May 11, 2024   2:47:19 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นไทยสัปดาห์นี้ดีดขึ้น,หุ้นถูก-
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 14/07/2008 @ 08:25:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

รอยเตอร์


ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET Index) สัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับขึ้นหลังร่วงลงแรง ทำให้

ราคาหุ้นขณะนี้ต่ำมาก อีกทั้งคาดว่านักลงทุนจะเริ่มเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/51

ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรจะดีขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน

ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศในสัปดาห์นี้ อาจไม่มีน้ำหนักที่จะกดดันตลาดหุ้นมากนัก

รวมทั้งแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ น่าจะมีไม่มากแล้ว

นักวิเคราะห์มองกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ระหว่าง 715-770

เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ก.ค. ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 730.29 จุด ลดลง 1.7% จากระดับปิดเมื่อ

วันที่ 4 ก.ค.ซึ่งอยู่ที่ 743.03 จุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยสัปดาห์

ก่อน ขายสุทธิ 1.22 หมื่นล้านบาท

"ตอนนี้หุ้นเราเรียกได้ว่า ราคาถูกมาก กลุ่มหลักๆ ก็ปรับลงมาก...การเมืองสัปดาห์

นี้ไม่ค่อยมีประเด็นใหม่ แรงกดดันจากการเมืองเริ่มดีขึ้น"นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการ

ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าว

เขากล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมากโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มหลักๆ ทำให้

ขณะนี้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งหากนับตั้งแต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เริ่มชุมนุม

คัดค้านรัฐบาลจนถึงขณะนี้ ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับลงแล้วราว 20%, กลุ่มแบงก์ปรับลง 21% และ

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลงถึง 26%

เขายังกล่าวว่า สัปดาห์นี้ธนาคารพาณิชย์จะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการในไตรมาส

2/51 ซึ่งส่วนใหญ่ก็มองว่ากำไรจะดีขึ้น

ธ.ทิสโก้(TISCO) เป็นธนาคารแห่งแรกที่ประกาศผลประกอบการแล้วเมื่อวันศุกร์ โดย

ในไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 501.3 ล้านบาท โตขึ้น 14.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

สำหรับแรงขายของนักลงทุนต่างชาตินั้น นายเทิดศักดิ์ คาดว่าน่าจะเริ่มลดน้อยลงเมื่อดู

จากช่วงที่ผ่านมามีเงินต่างชาติลงทุนหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์กว่าแสนล้านบาท ขณะที่ตลาดหุ้น

ตกรอบนี้ต่างชาติขายแล้วประมาณ 70% ดังนั้นเหลือ 30% ทำให้แรงขายน่าจะเริ่มลดลง

นายเทิดศักดิ์ มองว่า ในสัปดาห์นี้ปัจจัยการเมืองน่าจะกดดันตลาดหุ้นน้อยลง เนื่องจาก

ยังไม่มีประเด็นใหม่มากนัก มีเพียงประเด็นการติดตามความคืบหน้าเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)

ซึ่งก็คาดหมายไว้อยู่แล้ว

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะมีการปรับครม.ชุดใหญ่

หลังมีรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 คนที่พ้นจากตำแหน่ง แต่ยังขอรอเวลาจนถึงสัปดาห์หน้า

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ถูกสอบออกรายการ"ชิมไปบ่นไป"นั้น นายเทิดศักดิ์ มองว่าไม่น่า

จะมีน้ำหนักมาก และคาดว่าผลการพิจารณาประเด็นนี้ น่าจะออกมาในเชิงบวก

เมื่อวันศุกร์คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ระบุสัปดาห์นี้ กกต.จะลงมติผลการสอบ

สวนของคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีนายสมัคร จัดทำรายการด้านอาหารออกอากาศทาง

สถานีโทรทัศน์ อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีหรือไม่

นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ยังปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประชุมของคณะกรรมการ

นโยบายการเงิน(กนง.) เพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดกันว่าจะปรับขึ้น 0.25% เพื่อ

ลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และจะทำให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น

แต่หาก กนง.ประกาศขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ดังกล่าว ก็จะไม่ทำให้ตลาดประหลาดใจ

เขามองกรอบการเคลื่อนไหวของหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวรับที่ 715 ส่วนแนวต้านที่ 750

นายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.นครหลวงไทย คาดว่า ตลาด

หุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มแกว่งขึ้นด้วยปัจจัยบวกหลักคือ ราคาหุ้นปรับลงมาจนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก

"สัปดาห์นี้ตลาดจะเล่นประเด็นราคาหุ้นต่ำ อินเด็กซ์จะรีบาวด์ เพราะตอนนี้หุ้นอันเดอร์

แวลูมาก"เขากล่าว

เขามองว่า สัปดาห์นี้การดีดกลับของตลาดหุ้นไทย อาจจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 770

ขณะที่มีแนวรับอยู่ที่ 725

สำหรับปัจจัยการเมืองในสัปดาห์นี้ ต้องติดตามความคืบหน้าเรื่องปรับครม.ซึ่งหากมี

ความชัดเจน ก็จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตาม แม้สัปดาห์นี้ หุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งขี้นได้ ก็ยังไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับ

800 จุดได้ เพราะยังมีปัจจัยที่กดดันตลาดทั้งเรื่องเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันที่ระดับสูง และเศรษฐกิจที่

ชะลอตัว


**แกว่งตัวผันผวน


นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท คาดว่า สัปดาห์นี้ตลาดน่า

จะแกว่งตัวผันผวน เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ยังต้องติดตาม เช่น การเมืองในประเทศ ทิศทางอัตรา

ดอกเบี้ย และตลาดหุ้นสหรัฐ

"น่าจะยังผันผวนตามปัจจัยที่มีเข้ามา ถ้าขึ้น ก็คงไปไหนไม่ได้ไกล"เขากล่าว และคาดว่า

สัปดาห์นี้หุ้นไทยจะมีแนวรับที่ 720 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 740 และ 742

นายอนุพนธ์ มองว่า ราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยปรับลงมามากแล้ว ขณะที่การเมืองในประเทศ

ซึ่งมีคดีการเมืองหลักอยู่ที่เรื่องการยุบพรรค ซึ่งคาดว่าการพิจารณาเรื่องนี้ จะใช้เวลาอีกนาน ดังนั้น

การเมืองในสัปดาห์นี้ คงไม่เข้มข้นเท่าสัปดาห์ก่อน

ส่วนกรณีการออกรายการทีวีของนายกรัฐมนตรีนั้น มองว่าผลการพิจารณาน่าจะออกมาทาง

บวก แต่หากผลออกมาด้านลบ ก็จะเป็นปัจจัยลบที่รุนแรงมาก

สำหรับกรณี กนง.ประชุมเพื่อพิจารณาดอกเบี้ยและคาดกันว่าอาจปรับขึ้นนั้น ตลาดรับข่าว

ไปล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นหากออกมาเป็นไปตามคาด ก็คงไม่มีผลต่อตลาดมากนัก

นายอนุพนธ์ ยังคาดว่า ในสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกน่าจะแกว่งผันผวน ซึ่งกรณีที่

อิหร่านทดสอบขีปนาวุธ ก็ยังเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนกังวล


ปัจจัยที่น่าจับตา

วันที่ 14 ก.ค.-มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.

เวลา 11.30 น.

วันที่ 15 ก.ค.-APF กรุ๊ป แถลงข่าวเรื่องซื้อกิจการยางพารา เวลา 13.00 น.

-Dinner Talk จะอยู่อย่างไรในพ.ค.นี้ เวลา 17.30 น.

วันที่ 16 ก.ค.-บล.นครหลวงไทย เสวนาหุ้นครึ่งปีหลัง เวลา 13.30 น.

-SCG ประกาศรางวัล Innovation เวลา 16.30 น.

-กนง.แถลงผลประชุมเรื่องดอกเบี้ยนโยบาย เวลา 14.30 น.--จบ--

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 14/07/2008 @ 08:36:13 :
บล.โกลเบล็ก

Distributor - Bisnews AFE

WEEKLY COMMENTS : ตลาดปรับตัวสะสมหุ้นP/Eต่ำ Dividend Yield สูง

* คาดว่า กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยอ้างอิง 0.25% เพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากราคาน้ำมัน
* ความเสี่ยงหลักกดดันตลาดคือการเมืองไทย
* ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตคือเรื่องความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
* แนวรับ 719, 710, และ 700 แนวต้าน 737, 747 และ 753

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา 7-11 กรกฎาคม 2551
สรุปภาวะการลงทุนสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปิดที่ 730.29 จุด ลดลง 12.74 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ระดับปิดที่ 743.03 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 12,941 ล้านบาท ใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อน
หน้าที่ระดับ 12,941 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 5,185 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 12,286 ล้านบาท รายย่อยซื้อสุทธิ 7,101 ล้านบาท

ภาพรวมการแกว่งตัว : วันจันทร์ดัชนีปรับขึ้นเล็กน้อยก่อนมีแรงขายออกมานำโดยกลุ่มพลังงานและมีแรงขายกลุ่มอื่นตามมาทำให้ดัชนีลงต่อเนื่องจนปิดตลาดขณะที่ปริมาณการซื้อขายยังเบาบาง วันอังคาร
ดัชนีปรับตัวลงต่อตั้งแต่เปิดตลาดจากความกังวลเรื่องการเมืองคดีใบแดงนายยงยุทธโดยไม่มีแรงซื้อเข้ามาส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงอยู่ในแดนลบตลอดวันวันพุธดัชนีปรับตัวขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดมีแรงซื้อเข้ามาทุกกลุ่มหลัง
การเมืองคลี่คลายมากขึ้นและดัชนีต่างประเทศปรับขึ้นแต่มีแรงขายออกมามากในช่วงบ่ายทำให้ตลาดลงมาอยู่
ในแดนลบ วันพฤหัสบดีดัชนีปรับลงต่อเนื่องหลังตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลงแรงทั่วโลก แต่มีแรงซื้อคืนช่วงใกล้ปิดตลาดส่งผลให้ดัชนีขึ้นมาปิดอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย วันศุกร์ดัชนีฟื้นตัวขึ้นต่อตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นแต่การซื้อขายโดยรวมก็ยังไม่มีแรงซื้อเข้ามามากนักแต่เริ่มมีแรงซื้อกระจายมากขึ้น

ปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดได้แก่ : กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมขับไล่รัฐบาล,ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอน
สิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ,ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 7 ปี,ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเรื่องปราสาทพระวิหารต้อง
ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาทำให้ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา190,ดัชนีทำจุดต่ำสุดในรอบปี

ปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามและมีผลต่อการลงทุนในสัปดาห์ 14-18 กรกฎาคม 2551
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ 14-18 กรกฎาคม 2551 ทางฝ่ายวิเคราะห์ บล.
โกลเบล็กฯ ประเมินภาวะตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 700-750 ความไม่สงบเรียบร้อยของการ
เมืองบั่นทอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย รัฐบาลไม่มีทางเลือกมากนักในการยุบสภาหรือลาออกทั้งคณะ จากการยื่นถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและนายกรัฐมนตรี
เมื่อเรื่องไปถึง ป.ป.ช. หากถูกชี้ว่ามีมูล ผู้ถูกยื่นถอดถอนจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีและคณะยืนยันที่จะทำงานการเมืองต่อไปจนถึงที่สุด ด้วยหวังว่าหากผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552
และสามารถวางฐานกำลังข้าราชการในการแต่งตั้งโยกย้ายเดือนตุลาคม โดยเฉพาะในกองทัพได้ก็อาจจะทำให้อยู่ในฝ่ายที่ได้เปรียบ รัฐบาลและคณะไม่ได้ให้ความสนใจในการแก้ไขหรือกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ มุ่งแต่
จะแก้เกมส์ทางการเมืองเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ระบบLogistic และMass transportation ของไทยยังเป็นระบบรถยนต์เป็นส่วนใหญ่
จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าและบริการดังที่เป็นข่าวกันก่อนหน้านี้ ทำให้ ธปท.มีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม กนง. วันที่ 16 ก.ค. นี้ เพื่อไประงับการคาดการของภาวะ
เงินเฟ้อในอนาคตเพิ่มขึ้น ดังนั้นแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นตลาด การกลับตัว
ขึ้นยังเป็นการกลับทางเทคนิคจากภาวะขายมาก และการกลับเข้ามาซื้อถือบางส่วนเนื่องจากราคาหุ้นพื้นฐาน
ที่มีราคาถูกเมื่อคิดเปรียบเทียบจาก P/E Ratio หรือ Dividend Yieldที่อยู่ในระดับสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย
ที่ปรับขึ้นแล้วจึงเป็นเป้าหมายของการซื้อสะสม

ปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้

1.ราคาน้ำมัน
ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกคุกรุ่นขึ้นขณะที่อิหร่านได้ทำการซ้อมรบทั้งทางน้ำและทางอากาศและทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีพิสัยไกลถึงอิสราเอลและฐานทัพของสหรัฐในภูมิภาคดังกล่าวคือ
ตุรกีเพื่อเพิ่มความพร้อมและความสามารถในการรบและพร้อมตอบโต้ทันทีถ้าถูกโจมตีเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความขัดแย้งกับชาติตะวันตกซึ่งมีทีท่าที่แข็งกร้าวและตึงเครียดมากขึ้น ขณะที่อิหร่านเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันมาก
เป็นอันดับ 4 ของโลกถ้ามีการโจมตีเกิดขึ้นจะส่งผลต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกทันที ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐ
ที่อ่อนแอและดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้กองทุนทั้งหลายเข้าไปลงทุนในตลาดน้ำมันอย่างหนัก จากปัจจัยที่เกิดขึ้น
ทำให้ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง

2.ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ
ยังมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะถดถอยหลังจากที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาเลวร้ายลงโดยเฉพาะตัวเลขด้านการจ้างแรงงานที่ปรับลดลงมากและแนวโน้มการเพิ่มทุนของหุ้นกลุ่มการเงินที่ประสบปัญหา
จากวิกฤติสินเชื่อ ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ยากขึ้นจากปัญหาด้านอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเผชิญกับภาวะ stagflation (ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันขณะที่อัตรา
เงินเฟ้อสูง) ซึ่งจะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐในภาวะ stagflation ทำได้ยากขึ้นเนื่องจากการแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่งจะกระทบต่ออีกปัญหาหนึ่งทันที จากปัญหาที่ยังคงอยู่จะเป็นตัวกดดันภาวะเศรษฐกิจ
ของสหรัฐต่อไปเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก

3.แรงซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ
ยังขายสุทธิออกต่อเนื่องขณะที่การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่ยังมีอยู่และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงภายใน
ระยะเวลาอันสั้น เป็นตัวลดความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ขณะที่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่า
ต่อเนื่องทำให้ยังไม่มีสัญญาณการกลับเข้ามาลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ถึงแม้ว่าต่างชาติจะขายออกมาต่อ
เนื่องแต่ยังไม่มีแรงซื้อคืนเข้ามา ขณะที่เสถียรภาพของรัฐบาลเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นหลังมีรัฐมนตรีหลายคนโดนคดีทางการเมือง คาดว่านักลงทุนต่างประเทศยังมีแนวโน้มชะลอการลงทุนต่อเนื่องจนกว่าปัจจัยกดดันด้าน
การเมืองจะคลี่คลายขึ้น

4.สถานการณ์ด้านการเมือง
ศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธทำให้พรรคพลังประชาชนมีความเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคเช่นเดียวกับพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของอัยการสูงสุดและประเด็น
เรื่องปราสาทพระวิหารที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่าแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่สนับสนุนให้กัมพูชาเสนอจด
ทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเป็นหนังสือสัญญาต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาทำให้ผิดรัฐ
ธรรมนูญมาตรา190จนทำให้นายนพดลต้องประกาศลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศทำให้สถานการณ์
ที่เกิดขึ้นมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลมากขึ้นนอกเหนือไปจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลให้ความเสี่ยง
ทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้น

5.ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล
เริ่มมีความขัดแย้งมากขึ้นหลังจากอิสราเอลออกมาขู่ว่าจะโจมตีถ้าอิหร่านยังไม่เลิกล้มโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งอิหร่านก็ออกมาตอบโต้โดยการซ้อมรบทั้งทางน้ำและทางอากาศพร้อมกับทดสอบยิงขีปนาวุธถึง
2 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งขีปนาวุธที่ทดสอบมีพิสัยไกลถึงอิสราเอลและประกาศจะโจมตีอิสราเอลและสหรัฐทันทีเพื่อตอบโต้ถ้าโดนโจมตี จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นถ้ามีการโจมตีกันเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและปัญหา
เงินเฟ้อทั่วโลกโดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดจากแรงกดดันด้านอุปทานน้ำมัน

6. ธปท.ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
หลังจากตัวเลขเงินอัตราเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. 51 สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ค่าเงินบาท
ยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าทำให้การต้นทุนการนำเข้าน้ำมันสูงขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบมายังระบบเศรษฐกิจ ทำให้ธปท.มีแนวโน้มที่จะประกาศปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเดิมอยู่
ที่ 3.25% แต่คาดว่าจะเป็นการปรับขึ้นทีละน้อยไม่ปรับเพิ่มขึ้นมาก เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นและรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ

แนวโน้มการเคลื่อนไหวระดับสัปดาห์

ด้านการวิเคราะห์เทคนิค
แท่งเทียนมีสัญญาณดีขึ้นหลังยกจุดต่ำสูงขึ้นมากและเริ่มเคลื่อนตัวมาเหนือเส้น SMA 5 วัน เป็นแท่งเทียนสีขาวทำให้แนวการเรียงตัวแท่งเทียนมีโอกาสสร้างรูปแบบขึ้น MORNING STAR ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI
เริ่มวกกลับขึ้นมาตัดเส้นค่าเฉลี่ยตัวเองจากระดับขายมากและยังคงค่าสัญญาณบวก BULLISH DIVERGENCE ได้ต่อเนื่องเป็นค่าสัญญาณบวกเสริม ทำให้ดัชนีมีโอกาสกลับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านขาลงที่ 747 แต่เนื่องจาก
VOLUME ยังเบาบางทำให้การขึ้นทดสอบแนวต้านมีความเสี่ยงที่จะไม่ผ่านยืนและปรับตัวลงตามแนวลงเดิม ยกเว้นมี VOLUME เพิ่มขึ้นช่วงผ่านแนวต้าน 747 มีโอกาสสร้างแนวกลับตัวรูปแบบ V-SHAPE ตามมา

กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้
ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น / ไม่ผ่านยืนแนวต้าน 747 ขายทำกำไร / ผ่านยืนซื้อถือต่อเนื่อง สัปดาห์นี้มีแนวรับที่ 719, 710, และ 700 แนวต้าน 737, 747 และ 753

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.
จากกราฟรายวันราคาน้ำมันทำจุดสูงใหม่ต่อเนื่องมาอยู่ในแนวขึ้นเดิม และเริ่มดึงให้สัญญาณทางเทคนิคที่ไม่ทำจุดสูงใหม่เริ่มปรับขึ้นตามกัน ทำให้ระยะสั้นราคามีโอกาสขึ้นต่อ

ค่าเงินบาท/ดอลลาร์ในตลาดออนชอร์
จากกราฟรายวันค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ค่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มแสดงสัญญาณลบเริ่มไม่ทำจุดสูงใหม่หลังขึ้นมามาก เป็นสัญญาณเตือนเชิงลบ ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มชะลอการอ่อนค่าลงและอาจจะมีการแข็งค่าขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
จากกราฟรายวันดัชนีลงมาต่อเนื่องขณะที่ค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับลงมาอยู่ในระดับลงแรงมากเกินไปและเริ่มไม่ทำจุดต่ำใหม่ขัดแย้งกับดัชนีเป็นสัญญาณบวก ทำให้ดัชนีมีโอกาสสร้างฐานและกลับตัวขึ้นรอบใหม่ได้

ดัชนีนิกเกอิ
จากกราฟรายวันดัชนีปรับลงต่อเนื่อง ขณะที่ค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับลงสอดคล้องกันแต่ลงมาอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อแต่จะเริ่มชะลอตัวมากขึ้นใกล้แนวโน้มการสร้างฐานขาขึ้นรอบใหม่


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 14/07/2008 @ 08:49:02 :
.--บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

Distributor - Bisnews AFE

ต่างชาติขายต่อเนื่อง

ภาพวันวาน
อิทธิพลการปรับบวกของตลาต่างประเทศ หนุนตลาดหุ้นไทยให้ปรับบวกในทิศทางเดียวกัน ด้วย
มูลค่าการซื้อขายทีทรงตัวที่ระดับ 1.31 หมื่นล้านบาท พร้อมการขายสุทธิอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ
1,117 ล้านบาท

ประเด็นร้อนวันนี้

* กังวลภาคการเงินสหรัฐ กดดันดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก
จากความกังวลต่อปัญหาภาคการเงินในสหรัฐ โดยเฉพาะในสถาบันการเงินของรัฐ (แฟนนี เม
และ เฟรดดี แมค) กดดันให้ดัชนี DJIA ปรับตัวลง 1.1% สู่ระดับ 11,100 จุด คาดว่ามีโอกาสที่จะปรับ
ตัวลงสู่แนวรับถัดไปที่ระดับ 10,800 จุดได้ ทั้งนี้ คาดว่าจะเป็นผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้มีทิศทาง
เชิงลบด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงตลาดหุ้นที่ยังมีความกังวลต่อปัญหาการเมืองอยู่ อย่างไรก็ตาม ด้วยทิศทาง
เชิงบวกระยะกลางของตลาดหุ้นจีนและอินเดีย เชื่อว่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียอ่อนตัวในระยะสั้น
เท่านั้น ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยคาดว่าการประชุม กนง. ในวันที่ 16 ก.ค.2551 น่าจะมีการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับ ธ.พ. ที่ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วก่อนหน้านี้ และยัง
มีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นไปอีกในช่วงเวลาที่เหลือของปี และด้วยผลประกอบการ 2Q51 ที่ยังแข็งแกร่งของ
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะทำให้หุ้นกลุ่มธนาคาร ได้รับความสนใจมากขึ้น แนะนำเก็งกำไร
KBANK(FV@B96.49), SCB(FV@B90.74) และ BAY (FV@B27.03)

* ความกังวลต่อสถานการณ์ตะวันออกกลาง หนุนราคาน้ำมัน
ความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอล
ที่เพิ่มความร้อนแรงด้วยการซ้อมรบของอิสราเอล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด
อยู่ที่ระดับ 138.73 เหรียญฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 5.97% จากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่าจากสถาน
กการณ์ดังกล่าว จะเป็นปัจจัยหนุนต่อการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันในระยะสั้นนี้ได้ ทั้งนี้ ด้วยราคาหุ้นหลักใน
กลุ่มพลังงานที่เผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ โดย PTT(FV@B428.31) ปรับตัวลงกว่า 9.3% และ
PTTEP(FV@B245.79) ปรับตัวลดลง 9.94% อาจเป็นจังหวะเข้าลงทุนระยะสั้น

* สนทนาประสาสมัคร เปิดประเด็นแก้รัฐธรรนูญ เพิ่มความร้อนแรง
การเปิดประเด็นเรื่องการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในสมัยประชุมสภาฯ ครั้งถัดไป (เดือน ส.ค
.2551) คาดว่าจะเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เพิ่มความร้อนแรงทางการเมือง เฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมนอก
สภาฯ ซึ่งดูเหมือนว่าปัจจุบันกระแสการชุมนุมได้ขยายวงออกไปสู่จังหวัดที่สำคัญ นักลงทุนควรจับตา
สถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ในวันนี้ยังมีความคืบหน้าในคดียุบพรรค โดยกรรมการร่วม กกต.อัยการ
ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ส่งเรื่องยุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ส่งผลต่อทิศ
ทางตลาดหุ้นไทยระยะกลาง ยังคงเป็นเชิงลบ โดยมีแนวต้าน 770 จุด


INVESTORS PLUS

แนวรับ / แนวต้านใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด : 710/770 จุด
ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้ดัชนีแกว่งตัวด้านข้าง แนวรับ 720 จุด แนวต้าน 735 จุด
กลยุทธ์วันนี้ : เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบแนวรับ และแนวต้านของหุ้นรายตัว PTT(292/320),
PTTEP(161/170), TTA(38.5/41), ESSO(8.1/8.4)

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com