บาท...ส่วนสาเหตุที่เดี๊ยนเชียร์จนออกนอกหน้าก็เพราะ หุ้นของเขามันดีจริงๆ ไม่เชื่อลองไปถาม บล.ภัทร ซึ่งเป็นคนทำดีลนี้ดูก็ได้เจ้าค่ะ

*ผนวกกับ "โมนิก้า" ไม่เคยมีนิสัย ได้ใหม่ ลืมเก่า จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้พูดถึงหุ้นบลูชิพยอดนิยมอย่าง PTT และ PTTEP ควบคู่กันไปในเลย เพราะหุ้นแม่ลูกคู่นี้ ดูด้านไหน มุมไหน ก็น่าลงทุนด้วยกันคู่...แถมมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยแล้ว สมควรช้อนซื้อหุ้นทั้งสองตัวนี้ติดพอร์ตโดยด่วน...เนื่องจากนับจากนี้ราคาหุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นเอง

*เหมือนกับหุ้นกลุ่มอาหารก็กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดเสียทุกอย่าง ราคาหุ้นถึงได้ทะยานขึ้นไปแบบไม่เหลียวหลัง ล่าสุดควงแขนกันขึ้นอย่างร้อนแรง โดยครั้งนี้นำทัพโดยหุ้นวุ้นเส้นตราเกษตร KASET ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปชนเพดาน 30% ด้วยการบวกไปถึง1.75 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 7.60 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่แน่นขนัด โดยไม่สนใจว่าหุ้นจะเข้าเขตซื้อมากเกินไปแค่ไหน...แสดงว่าวันนี้จะดันต่อแหง๋ๆ

*เช่นเดียวกับในรายของ LST มีข่าวดีรออยู่เต็มประตูหน้าต่างแบบนี้ไง พวกขาจร

และขาประจำ ถึงวนเวียนเข้ามาไล่ราคากันอย่างเอาเป็นเอาตาย งานนี้ไม่ต้องถามถึงราคาเป้าหมายให้เสียเวลา ตราบใดที่สินค้าอุปโภคบริโภคยังขาดแคลน โอกาสที่ตัวบริษัทจะทำรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้น ก็มีมากขึ้นเท่านั้น...ล่าสุดราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.40 บาท บวกไป 5.55 บาท จึงสมเหตุสมผลทุกประการเจ้าค่ะ

*ประหลาดใจสุดน่าจะเป็นในรายของ APURE ไม่ได้รับผลดีอะไรกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ราคาหุ้นดันเสนอหน้าปรับตัวขึ้นแรงเป็นประจำ โดยล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.14 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไปถึง 10% ทั้งที่ไม่มีอะไรในก่อไผ่ "โมนิก้า" ถึงต้องออกโรงมาพูดอีกครั้ง...ถึงกระนั้นของแบบนี้ ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ เดี๊ยนถึงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมเจ้าค่ะ

*ทางด้านหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมอย่าง GEN ของพ่อมดการเงินรุ่นกระเตาะ ยังแสดงฤทธิ์เดชให้เห็นเป็นระยะ ทั้งที่ข่าวดีไม่มีปรากฎให้เห็นแบบนี้ "โมนิก้า" ไม่สามารถมองเป็นอื่นได้ นอกเสียจากขาใหญ่เข้ามาดันราคาเพื่อออกของราคาสูง เหมือนกับที่เคยทำกก่อนหน้านี้ไงหล่ะ...ล่าสุดราคาหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 3 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือ 8%

ไม่ธรรมดาจริงๆ นะจ๊ะ

*ส่วนหุ้น ML ออกอาการหมดรอบ จบข่าวปั่นราคา หลังจากมีการแถลงข่าวแตกพาร์ แจกวอร์แรนต์อย่างเป็นทางการ จนทำให้ราคาหุ้นรนูดลงมาปิดที่ 4.06 บาท ลบไป 0.94 บาท หรือลงไปถึง 19% ภาษาที่เรียกอย่างเป็นทางการเขาพูดว่า sale on fact โอกาสที่หุ้นจะลงต่อมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงนะค่ะ

*สำหรับหุ้นไร้อนาคต แต่มีคนพยายามปั้นให้ดีขึ้นอย่าง DE ก็ประกาศเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางเสียแล้ว...โดยใช้ชื่อย่อใหม่ว่า SSE หรือชื่อภาษาไทยเรียกว่า บริษัท ซันไชน์ คอปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) แบบนี้ "โมนิก้า" เอาเข้าจริงจะกลายเป็นบริษัทที่เข้าข่าย "ตะวันตกดิน" เสียมากกว่า...งานนี้ถึงชื่อบริษัทจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ก้ไม่สามารถลบเลือนเรื่องในอดีตได้หรอกนะค่ะ

:lol: