May 21, 2024   12:53:50 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนถึงปรับลง รอดูการเมือง-ต่างชาติขาย
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 23/06/2008 @ 08:12:34
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.--รอยเตอร์


ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index) สัปดาห์นี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนและมีโอกาส

ปรับลงได้ เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อ ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังจะ

ขายหุ้นไทยต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ มองว่า หลังการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรมต.

อีก 7 คน รวมทั้งการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 52 ผ่านพ้นไป

แล้ว น่าจะได้เห็นความชัดเจนทางการเมืองระดับหนึ่ง

นักวิเคราะห์ ให้กรอบเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ระหว่าง 740-780 จุด

เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.ดัชนีหุ้นไทย ปิดที่ 768.90 จุด ลดลง 1.76% จากระดับปิด

ที่ 782.64 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. โดยสัปดาห์ก่อนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 8.34 พันล้าน

บาท นับเป็นการขายสุทธิติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้ว

"สัปดาห์นี้ ตลาดก็คงผันผวน เพราะการเมืองในประเทศ ยังยืดเยื้ออยู่" นาย

โกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน(ประเทศไทย)

กล่าว

โดยสัปดาห์นี้ ตลาดมีแนวรับที่ 745 และ 740 ส่วนแนวต้านที่ 775 และ 780

เขา มองว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยังคงยืด

เยื้อต่อไป แม้ว่ามีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 7 คนก็ตาม

เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันที่จะกดดันรัฐบาลด้วยวิธีการของตัวเอง

"ถ้าการเมืองบ้านเรายังยืดเยื้อ ต่างชาติก็ยังไม่กลับมาซื้อ...สัปดาห์นี้ก็คง

ขายต่อเนื่อง" เขา กล่าว

นอกจากนี้ ในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว ซึ่งคาดกัน

ว่ายังชะลอตัวต่อเนื่อง และผลประกอบการของสถาบันการเงินของสหรัฐฯในไตรมาส 2 น่าจะ

ยังไม่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ดังนั้นแนวโน้มหุ้นสหรัฐฯยังไม่สดใส ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดหุ้นใน

เอเชีย

เขา กล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงแรงกว่า 200 จุด

จึงคาดว่าต้นสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นในเอเชีย รวมถึงหุ้นไทยก็คงปรับลงตาม

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดทรุดลง

ต่ำกว่าระดับ 12,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.ขณะที่ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น และ

คำเตือนเกี่ยวกับ การปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ส่งผล

ให้นักลงทุนเกิดความวิตกว่า ภาวะเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลงในอนาคต

นายโกสินทร์ ยังคาดว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อหุ้นไทยจำนวนมากเมื่อวันศุกร์

จะขายทำกำไรออกมา และกดดันตลาดหุ้นในช่วงต้นสัปดาห์นี้ให้ปรับลงได้ ส่วนกรณีที่ราคา

น้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับขึ้นกว่า 2 เหรียญสหรัฐ ก็อาจทำให้มีแรงขายหุ้นโรงกลั่นออกมา

ขณะที่เห็นว่า ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ นักลงทุนสถาบันอาจเข้าซื้อหุ้น เพื่อทำราคา

ปิดสิ้นงวดบัญชีกลางปี(window dressing) ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ในช่วงสั้น

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดพุ่งแรงถึง 26.44 จุด หรือ 3.56% โดย

นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิมากสุดที่ 1.37 พันล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อ 1.17 พันล้านบาท

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.54 พันล้านบาท

เขา กล่าวว่า สัปดาห์นี้ นักลงทุนยังรอดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ที่จะพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2%

นายเกียรติก้อง เดโช ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่า หุ้นไทยช่วง

ต้นสัปดาห์นี้อาจปรับลง เนื่องจากคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรเกิดขึ้น หลังจากที่หุ้นปรับขึ้น

แรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

"เปิดมาวันจันทร์ ก็คงมี take profit เกิดขึ้น เพราะเมื่อวันศุกร์หุ้นปรับขึ้นแรง

มาก" เขา กล่าว

อย่างไรก็ตาม มองว่า หลังมีการขายทำกำไรแล้ว ตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวใน

ช่วงแคบๆระยะหนึ่ง เพื่อรอดูสถานการณ์การเมือง

ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ อาจเคลื่อนย้ายการชุมนุมไปกดดันรัฐบาลที่หน้ารัฐสภา ในวัน

ที่จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น คงไม่มีผลต่อตลาดหุ้นมากนัก

นายเกียรติก้อง มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวรับที่ 760 ส่วนแนวต้าน 780


**จับตาหลังอภิปราย


นายโกสินทร์ เชื่อว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศ น่าจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น

ระดับหนึ่งในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ โดยเชื่อว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ

รัฐมนตรีแล้ว รวมถึงมีการพิจาณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 52 แล้ว ทิศทาง

การเมืองน่าจะชัดเจนขึ้น

"เปิดอภิปรายแล้ว ผ่านร่างงบประมาณแล้ว การเมืองก็น่าจะชัดเจน ว่า จุดแตก

หักอยู่ตรงไหน" เขา กล่าว

เขา มองว่า มีโอกาสค่อนข้างมาก ที่รัฐบาลอาจจะประกาศยุบสภา หลังจากที่เสร็จสิ้น

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการพิจารณาร่างงบประมาณฯเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ แนะให้ขายหุ้นในพอร์ต หากดัชนีปรับขึ้นมาเข้าใกล้แนวต้าน และถือเงินสดเพื่อ

รอดูสถานการณ์ แต่สำหรับรายที่ยังไม่ได้เข้าซื้อหุ้น ให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน

นายเกียรติก้อง มีความเห็นสอดคล้องกับนายโกสินทร์ ว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้

วางใจนายกฯและรัฐมนตรีแล้ว อาจเป็นไปได้ ว่า รัฐบาลจะประกาศยุบสภา

เขา มองว่า หากมีการยุบสภา ตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้น เพื่อรับข่าวการเมืองที่

มีทิศทางชัดเจนขึ้นระดับหนึ่ง แต่หลังจากนั้นจะทรงตัวและซึมลงระยะหนึ่ง เนื่องจากเป็นช่วง

สูญญากาศทางการเมือง

โดยในช่วงนี้ แนะให้เลือกซื้อหุ้นได้ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ที่รับผลบวกจากราคาน้ำ

มันที่ปรับขึ้น และหุ้นแบงก์บางตัว หลังจากที่ราคาปรับลงมามากแล้ว


ปัจจัยที่ต้องจับตา

วันที่ 23 มิ.ย.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบสื่อมวลชน เวลา 11.30 น.

วันที่ 24 มิ.ย.-GFPT พบผู้ลงทุน เวลา 9.00 น.

-ETG พบผู้ลงทุน เวลา 11.00 น.

-กลุ่ม CP แถลงยุทธศาสตร์การประหยัดพลังงาน เวลา 9.30 น.

-สำนักงานก.ล.ต.พบสื่อมวลชน เวลา 13.00 น.

-TRUE และกทม.แถลงโครงการ wifi เวลา 14.00 น.

วันที่ 25 มิ.ย.-CVD พบผู้ลงทุน เวลา 13.30 น.

วันที่ 26 มิ.ย.-TVO พบผู้ลงทุน เวลา 13.30 น.

วันที่ 27 มิ.ย.-PRO พบผู้ลงทุน เวลา 13.30 น.

-PLE พบผู้ลงทุน เวลา 15.30 น.--จบ--


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 23/06/2008 @ 08:18:02 :
ดัชนี SET สัปดาห์นี้จะขึ้นไปที่บริเวณ 775-780 จุด

ราคาหุ้นปรับลดลงจนมี UPSIDE ที่เริ่มน่าสนใจ แต่ยังต้องติดตามปัจจัยทางการเมืองใกล้ชิด

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ในสัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับลดลงต่อเนื่องอีก -1.8% ปิดที่ 768.79 จุด โดยทำจุดต่ำสุดในระหว่างสัปดาห์ที่ 737.83 จุด เนื่องจากแรงกดดันทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มพันธมิตรเคลื่อนขบวนชุมนุมไปกดดันรัฐบาลให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง

อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อหุ้นคืนในช่วงบ่ายวันศุกร์ เนื่องจากการเดินขบวนเป็นไปด้วยความสงบ ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น....ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง จะยังคงกดดันตลาดต่อไป แต่ถ้าพิจารณาจากราคาหุ้น ณ ปัจจุบันถือว่ามีราคาไม่แพง ที่ระดับ P/E 10.5 เท่า และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.1% นอกจากนี้ SET ยังอยู่ในภาวะขายมากจนเกินไป (OVERSOLD) รวมถึงยังมีระดับ UPSIDE ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับเป้าหมายทางพื้นฐานที่ 930 จุด เราจึงอาจคาดหวังการ REBOUND ระยะสั้นๆ ได้ในสัปดาห์นี้ไปที่ระดับ 780 - 800 จุด



อัตราการขยายตัวของสินเชื่อเดือน พ.ค.ของธนาคารขนาดใหญ่ยังดูดีอยู่มาก สวนทางกับราคาหุ้นที่ปรับลดลงแรง

ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับลดลงแรงในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมากว่า 20% เนื่องจากความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันอัตราการขยายตัวของสินเชื่อ และเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณภาพสินทรัพย์ (สินเชื่อ) ของธนาคารด้อยลง

อย่างไรก็ตามอัตราการขยายตัวสินเชื่อเดือน พ.ค. ของธนาคารขนาดใหญ่อย่าง BBL และ KBANK ยังขยายตัวดีถึง 3.2% และ 1.8% ตามลำดับ ซึ่งยังถือว่าเป็นอัตราการขยายตัวที่ดีมาก สวนทางกับราคาหุ้นที่ปรับลดลง ทำให้เรามองว่า ณ ระดับราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปัจจุบันถือว่าเป็นระดับราคาที่น่าสนใจเข้าซื้อลงทุนบ้างแล้ว โดยเราให้มูลค่าพื้นฐาน BBL, KBANK, และ SCB ที่ 160 บาท 102 บาท และ 100 บาท ตามลำดับ ขณะที่หุ้นถ่านหินอย่าง BANPU และ UMS

ยังแนะนำเข้าซื้อสะสมต่อเนื่อง โดยหุ้นกลุ่มถ่านหินได้รับผลดีจากราคาถ่านหินที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ US$159.6/ตัน ปรับสูงขึ้น US$4.1/ตัน จากสัปดาห์ก่อน

ทางเทคนิคมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับใหญ่

สัปดาห์ที่แล้วดัชนี SET ติดลบ 13.74 จุด หรือเพียง 0.17% ถึงแม้ว่าในระหว่างสัปดาห์ดัชนี SET ร่วงลงต่อเนื่องถึง 5.7% โดยเหตุผลหลักคือนักลงทุนต่างชาติทิ้งหุ้นอย่างต่อเนื่องถึง 8.3 พันล้านบาท เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองที่มีแนวโน้มบานปลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้วันศุกร์ดัชนี SET สามารถพลิกกลับขึ้นมาปิดบวกได้แรงถึง 26.44 จุด และมีปริมาณซื้อขายสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงแรงซื้อหุ้นกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ

หลังจากตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาตลาดปรับตัวลงต่อเนื่อง ดัชนี SET ร่วงลงอย่างรุนแรงถึง 16% และคาดว่าดัชนี SET มีโอกาสกลับตัวขึ้นได้แล้ว นอกจากปัจจัยการเมืองที่เริ่มผ่อนคลายลงได้ และเมื่อดูทางเทคนิคประเมินว่าดัชนี SET มีแนวรับใหญ่ที่บริเวณ 725 จุด ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 สัปดาห์ (สำหรับ SET50 จะอยู่ที่บริเวณ 525 จุด) หรือรอสัปดาห์นี้ถ้าตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ หาจังหวะซื้อเมื่อดัชนี SET อ่อนตัวไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับ 740 จุด

สำหรับการฟื้นตัวของดัชนี SET สัปดาห์นี้จะขึ้นไปที่บริเวณ 775-780 จุด ซึ่งเปลี่ยนจากการเป็นแนวรับ มาเป็นแนวต้านสำคัญ และเป็นจังหวะขายทำกำไรของผู้ที่ซื้อหุ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ในขณะที่ทะลุ 775-780 ได้ จะเป็นสัญญาณยืนยันกลับตัวขึ้น และมีเป้าหมายถัดไปคือ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน อยู่ที่ระดับ 815 จุด

AYS TALK

ที่มา:บล.กรุงศรีอยุธยา

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com