May 20, 2024   8:57:42 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิเคราะห์หุ้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 09/07/2008 @ 09:12:59
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

Distributor - Bisnews AFE

จะยุบพรรค หรือจะยุบสภา

ภาพวันวาน
ความกังวลจากปัจจัยการเมือง บวกกับภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ กดดันดัชนีหุ้นไทยให้อ่อนตัวลง 1.11% โดยมีแรงขายนำในหุ้นพลังงาน โดยมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.13 หมื่นล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิสูงถึง 3,196 ล้านบาท

ประเด็นร้อนวันนี้

* เงินเฟ้อ กดดันดอกเบี้ยขาขึ้น และทำให้ตลาดหุ้นปรับฐาน 20% ช่วง 1 เดือนครึ่ง
ความกังวลต่อปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงทั่วโลก จากแรงกดดันของต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและอาหารที่
เพิ่มขึ้นรวดเร็ว เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก และผลักดันให้ธนาคารกลางทั่วโลก ต้องดำเนินนโยบาย
การเงินที่เข้มงวดขึ้น เพื่อชะลอปัญหาเงินเฟ้อ โดยในช่วงต้นเดือน ก.ค.2551 ที่ผ่านมา ธนาคารกลาง
ยุโรปได้ขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี โดยปรับขึ้น 0.25% มาอยู่ที่ 4.25% ส่วนการประชุมของ
ธนาคารกลางอังกฤษที่จะมาถึงในวันที่ 9-10 ก.ค. คาดว่าอาจจะหยุดการลดดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากที่มีการปรับลดลงต่อเนื่องมา 3 ครั้งนับตั้งแต่ปลายปี 2550 ยกเว้นธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ที่จะประชุมในสัปดาห์หน้าคือ 14-15 ก.ค.2551 คาดหมายว่าอาจจะคงดอกเบี้ยต่อไปเนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชน
ที่ชะลอตัว (สะท้อนได้จากจำนวนการล้มละลายของบริษัทเอกชนที่เพิ่มขึ้นถึง 6.91% yoy ในงวด 1H51 โดยเฉพาะในภาคอสังหาฯ) แม้ประสบปัญหาเงินเฟ้อที่สูงถึง 1.5% นับว่าเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 10 ปี
ส่วน กนง.ของไทยนั้น แม้ว่ามีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมคือ 3.25% ในการประชุมวันที่ 16 ก.ค.2551 แต่หากพิจารณาดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 5 และ 10 ปี พบว่าขณะนี้ได้ปรับขึ้นไปที่ระดับ 5.27% และ 5.57% เทียบกับ 4.38% และ 4.84% ในช่วงต้นปี 2551 และ ธ.พ. เอกชน ก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 หลังจากปรับขึ้นไปครั้งแรกเมื่อต้นเดือน มิ.ย. ขณะที่ราคาหุ้น ธ.พ.ทุกแห่ง พบว่าได้ปรับตัวลดลงสูงถึง 20% ในช่วง 1 เดือนครึ่ง ทำให้ราคาหุ้น ธ.พ. ขนาดใหญ่มี upside สูง แนะนำซื้อลงทุน KBANK(FV@B96.49), SCB(FV@B90.74)

* ดอลลาร์มีเสถียรภาพ ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัว
ราคาน้ำมันดูไบ ปรับฐานหลังแตะระดับสูงสุดที่ 140 เหรียญฯต่อบาร์เรล โดยลดลง 6% ขณะที่
เงินดอลลาร์กลับฟื้นตัว และมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับเงินยุโรป แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน เป็นปัจจัย
หนุนให้กระแสการลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น สะท้อนจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวอีกครั้งวานนี้ หลังจากที่ปรับตัว
ลงมากถึง 7.3% ในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา และในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันอ่อนตัว เป็นปัจจัยบวกต่อค่า
การกลั่น โดยล่าสุดค่าการกลั่นเริ่มแสดงสัญญาณการดีดตัวขึ้นรอบใหม่ อยู่ที่ระดับ 6.48 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับขึ้น 116% ในระยะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และมีค่าเฉลี่ยจากต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7.42 เหรียญฯต่อบาร์เรล สูงกว่าสมมุติฐานของฝ่ายวิจัยที่ระดับ 6.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาหุ้นโรงกลั่นส่วนใหญ่ได้ตอบรับข่าวร้ายเรื่องการแทรกแซงของรัฐไปแล้ว โดยในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่าราคาหุ้น TOP
และ PTTAR ปรับตัวลงราว 30% และ 41% ตามลำดับ จึงน่าจะเป็นจังหวะซื้อสะสม
TOP(FV@B81.50), PTTAR(FV@B32.67)

* ปรับ ครม. ใหญ่ และการยุบสภา ช่วยลดแรงกดดัน
ปัญหาการเมืองมาถึงจุดที่ต้องมีการเปลี่ยน หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน กรณีแถลงการณ์ร่วม
ไทย-กัมพูชา ว่ารัฐบาลได้กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญในมาตรา190 และศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ได้ตัดสินว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช กระทำความผิดกฏหมายเลือกตั้ง จาก 2 ปัจจัยดังกล่าวน่าจะผลักดันให้รัฐบาลมีโอกาสที่ปรับ ครม. ใหญ่ เพื่อลดแรงกดดันของกลุ่มพันธมิตร และในที่สุดอาจจะจบลงที่ยุบสภาในอีกระยะหนึ่ง เพื่อเตรียมการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งคาดว่าแรงกดดันทางการเมืองจะลดลง และน่าจะดีต่อตลาดหุ้น

INVESTOR S PLUS
แนวรับ / แนวต้านใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด : 710/780 จุด
ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้ดัชนีแกว่งตัวด้านข้าง แนวรับ 715 จุด แนวต้าน 735 จุด
กลยุทธ์วันนี้ : เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบแนวรับ และแนวต้านของหุ้นรายตัว KBANK(66/70),
SCB(73/78), TOP(51/54), ADVANC(88/93) :lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com