May 18, 2024   6:41:22 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิเคราะห์หุ้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 26/05/2008 @ 08:47:03
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.--บล.โกลเบล็ก

WEEKLY COMMENTS : การเมืองอาจจะกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง
* รัฐบาลเสนองบทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าที่ประชุม ค.ร.ม. วันที่ 27 นี้
* ราคาน้ำมันแพงเริ่มกดด้นเศรษฐกิจโลก
* แนวรับ 870, 860 และ 853 แนวต้าน 886***, 894 และ 900

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา 20-23 พฤษภาคม 2551
สรุปภาวะการลงทุนสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปิดที่ 875.59 เพิ่มขึ้น 5.26 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ระดับปิดที่ 870.33 โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 29,116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 20,615 ล้านบาท สถาบันขายสุทธิ 4,990 ล้านบาท ต่างประเทศซื้อสุทธิ 8,241 ล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 3,251 ล้านบาท
ภาพรวมการแกว่งตัว : วันอังคารดัชนีปรับขึ้นต่อหลังมีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาเมื่อสัปดาห์ที่
ผ่านมาแรงซื้อยังเด่นในกลุ่มพลังงานเป็นหลัก ก่อนสลับขายกลุ่มธนาคารออกมาในช่วงบ่ายเริ่มมีแรงขายทำ
กำไรออกมาทำให้ดัชนีเหลือบวกเล็กน้อย วันพุธดัชนีปรับลงช่วงเช้าตามตลาดต่างประเทศที่ปรับลงทั่วภูมิภาค
ก่อนมีแรงซื้อกลับเข้ามาทำให้ดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาแรงมีแรงซื้อเข้ามาเกือบทุกกลุ่ม วันพฤหัสบดีดัชนีปรับตัวขึ้นเล็ก
น้อยสวนตลาดต่างประเทศก่อนปรับตัวลงมาแรงจากแรงขายทำกำไรที่เริ่มออกมา และมีแรงขายมากขึ้นในช่วงบ่ายส่งผลให้ดัชนีปรับลงแรง วันศุกร์ดัชนีปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐและแรงซื้อสุทธิต่าง
ชาติที่ยังคงอยู่แรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่เกือบทั้งตลาดก่อนมีแรงขาย
ปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดได้แก่ : ราคาน้ำมันขึ้นมาทำจุดสูงใหม่เป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง , กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายR/P1วันที่ 3.25%

ปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามและมีผลต่อการลงทุนในสัปดาห์ 26-30 พฤษภาคม 2551
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ 26-30 พฤษภาคม 2551 ทางฝ่ายวิเคราะห์ บล.
โกลเบล็กฯ ประเมินภาวะตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนมากขึ้นจากการเมืองและการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิติดต่อกัน 6 วันทำการคิดเป็นมูลค่า 11,541.27 ล้านบาท สืบเนื่องจากการคาดการณ์ผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องหลังจากผลประกอบการไตรมาส 1 เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังคงรูปแบบหัวและไหล่กลับหัวที่มีแนวต้านเป้าหมายที่ระดับ 924 หลังผ่านแนวต้าน 850-853 ขึ้นมา
โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 2.0 หมื่นล้านเป็นสัญญาณชี้นำ ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกมาตรการดำเนินการกรณีที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ที่ผิดไปจากสภาพตลาดปกติ (ฉบับที่2) 2551 ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 นี้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงทั้งของนักลงทุนและโบรกเกอร์เอง ทั้งนี้อาจจะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนบ้างแต่เชื่อว่าเป็นเพียงแค่ระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากยังมีเวลา 30 วันในการทำความเข้าใจกับเกณฑ์การดูแลหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกตินี้ การเมือง
เริ่มมีความร้อนระอุขึ้นหลังรัฐบาลเตรียมเสนอตั้งงบประมาณ 2 พันล้านบาทเพื่อใช้ในการลงประชามติถาม
ประขาชนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้
ทำให้ทางฝ่ายกลับมากังวลว่านักลงทุนต่างชาติอาจจะหยุดซื้อหรืออาจจะกลับลำขายได้ในประเด็นเดิมที่ว่า
รัฐบาลให้ความสำคัญและมุ่งแก้ไขปัญหาทางการเมืองมากกว่าการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจกลับมามีน้ำหนักกดดันตลาดได้อีก กระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขการขาดดุลการค้า 4 เดือนแรกปีนี้ 2.9 พันล้านดอลลาร์
สหรัฐ ถือเป็นการขาดดุลมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2546 เนื่องมาจากมีการนำเข้าเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าน้ำมัน การที่ราคาน้ำมันแพงขึ้นมาก ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง
ภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีกังวลต่อปัจจัยกดดันที่มาจากหลายด้าน เช่น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการ
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

เป็นต้นปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้
1. ราคาน้ำมัน
EIA สหรัฐฯเผยปริมาณสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินทุกประเภทลดลงอย่างรุนแรงเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องและประธานโอเปกได้ออกมากล่าวตอกย้ำว่ากลุ่มโอเปกยังไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมก่อนกำหนดที่จะมีขึ้นในเดือนก.ย.เพื่อกำหนดเพดานการผลิตน้ำมันใหม่
และถึงแม้การประชุมในเดือนก.ย.กลุ่มโอเปกก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับการผลิตด้วยเนื่องจากปริมาณน้ำมันปัจจุบันมีมากเพียงพอเป็นการสร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันอีกครั้ง ขณะที่จีนมีความต้องการใช้น้ำมัน
เพิ่มหลังเกิดแผ่นดินไหวเป็นตัวเพิ่มอุปสงค์ต่อน้ำมัน จากปัจจัยที่เกิดขึ้นทำให้ราคาน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มทรง
ตัวในระดับสูงต่อไป

2. ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ
Fed ประกาศปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯปี2008 ลง และปรับเพิ่มคาดการณ์
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น รวมถึงเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมาว่า Fed ไม่มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเร็วๆนี้ การคาดการณ์ของFedต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้ายลงสร้างความวิตกให้กับตลาดในปัญหาStagflation เป็นภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและถดถอยแต่มีอัตราเงินเฟ้อสูง ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีอยู่เป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

3.แรงซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ
การกลับมาซื้อสุทธิของต่างชาติในสัดส่วนที่สูงขึ้น ขณะที่ความกังวลด้านการเมืองเริ่มลดน้อยลงหลังไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นจากความขัดแย้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่ตัวเลขการเติบโตด้านเศรษฐกิจที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่มีกำไรในระดับสูงผิดคาด จะเป็นตัวดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนต่อเนื่องเป็นปัจจัยบวกด้านจิตวิทยา แต่คาดว่าการลงทุนจะยังไม่มากนักเนื่องจากประเด็นเรื่องการยุบพรรคยังเป็นตัวกดดันอยู่

4.สถานการณ์ด้านการเมือง
ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังไม่มีแนวทางที่แน่ชัดอาจนำไปสู่แรงกดดันทางการเมืองอีกครั้ง ล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลยกเว้นพรรคชาติไทยและประชาราชจะนำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าที่ประชุมครม.
ซึ่งส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอให้มีการทำประชามติ ระหว่างรัฐธรรมนูญปี 2540 กับปี 2550 ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศจะนัดชุมนุมใหญ่เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยยังคงไม่มีบทสรุปหลังอัยการสูงสุดยังไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยกกต.มีมติตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างกกต.และสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณากันต่อ ยังเป็นความเสี่ยงทางด้านการเมืองที่ยังคงอยู่

5. รมว.กระทรวงการคลังยังคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปแม้ว่าเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง
ซึ่งมีแผนที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเร็วๆนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่
เหลือเพิ่มเติมให้โตไม่ต่ำกว่า 6% ตามที่ประมาณการไว้ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับขึ้นสูงเร็วกว่าที่คาด
การณ์ไว้ ขณะที่ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 52 เป็นงบขาดดุล 2.495 แสนลบ.เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายชดเชยภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นส่งผลเชิงบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ

6. ก.พาณิชย์เผยเดือนเม.ย.ไทยขาดดุลการค้าราว 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
จากตัวเลขมูลค่าส่งออกเดือนเม.ย.51ขยายตัว 27%yoyแต่การนำเข้าขยายตัวสูง 44.4%yoy
ส่วนใหญ่88%เป็นการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงและน้ำมันดิบ ขณะที่สินค้าทุนนำเข้าเพิ่มขึ้น 25.1% ทำให้ไทยมียอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.ที่ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวม4เดือนแรกของปี ส่งออกขยายตัว 22.2%
และการนำเข้าขยายตัว 39.6%yoy และขาดดุลการค้ารวม 2.99 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยยังความผันผวนและเผชิญความเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศขณะที่อุปสงค์ในประเทศทั้งการลง
ทุนและการบริโภคภาคเอกชนเริ่มชะลอตัวจากภาวะราคาอาหารและน้ำมันแพง เป็นความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม

แนวโน้มการเคลื่อนไหวระดับสัปดาห์
ด้านการวิเคราะห์เทคนิค ดัชนีเริ่มแกว่งตัวออกด้านข้างโดยไม่ทำจุดสูงใหม่ ขณะที่แท่งเทียนเกิดสัญญาณลบแท่งเทียนสีดำและ SHOOTING STAR 2 แท่งเทียนต่อเนื่องกันช่วงทดสอบแนวต้านจุดสูงที่ 886 เป็นสัญญาณลบ และเกิดช่วงแกว่งตัวที่เส้น BB TOP ที่ห่างเส้น BB BOTTOM มาก ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI ที่ปรับลงจากเขต OVER BOUGHT เป็นสัญญาณลบเสริม ดังนั้นจากภาพที่เกิดขึ้นทำให้ดัชนีมีแนวโน้มพักตัว
ระยะสั้น แต่การแกว่งตัวที่อยู่ในทิศทางขึ้นไหล่ขวารูปแบบหัวและไหล่ขาขึ้น โดยมีการเรียงตัว SMA ที่เป็น BULLISH เป็นสัญญาณบวกที่ยังคงอยู่ ทำให้การปรับตัวจะเป็นจังหวะรอซื้อคืนเล่นรอบใหม่อีกครั้ง ยกเว้นผ่านยืนแนวต้านจุดสูงที่ 886 จะเป็นสัญญาณขึ้นต่อหักล้างสัญญาณพักตัวจากแท่งเทียนที่เกิดขึ้นทันที

กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ซื้อเก็งกำไรควรรอช่วงปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับลดภาวะ OVER
BOUGHT หรือรอซื้อเมื่อผ่านยืนแนวต้านจุดสูงที่ 886 ได้เท่านั้น สัปดาห์นี้มีแนวรับที่ 870, 860 และ 853 แนวต้าน 886***, 894 และ 900

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.
ราคาน้ำมันขึ้นมาทำจุดสูงใหม่ แต่ค่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มขึ้นมามีภาวการณ์ขึ้นแรงมากเกินไป

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 26/05/2008 @ 08:54:55 :
.--บล.ธนชาต

TECHNICAL
MARKET OUTLOOK

- แกว่งเชิงลบ จากประเด็นกดดันทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
- ในระยะสั้นมีโอกาสที่จะเป็นรอบท้ายๆ การดีด แกว่งตัวลงทดสอบแนวรับ 863-856 จุด
-การอ่อนตัวมีช่วงดีดกลับบริเวณแนวรับ 860-856 จุด
แนวรับ 868, 863-865 จุด
แนวต้าน 878-880, 885 จุด

- ปิดบวก 0.12% สวนทิศทางตลาดฯ หุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่อ่อนตัวลงจากเม็กเงินของนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิ ส่งให้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.ถึงปัจจุบันมียอดซื้อสุทธิ 13,341 ลบ.
- แกว่งลงในด้านลบ และทิศทางของมูลค่าการซื้อขายจะหดตัว เนื่องจากนักลงทุนส่วนบางส่วนจะฉวยโอกาสขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ และหันมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็ก เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากประเด็นความขัดแย้งของกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มคัดค้านมากขึ้น รวมทั้งแรงกดจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ร่วงลงแรง
- ฉะนั้นแนวโน้มของ SET น่าจะแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับ 863-856 จุดบริเวณแนวรับย่อยที่ 868 จุด สำคัญมาก มีโอกาสที่จะหลุดต่ำกว่า บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นรอบท้ายๆ ของการปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น
- แต่ตราบเท่าที่ยังยืนเหนือ 820 จุดได้ต่อเนื่อง แนวโน้มระยะกลางยังไม่เสีย แนวรับที่คาดว่าจะมีการดีดกลับ คือ 860-856 จุด บริเวณนี้เล่นรอบสั้นลุ้นดีด

วิเคราะห์รายกลุ่มอุตสาหกรรม

SETENERG: จังหวะอ่อนตัวซื้อสะสมดักดีด
แนวรับ: 22000-21800 จุด
แนวต้าน: 22200-22300 จุด
- ทิศทางราคาน้ำมันยังเดินหน้าสร้าง All Time High ต่อเนื่อง บวกต่อ USD1.38 ล่าสุดอยู่ที่ USD132.19/bbl เป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้นพลังงานในบ้านเรา แต่จะมีแรงถ่วงจากภาวะตลาดฯ เป็นเหตุสนับสนุนการขายทำกำไรระยะสั้น
- แต่มองว่าเป็นจังหวะดีในการทยอยซื้อสะสมดักการดีดกลับ ทั้ง PTT PTTEP และ BANPU

SETPROP: ขายทำกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย
แนวรับ: 132-128 จุด
แนวต้าน: 136-138 จุด
- รอบฟื้นตัวต่อเนื่องยังผันผวน แนวต้านจำกัดแคบไม่เกิน 138 จุดแนวโน้มหลักระยะสั้นยังอยู่ในทิศทางแกว่งลง รอบยืนช่วงบวกเน้นขายทำกำไรก่อน
- โดยเฉพาะ LH QH PS LPN และ SPALI


:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com