May 18, 2024   4:59:06 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > นักลงทุนระอาเก็บกระเป๋าลา
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 29/05/2008 @ 09:09:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

นักลงทุนระอาเก็บกระเป๋าลา ปัญหาการเมืองผลักไส ให้หันไปหาเวียดนาม

ผลการสำรวจความคิดเห็นนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทยจำนวน 156 ตัวอย่าง โดยหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ชี้ให้เห็นว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศ ไทยกำลังถูกทิ้งขว้างจากนักลงทุนที่กำลังเบื่อหน่ายกับปัญหาการเมืองเรื้อรังของไทย และหันไปหาเวียดนามซึ่งได้เปรียบกว่าด้วยบรรยากาศบ้านเมืองที่สงบเรียบร้อย รัฐบาลมีเสถียรภาพ และนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เอื้อต่อการเติบโต ทางเศรษฐกิจ ผลสำรวจชี้ชัดว่า นักลงทุนเห็นว่าปัญหาที่กระทบเศรษฐกิจมากที่สุดคือปัญหาการเมืองที่ 20.3% ราคาน้ำมัน 17.5% ความเชื่อมั่น 15.4% อัตราแลกเปลี่ยน 14.6% และกำลังซื้อ 11.2%

โดยนักลงทุนจัดอันดับให้ไทยอยู่ในเกณฑ์ ต่ำสุด เมื่อเทียบกับมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่เวียดนาม ในหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพทางการเมือง นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล กฎหมายหรือกฎระเบียบ และนโยบายส่งเสริมการลงทุน แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ไทยน่าลงทุนกว่าประเทศอื่น ทั้งในเรื่องความเป็นประเทศที่น่าอยู่ ขนาดของตลาดในประเทศ การเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก อย่างไรก็ตาม โดยสรุปนักลงทุนเห็นว่าประเทศที่น่าเข้าไปลงทุนที่สุดเป็นเวียดนามที่ 31.8% ไทยได้อันดับ 2 ที่ 30% และมาเลเซีย 22.4%

นอกจากนั้น นักลงทุนถึง 36.5% ยังเห็นว่า เสถียรภาพการเมืองของไทยอยู่ในสภาพ ย่ำแย่ อีก 13.5% บอกว่าแย่มาก และ 37.8% บอกว่ากลางๆ และด้วยเหตุนี้นักลงทุน 53.4% จึงแน่ใจว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่มีธุรกิจรายใดสนใจเข้ามาลงทุนในไทย โดยนักลงทุน ถึง 52.7 หรือเกินครึ่ง เห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ จะมีผลให้นักลงทุนย้ายการลงทุนไปยังประเทศอื่น และนักลงทุนในสัดส่วนสูงสุดคือที่ 47.1% มีความเชื่อมั่นน้อยมากกว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ต่อข้อถามว่า นักลงทุนเห็นว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตในอัตราเท่าใด ส่วนใหญ่ที่ 33% คาดว่าจะอยู่ที่ 3.5-4% และ 33.3% ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุด เห็นว่าหากจะลงทุนขยายธุรกิจ ก็คงต้องรอไปเป็นช่วงปีหน้า

ขณะเดียวกัน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหาร สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ได้เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหรือซีอีโอเซอร์เวย์ ประจำไตรมาส 2 โดยสอบถามความเห็นซีอีโอของ บริษัทจดทะเบียน จำนวน 118 บริษัท มูลค่าตลาดคิดเป็น 60% มูลค่าตลาดรวม พบว่าผู้บริหาร ส่วนใหญ่ มองภาพเศรษฐกิจปีนี้จะโต 4.5-5% ดีกว่าการสำรวจรอบที่ผ่านมา 1%

แต่อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเห็นว่าขณะนี้ รัฐบาลมัวแต่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการ เมือง จนละเลยปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน โดยภาคเอกชนเห็นว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยจำนวน 61% เห็นว่าควรจะมีการปรับปรุง

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ภาคเอกชนเห็นว่าปัญหาหลักในขณะนี้คือปัญหาการเมือง โดยเห็นว่ารัฐบาลกลับทำให้ปัญหาการเมืองเพิ่มขึ้น โดยไม่เร่งรัดนโยบายเศรษฐกิจ ดังนั้นภาคเอกชน จึงอยากให้ดูแลปัญหาการเมืองให้น้อยลง ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้มากกว่านี้

?อย่างไรก็ตาม การสำรวจดังกล่าวจัดขึ้นก่อนที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร แต่ก็ยังพบว่าปัญหาที่นักธุรกิจให้ความสำคัญคือ ปัญหาการเมือง?

นายกอบศักดิ์ยังกล่าวว่า มุมมองของ ภาคเอกชนจากการสำรวจครั้งล่าสุด ส่วนใหญ่กว่า 76% ยังเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งถือว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับการ สำรวจครั้งก่อนที่มีเอกชนเพียง 54% ที่เห็นว่ารัฐบาลจะอายุสั้นไม่เกิน 1 ปี

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1 และแนวโน้มไตรมาส 2 ซึ่งจัดทำร่วมกับสำนักการเงินการคลัง กรมบัญชีกลางและคลังจังหวัด ว่า หากการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลยืดเยื้อและบานปลายจนถึงขั้นเลวร้ายจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ต่ำกว่า 4.5% ต่ำกว่าที่ ศูนย์คาดการณ์ไว้ที่ 5.0-5.5% โดยขณะนี้สัญญาณการเติบโตเศรษฐกิจ ทั้งการลงทุน การใช้จ่ายของภาครัฐ และการจ้างงาน รวมถึงเศรษฐกิจทุกภูมิภาคชะลอตัวอย่างชัดเจน.

ไทยรัฐ ปีที่ 59 ฉบับที่ 18391 วันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม 2551[/size:b0cb0e459d">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com