May 20, 2024   10:59:49 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เด็กแนว
 

Toon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973
วันที่: 04/07/2008 @ 10:32:17
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

Wrap up
สรุปภาวะการซื้อขายเมื่อวานนี้ดัชนีฯ ปิดตลาดที่ระดับ 760.01 จุด ลดลง 8.58 จุด หรือ
-1.12% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 12,871.03 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,183.86 ล้านบาท
สำหรับหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ PTTEP, KBANK, PTT, SCB และ TOP โดย
ระหว่างวันมีจุดสูงสุดอยู่ที่ 767.73 จุด และจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 755.58 จุด

Highlights
External Factors
+ ยอดสั่งซื้อใหม่ของภาคโรงงานสหรัฐ เพิ่มขึ้นมากเกินคาด 0.6% ในเดือนพ.ค.
+ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนพ.ค.
- รมว.คลังสหรัฐยอมรับศก.ไตรมาส 2 ยากลำบาก ขณะมีผลกระทบยุโรป
- นายจ้างภาคเอกชนสหรัฐปรับลดตำแหน่งงานลง 79,000 ตำแหน่ง ในเดือนมิ.ย. มากสุด
รอบ 6 ปี
- คลาดหุ้นสหรัฐปิดลบหลังภาคเอกชนลดการจ้างงานลงมากที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี และราคา
น้ำมันพุ่งต่อเนื่อง
- ราคาน้ำมันดิบพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่กังวลความตรึงเครียดในตะวันออกกลางและสต๊อกน้ำมัน
สหรัฐลดลง
0 3 ก.ค.ตามตัวเลขเกี่ยวกับการจ้างงานสหรัฐ และ ISM ภาคบริการสหรัฐ
0 3 ก.ค.การประชุมธนาคารกลางยุโรปคาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 4.0 % สู่ 4.25%
0 5 ส.ค.ตามการประชุม FOMC ครั้งต่อไปหลังคงดบ.ระยะสั้นที่ 2% และดบ.มาตรฐานที่
2.25%

Internal Factors
- นายแบงก์มองครึ่งปีหลังดอกเบี้ยขยับขึ้นได้อีก 0.25-0.50%
- ดัชนีความเชื่อมั่นเอสเอ็มอีเดือพ.ค. ลดลงต่อเนื่องนำโดยธุรกิจปั๊มน้ำมัน-ท่องเที่ยว
- วันนี้ปตท.ได้ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินขึ้นลิตรละ 40 สตางค์ ส่วนดีเซลปรับขึ้น
80 สตางค์
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,183.86 ล้านบาท (YTD ขายสุทธิ 52,548.41 ลบ.)
0 กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมยืดเยื้อจนกว่ารัฐบาลลาออก
0 16 ก.ค.การประชุมกนง.ครั้งต่อไปคาดขึ้น ดบ.R/P 1 วัน 0.25% จากระดับ 3.25% และ
ปรับเป้าศก.ใหม่
0 กฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝากบังคับใช้ ส.ค.นี้ ธปท.สั่งแบงก์ทำแผนบริหารความเสี่ยง

Strategy
แนวโน้มการลงทุนวันนี้มองดัชนีฯมีทิศทางปรับตัวลงต่อเนื่องได้ ตามทิศทางการลงทุนของตลาดหุ้น
ทั่วโลกซึ่งมาจากความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว นับจากนี้โดยที่ราคา
น้ำมันที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้มีปัญหาทางเศรษฐกิจตามมาต่อเนื่องทั้งปัญหาเงินเฟ้อ
ทิศทางดอกเบี้ยขยับขึ้น ความเชื่อมั่นการลงทุนการบริโภคลดลง ชะลอการใช้จ่าย ผลประกอบการบริษัทต่างๆ
มีแนวโน้มลดลงต้องลดขนาดและปิดตัวจนทำให้เกิดปัญหาการว่างงานตามมา ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาสังคมความ
วุ่นวายตามมา การลงทุนจึงต้องระมัดระวังแนะนำกลยุทธ์เลือกลงทุนในหุ้น Defensive stocks ในกลุ่มที่
มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน อาหาร สาธารณูปโภค โรงพยาบาล เป็นต้น และลดการลงทุนหุ้นแบงก์และ
อสังหาริมทรัพย์ ส่วนข่าวกระทบหุ้นรายตัวที่น่าสนใจได้แก่ การที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกได้ดิ่งลงจะกระทบ
ราคาหุ้น BANPU ให้ลดลงได้ตามราคาถ่านหินได้ จึงแนะนำขายทำกำไรไปก่อน นอกจากนี้มีข่าวการออกมา
ยืนยันของผู้อำนวยการกองสลากว่าหวยออนไลน์จะออกขาย 1 ก.ย. นี้ทำให้คาดว่าจะมีการเข้ามาเก็งกำไร
ใน LOXLEY อีก เราแนะนำ เก็งกำไรตามข่าว โดยรวมดัชนีฯมีแนวรับที่ 753/737 แนวต้าน 768/772

Hot Stock
สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคการค้าส่งเป็นกลุ่มเดียวที่เพิ่มขึ้น มองส่งผลบวกต่อ MAKRO
ความเห็น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยผลการสำรวจ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการเดือนพ.ค.เทียบเดือนเม.ย.พบว่า ดัชนีรวมภาคการ
ค้าและบริการลดลงเป็น 40.0 จากระดับ 41.2 และลดลงเกือบทุกประเภทกิจการ โดยภาคการค้าปลีกอยู่
ที่ 39.7 จาก 40.1 ภาคบริการ 40.1 จาก 43.1 ขณะที่ภาคการค้าส่งเป็นกลุ่มเดียวที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 40.3
จาก 39.2 ซึ่งหุ้นในตลาดฯซึ่งมีธุรกิจในกลุ่มค้าส่งได้แก่ MAKRO น่าจะมีแนวโน้มที่ดีไปด้วย ทั้งนี้อัตราเงิน
เฟ้อที่สูงจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่สินค้าที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันยังคงได้รับ
ผลกระทบเพียงเล็กน้อย และสัดส่วน 85% ของรายรับรวมของ MAKRO มาจากสินค้าในกลุ่มอาหาร ดังนั้น
เราจึงคาดว่า MAKRO จะมีผลประกอบการที่ดีในปีนี้จากจำนวนสาขา 41 สาขาในปัจจุบัน โดยที่ผลประกอบ
การไตรมาส 1 มีทิศทางที่ดีเพิ่มขึ้น 23%YoY มีกำไรสุทธิ 390 ล้านบาท ในปีนี้เราประเมินกำไรสุทธิของ
บริษัทฯที่ 1,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% yoy ที่ EPS51F = 6.36 บาท ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 100 บาท
แนะนำ "ซื้อเมือราคาอ่อนตัวลงมา" มีแนวรับ 88/86 บาท ต้าน 91 บาท

SEAFCO เริ่มใจชื้นได้งานใหม่เพิ่มอีก 300 ลบ. ดัน Backlog พ่ง 1.8 พันลบ.
ความเห็น ผู้บริหาร SEAFCO ประกาศรับงานใหม่ 5 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานเสาเข็ม
เจาะ 4 โครงการ และงานก่อสร้างอาคาร 9 ชั้นของ รฟม. เพิ่มอีก 300.47 ล้านบาท หลังจากได้งาน
ก่อนหน้านี้ 210 ล้านบาท ส่งผลให้มี Backlog ยังไม่หักรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/51 จำนวน 1.7-1.8
พันล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1.3-1.4 พันล้านบาท รวมกับไตรมาส 1/51 ที่มีรายได้ 410
ล้านบาท ทำให้ปีนี้มีรายได้แน่นอนแล้วประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.85
พันล้านบาท อย่างไรก็ดี เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกการรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จะเป็นงานเก่าที่ได้รับผลกระทบจาก
ราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ Gross Margin จะค่อนข้างต่ำ
ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการรายได้ที่ 1.95 พันล้านบาท ในปีนี้ โดยมี Gross Margin 8.6% คาดมี
กำไรสุทธิ 52 ล้านบาท ประเมินราคาพื้นฐานที่ 4.7 บาท P/BV 1.5x ซึ่งราคามี Upside gain 26%
เราจึงปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อเก็งกำไร" เนื่องจากมองแนวโน้มกลุ่มรับเหมายังมีความเสี่ยงในเรื่องราคา
วัสดุก่อสร้างที่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแนวรับทางเทคนิคที่ 3.64 บาท แนวต้าน 3.84/4.04
บาท

Technical Spicy

SET ชะลอการลงทุน แนวรับ 753/737 แนวต้าน 768-772
PETRO รอดูก่อน แนวรับ 606/583 แนวต้าน 626/650
KASET ซื้อ แนวรับ 6.45/6.15 แนวต้าน 7.00/7.50
TRUE ขาย แนวรับ 3.88/3.70 แนวต้าน 4.12
AMATA ซื้อ แนวรับ 11.50 แนวต้าน 12.60/13.20

บล.แอ๊ดคินซัน[/size:639a0e852c">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com