May 10, 2024   8:05:36 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 16/07/2008 @ 08:44:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บล.ธนชาต

Distributor - Bisnews AFE

TECHNICAL
MARKET OUTLOOK

* แนวโน้มหลักยัง Sideway down แม้ว่าจะมีดีดกลับจากมาตรการของรัฐฯ ช่วยหนุน
* การอ่อนตัวหลุด 720 จุด มีรอบที่จะดีดกลับแต่ไม่ถาวร
* แนวรับรายสัปดาห์อยู่ที่ 708-700 จุด โดยมีระดับย่อยที่คาดว่าจะดีดได้บ้างที่ 714-715 จุด

แนวรับ 714-708 จุด
แนวต้าน 723-725 จุด

* ปิดต่ำ -13.23 จุด ทิศทางเดียวกับตลาดเอเชีย ยกเว้น จีน ฟิลิปปินส์ แรงขายกระจายไป
ที่ทุกกลุ่มหลัก พลังงาน -1.90% ธนาคาร -2.77% แต่ Vol. โดยรวมกลับหดตัว เนื่องจากแรงรับซื้อของ
กองทุนเริ่มหดตัว
* Sideway down หลุดจากระดับสำคัญ 825 จุด และไหลแรงตามคาด ดึงให้ระดับนี้กลายเป็น
แนวต้านไป และเกิดรูปแบบ Reversal อีกครั้ง หลังจากสร้าง Lower Top Lower Bottom ส่งให้การ
Rebound จาก Positive Divergence ใน RSI ถูกชะลอลงหรือจบรอบไปจากการ Rebound เมื่อ
2 วันที่ผ่านมา
* วันนี้รัฐบาลจะออกมาตรการการช่วยเหลือค่าครองชีพ ซึ่งส่งให้ระยะสั้นการอ่อนตัวต่ำกว่า
720 จุด อาจจะมีการดีดกลับได้ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่ยังไม่ถาวร จากประเด็นกดดันเรื่อง
ดอกเบี้ยที่เริ่มปรับเข้าสู่ ขาขึ้นที่ยังเข้ามาซ้ำเติมและการเมืองที่ยังหาความมีเสถียรภาพไม่ได้
* ฐานแนวรับที่คาดว่าจะมีการดีดกลับระยะสั้นได้พอควร คือ 714-715 จุดหรือไหลเร็วไปที่
แนวรับรายสัปดาห์ที่ 708-700 จุด ก็จะดึงรอบการดีดกลับได้ในช่วงสั้น

วิเคราะห์รายกลุ่มอุตสาหกรรม
SETENERG: เน้นซื้ออ่อนตัว-ขายช่วงดีด PTT PTTEP และ BANPU
แนวรับ: 17400 จุด แนวต้าน: 18000-18300 จุด
* จังหวะที่ตลาดเป็นขาลง ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ถือว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากอ่อนตัวของตลาด
ตามระดับการไหลออกของ Fund Flow คือ กลุ่มน้ำมัน แม้ว่าจะมี Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบที่
ขยับขึ้นทำ New High ใกล้แตะ USD150bbl ในระยะใกล้นี้ ฉะนั้นยังเน้นขึ้นขาย ลงซื้อ
* รอบสั้นซื้อ่อนตัวเท่านั้น ยังเน้น PTT PTTEP ส่วน BANPU ดีดขายก่อน แนวต้าน 472-482
บาท แล้วรอซื้อคืนช่วงอ่อนตัว

SETPROP: น่าจะเผชิญกับแรงขายทำกำไร จากการกดดันของดอกเบี้ย
แนวรับ: 96-95 จุด แนวต้าน: 102-105 จุด
* โดยเฉพาะกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายที่น่าจะถูกขายทำกำไร เนื่องจากแนวโน้มการปรับขึ้น
ดอกเบี้ยของ กนง. ซึ่งพรุ่งนี้จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.25% สู่ 3.50% กระทบกำลังซื้อหรือการตัดสินใจซื้อบ้าน
ใหม่ของผู้บริโภค บวกกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเร็วยังเป็น Sentiment ลบกับราคาหุ้นกลุ่มนี้ เพราะส่งผล
กระทบต่อต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น
* แรงขายกดจากหุ้น QH LH AP PS LPN SPALI น่าจะดึง SETRPOP ลงสู่ฐานต่ำกว่า 96 จุด
และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ถาวร

TECHNICAL
STOCK PICKS

หุ้นเด่นวันนี้: JAS, GEN, SECC
* หุ้นเด่นรองลงมา: TFI, GEN-W1, METRO, BROCK, EVER, THL
* เมื่อวานเลือดสาดครับ เก็งขาดทุนเป็นทิวแถว ได้แต่เขียวแว๊บๆ ตอนเปิดตลาด จากนั้นก็ไหล
ลง มาปิดลดลงทั้งสามตัวไม่ว่าจะเป็น APURE, YNP และ PTL หลังจากที่ SET ซึมลงมาเรื่อยๆ จนมาปิด
ลดลงไป 13.23 จุด
* วันนี้เอาใหม่ ขอนำเสนอ JAS พักฐานมาสองวัน วันนี้น่าจะมีเด้งกลับบ้าง ไม่เอาเยอะ
เพราะแต่ละช่วงราคาก็ 2% เข้าไปแล้ว ถัดมาก็ GEN เขียวมาได้ทั้งวัน...ตอนจบ พลิกมาปิดแดงเสียได้
อย่างนี้ต้องงัดขึ้นไปใหม่ และสุดท้าย SECC หวือหวาทั้งช่วงวิ่งของราคาและปริมาณหุ้นที่เปลี่ยนมือ รักจะเล่น
อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยนะครับ...

JAS ปิด 0.48 บาท (-0.01 บาท)
คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
แนวรับ 0.47**
แนวต้าน 0.50,0.52-0.53
ตัดขาดทุน เมื่อหลุดต่ำกว่า 0.47
* 3 ครั้งมาแล้วที่เวลาพักฐาน ราคาหุ้นมักจะมาเด้งกลับจากแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ซึ่ง
หนุนขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.47 บาท เมื่อวานลงมาสัมผัสด้วยปริมาณหุ้นเปลี่ยนมือลดน้อยลง จึงมีโอกาสเด้งกลับ
* เปิดแล้วไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับ 0.47 บาท คาดว่าจะฟื้นตัวกลับไปทดสอบแนวต้าน
0.52-0.53 บาทได้

GEN ปิด 1.98 บาท (-0.10 บาท)
คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
แนวรับ 1.96-1.95
แนวต้าน 2.06,2.10
ตัดขาดทุน เมื่อหลุดต่ำกว่า 1.95
* เมื่อวานเลี้ยงตัวแคบระหว่าง 2.00-2.04 บาท อยู่ทั้งวัน แถมปริมาณหุ้นเปลี่ยนมือเพิ่มสูงขึ้น
แต่มาทำปิดที่ 1.98 บาท ในช่วง Call
* คาดว่าเปิดแล้วน่าจะเด้งขึ้นเลย คาดว่าจะแกว่งในกรอบ 1.95-2.06 บาท แนะให้ซื้อที่
แนวรับ แล้วรอขายที่แนวต้าน

SECC ปิด 4.10 บาท (+0.06 บาท)
คำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
แนวรับ 4.04-4.00
แนวต้าน 4.36,4.46
ตัดขาดทุน เมื่อหลุดต่ำกว่า 4.00
* เมื่อวานโยกแรง วิ่งขึ้นไปถึง 4.36 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 4.10 บาท ซึ่งต่ำกว่า
ราคาถัวเฉลี่ยที่ 4.19 บาท ค่อนข้างมากจึงมีโอกาสดีดกลับไปหาค่าราคาเฉลี่ย
* เปิดแล้วไม่หลุดต่ำกว่า 4.04 บาท น่าจะแกว่งตัวขึ้นอย่างน้อยน๋าจะมีโอกาสกลับไปทดสอบ
แนวต้าน 4.36 บาท

TECHNICAL
PERFORMERS

Most active stocks

ชื่อหุ้น ปิด

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 16/07/2008 @ 09:21:39 :
บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

Distributor - Bisnews AFE

MCOT ซื้อ
ราคาปัจจุบัน 22.40 บาท
Fair Value 28.31 บาท
มูลค่าตลาด 15,391 ล้านบาท

กลุ่มบันเทิง (MEDIAS)

สื่อโทรทัศน์ยังเติบโตได้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เท่ากับตลาด

* เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมงวด 2Q51 เพิ่มขึ้น 3.8% yoy
* สื่อทีวียังเติบโตชนะอุตสาหกรรมโดยรวมได้
* เลือก BEC เป็น Top pick และยังยืนยันซื้อ MCOT
* FACT: เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมงวด 2Q51 เพิ่มขึ้น 3.8% yoy

จากรายงานของนีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช พบว่า แม้เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมในช่วง 6 เดือนแรก
ของปีนี้ยังคงลดลง 0.28% yoy แต่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (เม.ย.- มิ.ย. 51) เม็ดเงินโฆษณากลับมีการเติบโตติดต่อกัน ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาโดย รวมงวด 2Q51 เพิ่มขึ้น 3.8% yoy โดยสื่อที่มีการเติบโตระดับสูงคือ สื่อโทรทัศน์ และ วิทยุ ที่เติบโต 6.3% และ 6.9% ตามลำดับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

สื่อ งวด 2Q51 งวด 2Q50 % การเปลี่ยนแปลง
(ล้านบาท) (ล้านบาท)
โทรทัศน์ 13,499 12,698 6.3%
วิทยุ 1,777 1,663 6.9%
หนังสือพิมพ์ 3,869 3,760 2.9%
แม็กกาซีน 1,284 1,501 -14.5%
โรงภาพยนตร์ 986 1,030 -4.3%
เอาท์ดอร์ 1,056 1,115 -5.3%
ทรานซิท 358 221 62.0%
อินดอร์ 142 144 -1.4%
รวม 22,971 22,132 3.8%

* IMPACT: สื่อทีวียังเติบโตชนะอุตสาหกรรมโดยรวมได้
สื่อทีวีในงวด 2Q51 ยังสามารถเติบโต 6.3% yoy และชนะอุตสาหกรรมโดยรวมที่เติบโต
เพียง 3.8% yoy ตรงกันข้ามกับสื่อโรงภาพยนตร์ที่หดตัวลง 4.3% yoy เนื่องจากธุรกิจโรงภาพยนตร์ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่สถานี โทรทัศน์ทุกช่องได้รับอานิสงค์เม็ดเงินโฆษณาที่เพิ่มขึ้นจาก
TITV หลังเป็นทีวีสาธารณะ ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสถานีช่องต่าง ๆ งวด 2Q51 เติบโตสูงกว่าการเติบโตของสื่อทีวีโดยรวม อาทิ เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อ MCOT ที่เติบโตถึง 53.4% yoy จากผลของรายการ Seasonal Program อย่าง เดอะสตาร์ และ AF5 แต่ภาระค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงขึ้นมากตั้งแต่งวด
1Q51 คาดว่าจะกดดันให้กำไรในงวด 2Q51 เติบโตน้อยกว่ารายได้ ส่วนเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อ BEC เติบโต 10.3% yoy แต่ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ของ BEC ที่เกิดขึ้นจริงจะเติบโตกว่าตัวเลขที่รายงานโดย
นีลเส็น เพราะละครหลังข่าวในงวด 2Q51 สามารถขายโฆษณาเต็ม 100% รวมทั้งยังมีการปรับขึ้นค่าโฆษณารายการช่วง Non Prime time ราว 20% ตั้งแต่ต้นพ.ค.นี้ จึงคาดว่าในงวด 2Q51 BEC น่าจะ
มีกำไรโดดเด่นกว่า MCOT

* ACTION: เลือก BEC เป็น Top pick และยังยืนยันซื้อ MCOT
ฝ่ายวิจัยคาดว่ายุคน้ำมันแพงจะทำให้ประชาชนหันมาเสพสื่อทีวีเพิ่มขึ้น แทนการสันทนาการนอกบ้าน ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวียังคงเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี บวกกับทั้ง BEC และ
MCOT มีสถานะเงินสดสุทธิจำนวนมาก จึงปลอดภัยจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ฝ่ายจึงยังเลือก BEC เป็น Top Pick จากผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง และยืนยันซื้อ MCOT แม้มีความเสียงอาจจะสูญเสียรายได้
สัมปทานจาก BEC 50% ให้กสช. ตามมาตรา 77 วรรค 2 ของร่างพรบ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ
โดยกรณีที่เลวร้ายสุด เมื่อรวมผลกระ ทบดังกล่าวจะส่งผลให้กำไรสุทธิของ MCOT ในปี 2552 ลดลงจากเดิม 11% และทำให้ราคาที่เหมาะสมของ MCOT ลดลง 6.25% จากปัจจุบันที่ 28.31 บาท มาอยู่ที่ 26.54 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาปัจจุบันค่อนข้างมาก

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com