.--รอยเตอร์


ดัชนีหุ้นไทยปิดไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากที่ช่วงเช้าปิดลบ โดยภาวะการซื้อขายใน

ภาคบ่ายมีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ จึงช่วย

พยุงดัชนีตลาดให้ปรับตัวดีขึ้นได้ ขณะที่มูลค่าการซื้อขายตลอดวันไม่มากนัก

นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นช่วงบ่ายที่กระเตื้องขึ้น ถือเป็นไปในทิศทาง

เดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค และมองว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยจะอิงกับปัจจัยภายนอกเป็นหลัก

ขณะที่ปัจจัยด้านการเมืองซึ่งยืดเยื้อนั้น ถือว่าตลาดมีการรับรู้ไปแล้ว จึงมีผลกระทบน้อยลง

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 768.90 ขณะที่ดัชนีสูงอยู่ที่ 769.02

ส่วนดัชนีต่ำสุดที่ 754.16 โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 14,068.34 ล้านบาท

ขณะที่ SET 50 ปิดลบ 1.07 จุด หรือ 0.19% มาที่ 549.39 และ SET 100

ปิดลบ 1.02 จุด หรือ 0.09% มาที่ 1,184.28

ดัชนีกลุ่มพลังงาน บวก 0.80% มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ 37.35% รองลงมาได้

แก่กลุ่มแบงก์ ลบ 0.88% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บวก 0.52%


"ตลาดหุ้นเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดีขึ้นเช่นเดียวกับดัชนีตลาดหุ้น

ในภูมิภาคที่มีทิศทางดีขึ้นเช่นกัน" นายเกียรติก้อง เดโช ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์

บล.ซิกโก้ กล่าว

เขากล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากมีแรงขายทำกำไร

หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นมามาก ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์วันศุกร์ลงมามาก

จึงทำให้ตลาดหุ้นภูมิภาคปรับตัวลดลง และคาดว่าแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติยังมีอยู่

ส่วนปัจจัยการเมืองที่ยืดเยื้อ ขณะนี้ถือว่าตลาดหุ้นถือว่ารับรู้กับประเด็นดังกล่าวแล้ว

จึงมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นน้อยลง นอกเสียจากว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้นักลงทุนมีความกังวล

มากขึ้น ก็อาจจะส่งผลต่อตลาดหุ้นได้อีก

นายเกียรติก้องกล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศเป็น

ตัวแปรสำคัญ ทั้งทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ รวมถึงราคาน้ำมันว่าจะเป็นอย่างไร แต่หากไม่มีนัยสำคัญ

ดัชนีก็อาจจะปรับตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ ได้


หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด

PTTEP บวก 6.00 บาท มาที่ 182.00 บาท

PTT ไม่เปลี่ยนแปลง มาที่ 308.00 บาท

SCB ลบ 1.50 บาท มาที่ 78.00 บาท

KBANK ลบ 1.00 บาท มาที่ 71.00 บาท

TOP บวก 0.50 บาท มาที่ 57.50 บาท--จบ--

:lol: