May 18, 2024   7:11:05 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ฟันธง
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 23/05/2008 @ 10:02:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
Technical Correction
กลยุทธ์การลงทุน
Lock-in Profit

กรอบ 863-883 pts
แนวโน้ม Technical Sell
ปิดวานนี้ 874.54, -9.65

Todays picks
Stock CurrentPrice TradingRange FairValue Rec.
BANPU 488 480-512 540 Buy
QH 2.96 2.90-3.06 2.8 Trading
LST 5.40 5.30-5.80 - Trading
TVO 22.3 22.0-23.0 - Trading

Whats News

* กลุ่มพันธมิตรฯ นัดชุมนุม 25 พ.ค.นี้. เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 และจะรวบรวม
รายชื่อประชาชนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน เพื่อใช้สิทธิ์ร้องของต่อประธานวุฒิสภาให้ถอดถอดสมาชิกรัฐสภาที่
ร่วมลงชื่อขอแก้ไขฯ ในครั้งนี้ ขณะที่รัฐบาลเตรียมงบประมาณราว 2 พันล้านบาทในการทำประชามติในเดือน
ก.ค. 51

* เฟดปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2008 ลดลงสู่ 0.3%-1.2% จากเดิมคาดการณ์ 1.3%-2.0%
และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อกับอัตราการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น

* ราคาน้ำมัน + ค่าระวางเรือ ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลดลง US$2.36 หรือ -1.8%
ปิดที่ US$130.81/บาร์เรล แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว PTT และ PTTEP ดัชนีค่าระวางเดินเรือ BDI ปรับตัว
ลง 123 จุด สู่ 11648 จุด แนะนำทยอยขายทำกำไร TTA และ เก็งกำไร PSL

Market Roundup and Trend: ปรับฐานทางปัจจัยเทคนิค

SET วานนี้ปรับลดลง 9.65 จุด หรือ -1.1% ตามตลาดหุ้นภูมิภาค โดยปรับตัวลงเป็นวันแรก
หลังจากที่บวกขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. จาก 839.28 จุด ถึงเมื่อวาน 886.57 จุด เพิ่มขึ้น 47.29 จุด
หรือ +5.6% โดยมีแรงขายทำกำไรเกิดขึ้นเกือบทุกกลุ่ม เช่น พลังงาน -1.58% สถาบันการเงิน -0.81%
เทคโนฯ -1.1% ที่ดิน -1.1% และขนส่ง -2.6% แต่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง 2,733 ล้านบาท
(ซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.นี้ 12,374 ล้านบาท) เรามองว่าราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเหนือ US$130
/bbl สะท้อนในราคาหุ้นน้ำมันแล้วโดยเฉพาะ PTTEP ที่รับรู้ถึงผลบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงสุดตั้งแต่
จดทะเบียนในตลาดที่ 222 บาทและปิดลดลงเหลือ 208 บาท จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ากลุ่มพลังงานจะมี
การปรับฐานด้วยการขายทำกำไรระยะสั้นออกมา ซึ่งจะกระทบถึง SET ตามมาได้ ในภาพมหภาคที่ปรับฐาน
ลงทั่วโลกด้วยการที่เฟดปรับลดอัตราเติบโต GDP ในปีนี้เหลือ 0.30%-1.2% จากเดิม 1.3%-2.0% ส่งผล
ลบด้านความกังวลต่อเศรษฐกิสหรัฐฯ และตลาดดาวโจนส์ในช่วงสั้น และอาจจะกระทบต่อ SET ได้ ด้าน
การเมืองในประเทศ กระบวนการที่จะจัดให้มีการทำประชาวิจารณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ถูกนำกลับมา
ในขั้นตอนมองว่าเป็นด้านบวกที่จะลดความร้อนแรงถึงข้อขัดแย้ง แต่ในวันที่ 25 พ.ค.นี้จะมีการชุมนุมของ
กลุ่มพันธมิตรฯที่มีวัตถุประสงค์คัดค้านการแก้ไขอาจส่งผลลบด้านจิตวิทยาลงต่อตลาดในช่วงสั้น วันนี้เชื่อว่า
SET อาจปรับฐานต่อเนื่องหรือ Sideway down

Investment Strategy: ระยะสั้นขายทำกำไร...ระยะกลางรอซื้อเมื่ออ่อนตัว

จากการที่ SET ปรับขึ้นมา 5.6% ใน 3 วันที่ผ่านมา ทำให้เราประเมินว่าการปรับฐานมีแนว
โน้มเกิดขึ้นอยู่ในกรอบ 860-885 จุด ในระยะสั้นแนะนำขายทำกำไร (Lock-in Profit) และระยะ
กลางแนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัวในหุ้นกลุ่มหลักเช่นเดิมคือ กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP, BANPU, TOP กลุ่ม
สื่อสาร ADVANC, DTAC กลุ่มธนาคารใหญ่ SCB, KBANK, BBL นอกจากนี้ แนะนำเก็งกำไรสั้นๆ ในกลุ่ม
ที่ดิน LH, PS, AP, QH ส่วนกลุ่มเดินเรือยังคงแนะนำให้ทยอยขายทำกำไร TTA และรอซื้อกลับอีกครั้ง
เมื่ออ่อนตัว

AUTO: Upgrading KBANK, THAI, GLOW เริ่มน่าสนใจระยะสั้น

Upgrade KBANK, THAI, GLOW
Downgrade DELTA, AP
Top Picks PTT, PTTEP, BANPU, BGH, MINT

ธปท. ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2551-2552

การปรับประมาณการคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยในปี 2551 มีมุมในด้านอัตราการเติบโต
ที่ดีขึ้นของตัวเลข GDP, มูลค่าการนำเข้า มูลค่าการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยชัดเจนว่ามีการ
ปรับตัวเลขเงินเฟ้อขี้นอย่างมีนัยซึ่งจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อกำลังซื้อ
ซึ่งภาครัฐฯจึงออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อและการลงทุนในภาคเอกชน เช่นมาตรการลด
หย่อนภาษี ด้านมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดจากการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมัน เครื่องบิน
พาณิชย์ ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นโอกาสต่อการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ (Capital intensive)
ประมาณการ GDP ที่มีมุมมองดีขึ้นนั้น นอกเหนือจากภาคการส่งออกที่ยังคงมีความสำคัญสูงแม้ว่าจะมีอัตรา
เติบโตที่ลดลง ซึ่งคาดว่าปัจจัยราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นสูงจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทย (ข้าว
น้ำมันปาล์ม ยางพารา) สูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่คาดว่าเพิ่มอัตราการเติบโต GDP คือภาคการ
ใช้จ่ายของรัฐฯ ในโครงการหลักๆสำคัญเช่น รฟม. โครงสร้างสาธารณูปโภค และภาคการบริการต่างๆ
เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นในภาพรวมปีนี้ เราคาดการณ์ว่ากลุ่มที่น่าจะได้
รับประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ พลังงาน ธนาคาร รับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง (เช่น
เหล็ก ซิเมนต์) ธุรกิจท่องเที่ยวและบันเทิงเช่นโรงแรม โรงพยาบาล อาหาร และอสังหาริมทรัพย์

ตลาดต่างประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดโลก

* ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 0.19% และดัชนี S&P 500
เพิ่มขึ้น 0.26% หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง
9,000 ราย สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน รวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มสายการบิน จากราคา
น้ำมันดิบที่ลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับการที่บริษัทเอ็นอาร์จี เอ็นเนอร์จี อิงค์ เสนอ
ซื้อกิจการของบริษัทคาลไพน์เป็นมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตลาด

* ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. ปิดลดลง 2.36
ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.77% เป็น 130.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากการที่เทรด
เดอร์ขายทำกำไร หลังจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเหนือ 135 ดอลลาร์/บาร์เรล ในช่วงเช้า ขณะที่
นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุว่า กลุ่มโอเปกไม่สามารถ
ทำสิ่งใดเพื่อกดดันราคาน้ำมันให้ร่วงลง ถึงแม้จะส่งผลกระทบต่อประเทศยากจน และประเทศผู้ใช้น้ำมัน
พยายามกดดันให้มีการปรับเพิ่มปริมาณการผลิต

* ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ ดอลลาร์แข็งค่า โดยได้รับแรงหนุนจากตัว
เลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงน้อยเกินคาด ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่าแรงหนุนยังคงเปราะบาง และ
ข้อมูลดังกล่าวยังคงบ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงเข้าใกล้ระดับภาวะถดถอย นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ระดับ
สูงสุดเป็นประวัติการณ์และการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพิ่มความ
วิตกว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะซบเซา แต่มีเงินเฟ้อสูง (Stagflation)

* ดัชนีค่าระวางเรือเทกองปิดลดลง 123 จุด มาอยู่ที่ 11,648 จุด BDI เริ่มปรับตัวลดลงเล็ก
น้อย หลังจากเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 11,793 จุด เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 51 ที่ผ่านมา จากความ
ต้องการเรือเพื่อขนส่งสินแร่เหล็กที่ท่าเรือของบราซิลเพิ่มขึ้นมาก โดยขนส่งไปยังประเทศจีนซึ่งยังมีความ
ต้องการสินแร่เหล็กอีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมาจากความต้องการเรือเพื่อขนส่งถ่านหินไปยังอินเดีย
ขนส่งสินค้าที่เกี่ยวกับก่อสร้างไปยังตะวันออกกลาง และขนส่งผลผลิตทางการเกษตรจากทวีปอเมริกาเพื่อ
ส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ โดยที่ฤดูการเก็บเกี่ยวสินค้าเกษตรในทวีปอเมริกา จะกินเวลาประมาณ 6 เดือน
เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นไป ทางด้านอุปทานคาดว่าเรือเทกองต่อใหม่อาจเข้าสู่ตลาดน้อยกว่าที่คาด
รวมทั้งท่าเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองหลายๆ แห่งอยู่ในภาวะแออัด

บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา[/size:071b8e5cb2">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com