May 21, 2024   12:43:42 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เวลาเปลี่ยน...สถานการณ์เปลี่ยน
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 24/06/2008 @ 09:45:29
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระยะสั้นยังเข้าข่าย ?เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยนŽ ส่วนตลาดหุ้นก็เปลี่ยนเช่นกัน จากเคยขึ้น 26 จุดเมื่อวันศุกร์เพราะคาดเดากันว่า การเมืองน่าจะ ?ชัดเจนŽ แต่ที่ไหนได้ ตื่นมาเช้าวันเสาร์ดาวโจนส์ร่วง 220 จุด เช้าวันจันทร์ตลาดเอเซียร่วงระนาว พันธมิตรยังยึดพื้นที่หน้าทำเนียบต่อ ตลาดหุ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าการเมืองน่าจะดีขึ้นก็เลยต้องทำ ?ตัวแดงŽ ไว้อาลัยไปตามสภาพ แต่ที่สำคัญดัชนีไม่ทำจุดต่ำ 737 แต่จริง ๆ ไก่ทองมองแค่ 745 เพราะรอให้ดัชนีต่ำถึงระดับ 737 สงสัยกางเกงอาจจะขาดไปหลายตัว เพราะราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมา ดังนั้นมุมมองแคบ ๆ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 745 ? 780 จุด การที่ดัชนียืนเหนือ 760 จุดได้จะเป็นการประกันความเสี่ยงทางลงที่แคบลง แต่มีทางขึ้นให้ถึง 800 ? 820 จุดได้

ในมุมมองของไก่ทองเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยระยะสั้น ดัชนี 737 จุดน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้ แต่ตลาดอาจจะฟื้นตัวได้ในวงจำกัด หากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ค่อยชัดเจน และไม่คลีคลายในทางที่ดีขึ้น ก็อาจจะทำให้การฟื้นไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ระดับราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลตอบแทนของหุ้นส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับตลาดเริ่มจูงใจ หากผลประกอบการเท่าเดิมหรือดีกว่า ราคาหุ้นลดลง ก็ทำให้ผลตอบแทนจาก Capital Gain หรือ Dividend Yield เพิ่มขึ้น และหุ้นส่วนใหญ่ก็เข้ารอบของการฟื้นตัวเพื่อรับผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2551 หรือผลประกอบการงวดครึ่งปี ซึ่งคาดว่าจะประกาศในประมาณกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ดังนั้นหากไม่มีตัวทำให้ตลาดตกใจ หรือเลื่อนการตัดสินใจออกไปคาดว่านักลงทุนที่ถือเงินสด ต้องเพิ่มน้ำหนักการถือหุ้นเพิ่มขึ้น เพราะบางคนอาจจะรอให้ตลาดหุ้นมีความชัดเจน ซึ่งในทางปฏิบัติเมื่อมีความชัดเจน ซึ่งแลกกับเวลาและโอกาส สองตัวหลังก็หายไป หรือโอกาสก็ถูกปิดให้แคบลงและยากขึ้น

จุดที่นักลงทุนยังอาจจะขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนระยะสั้นคาดว่า ยังคงเป็นตัวแปรทางการเมือง ที่ยังไม่มีข้อสรุป แต่ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นก็คือ กลุ่มพันธมิตรรุกคืบไปหน้าทำเนียบรัฐบาลได้ และกดดันให้มีการเปิดอภิปราย ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า ?จำยอมŽ ต่อแรงกดดัน ส่วนผลการอภิปรายอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ทางการเมือง แต่ในรูปแบบใดนั้นยังยากที่จะวิเคราะห์ แต่ความน่าจะเป็นมีโอกาสเกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ การลาออกของนายกรัฐมนตรีซึ่งทำให้รัฐบาลทั้งคณะสิ้นสุดลง และมีการฟอร์มรัฐบาลใหม่ หรือไม่ อาจจะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองวิธีการอื่น ๆ ที่อาจจะไม่เป็นที่พึงประสงค์ เช่น การรัฐประหาร หรือการปฏิวัติ ซึ่งถามว่ามีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ คำตอบคือ ยังเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ภายใต้เงื่อนไขทางการเมืองเช่นปัจจุบัน

หากเรามองตลาดหุ้นด้วยเหตุผลทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน อย่างเดียวอาจจะทำให้เรายังคงขาดความมั่นใจและมองโลกในแง่ร้าย เพราะ ฝรั่งก็ขาย กองทุนก็ซื้อแกน ๆ รายย่อยรายใหญ่ก็กลัว ๆ กล้า ๆ แต่หากมองเรื่องราคาหุ้นและดัชนีที่ปรับลดลงมาทำจุดต่ำที่ระดับ 737 จุดจากจุดสูงสุดของรอบที่ 895 จุดก็เป็นการลดลงกว่า 17% จากจุดสูงสุด น่าจะส่งผลในทางบวกเพราะในแง่กลยุทธ์คนที่ถือเงินสดคาดว่าน่าจะมีเพิ่มขึ้น ส่วนคนที่ติดหุ้นส่วนหนึ่งอาจจะถูกกดดันให้ขายหุ้นออกไป ทั้งโดยสมัครใจหรือไม่สมัครใจ ที่สมัครใจเช่นคนที่ถือเงินสด มีกำไรหรือขาดทุนก็อาจจะขายทิ้งออกไป ส่วนคนที่ทางเลือกน้อยเช่น คนที่ซื้อหุ้นโดยใช้สินเชื่อหรือมาร์จิ้น ซึ่งระดับราคาหุ้นบางตัวที่ลดลงอาจจำเป็นต้องขายทิ้งเนื่องจากเข้าเงื่อนไข Force Sell หรือเงื่อนไขอื่น ๆ ซึ่งหากนักลงทุนสังเกตจะพบว่าหุ้นอย่าง TUCC RICH BWG GSTEEL GJS อาจจะเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว

ข้อสังเกตทางเทคนิคดัชนีหุ้นในทางเทคนิค Indicators ส่วนใหญ่เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวก ทำให้ตลาดเริ่มสามารถเก็งกำไรเป็นรายตัวในหุ้นแทบทั้งกระดาน แต่ซื้อแล้วหุ้นตัวใดให้ผลตอบแทนมากสุด หรือน้อยสุดอาจจะต้องพิจารณาในแง่รายละเอียดอีกครั้ง เพราะการให้ส่วนลดของหุ้นแต่ละตัวและแต่ละกลุ่มไม่เท่ากัน โดยหุ้นกลุ่มที่นักลงทุนต่างชาติขาย ซึ่งเป็นหุ้นในสังกัด SET 50 ก็อาจจะมีความหนืดมากกว่า ปัญหาคือ ต่างชาติจะกลับลำเมื่อใด ถ้าหากมีคำตอบก็คงทำให้เล่นหุ้นง่ายขึ้น แต่อาจจะทำให้ต้องซื้อหุ้นแพงขึ้นหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ตอบยากเช่นกัน แต่ความหมายคือ อาจจะต้องซื้อหุ้นในราคาตลาดที่สูงขึ้น เพราะแต่นอน ?ความมั่นใจต้องแลกด้วยราคาŽ ดังนั้นทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งมีการเสี่ยงซื้อเมื่อวันศุกร์ แต่บางคนเสี่ยงซื้อวันจันทร์ ซึ่งหุ้นบางตัวก็มีราคาใกล้เคียงหรือสูงกว่าราคาเฉลี่ยวันศุกร์เล็กน้อย

กลยุทธ์การลงทุนยามนี้ขอเป็นชาวสวน หาทางสะสมหุ้นด้วยเหตุผลดังนี้ 1. ราคาหุ้นลดลงค่อนข้างเยอะในระยะเวลาอันสั้น 2.ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2551 กำลังจะออก 3.การเมืองน่าจะอยู่ในโค้งท้าย ๆ ของการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นข่าวร้ายทางการเมืองน่าจะมองเป็นโอกาส มากกว่าวิกฤติ แต่หากกลายเป็นวิกฤติควรจะต้องจุดหยุดการขาดทุนเมื่อดัชนีต่ำกว่า 745 หรือไม่ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาเฉลี่ยเมื่อวันศุกร์ และกำหนดแนวรับบริเวณ 737 ? 725 กรณีปกติ กรณีแย่อาจจะมองเลวร้ายคงมองบริเวณ 700 ? 680 (ถ้าการเมืองมีการนองเลือดหรือใช้กำลังทหารจัดการกับผู้ชุมนุม) แต่ควรจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนตัดสินใจในกรณีนี้

สำหรับหุ้นที่น่าติดตาม เช่น TMB KTB STEC ITD APURE APS BSEC TISCO TCAP GJS GSTEEL (แสดงความคิดเห็น Email: cnantawat@yahoo.com


:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com