May 10, 2024   4:15:16 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ภาวะตลาดหุ้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 21/07/2008 @ 09:08:07
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.--บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

Distributor - Bisnews AFE
14-18 กรกฎาคม 2551

* ภาวะตลาดทุน

ตลาดหุ้นไทย "ดัชนีร่วงลงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 18 เดือน"

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 664.52 จุด ปรับลดลง 9.01% จาก 730.29 จุดใน
สัปดาห์ก่อน และร่วงลง 22.56% จากสิ้นปี 2550 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์ลดลง 10.66% จาก 64,706.43 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 57,806.65 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย
ต่อวันที่ลดลงจาก 12,941.29 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนมาอยู่ที่ 11,561.33 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์
MAI ปิดที่ 234.87 จุด ขยับลง 5.03% จาก 247.30 จุดในสัปดาห์ก่อน และร่วงลง 13.77% จากสิ้นปีก่อน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องที่ 10,922.19 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 7,629.02 ล้านบาท และ 3,293.19 ล้านบาท ตามลำดับ
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากปัจจัยลบทั้งภายในประเทศในเรื่องการเมือง และ
ปัจจัยภายนอกจากความกังวลต่อปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐฯ รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก ทำให้ดัชนี
หุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องทั้งสัปดาห์ โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับลงจากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน
และแบงก์ ในขณะที่ภาวะการลงทุนยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนในวันอังคาร
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงอย่างหนักถึงร้อยละ 3.30 โดยดัชนีปรับตัวลดลงมาที่ระดับต่ำกว่า 700 จุด ท่ามกลางแรงเทขายทั่วกระดาน นำโดยหุ้นในกลุ่มหลัก เช่น แบงก์และพลังงาน เนื่องจากความกังวลต่อปัญหาสถาบัน
การเงินในสหรัฐฯ หลังจากนั้น ดัชนียังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในวันพุธ โดยดัชนีดิ่งลงทำสถิติต่ำสุดใน
รอบกว่า 1 ปี 3 เดือน หลังราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 6 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 17 ปี เป็นตัวฉุดหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ในวันพฤหัสบดี ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเนื่องในวันอาสาฬหบูชา ทั้ง
นี้ หลังจากเปิดทำการอีกครั้งในวันศุกร์ ดัชนียังคงปรับตัวลดลงไม่มากนัก แต่ก็ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 18 เดือน โดยมีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มพลังงานในช่วงบ่าย ทำให้กลุ่มพลังงานปรับตัวลบน้อยลง ขณะเดียวกันก็มี
แรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มแบงก์ ที่เริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/51 ออกมา ทำให้หุ้นกลุ่ม
แบงก์ยังสามารถยืนในแดนบวกได้เหมือนกับในช่วงเช้า
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (21-25 กรกฎาคม 2551) บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า
ดัชนีอาจปรับตัวผันผวน โดยแม้ว่าอาจมีแรงซื้อเก็งกำไรในผลประกอบการในกลุ่มแบงก์อย่างต่อเนื่อง แต่
คาดว่าทิศทางของตลาดก็ยังคงขึ้นอยู่กับแนวโน้มของราคาน้ำมัน และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ นอกจาก
นี้ ยังต้องรอดูการแก้ปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯ รวมถึงประเด็นทางการเมืองในประเทศด้วย ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ การเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ในวันจันทร์ ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ในวันพุธ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. ในวันศุกร์ ทั้งนี้ บริษัทหลัก
ทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 660 และ 595 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 704 และ 734 จุด ตามลำดับ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ "ดัชนี DJIA ร่วงลงจากปัญหาสถาบันการเงิน"
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2551 ดัชนี DJIA ปิดที่ 11,446.66 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น
1.94% เมื่อเทียบกับ 11,100.54 จุดเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน แต่ร่วงลง 13.71% จากสิ้นปีก่อน ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 2,312.30 จุด ปรับขึ้น 2.41% เมื่อเทียบกับ 2,239.08 จุดปลายสัปดาห์ก่อน แต่ร่วงลง
12.82% จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนี DJIA ร่วงลง โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องสถาบันการเงินของสหรัฐฯ หลังจากการล้มละลายของธนาคารอินดีแมคในวันศุกร์ โดยความ
กังวลนี้ได้บดบังมุมมองในเชิงบวกในช่วงแรกที่มีต่อแผนการของทางการสหรัฐฯ ในการให้ความช่วยเหลือแก่ แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ส่วนในวันอังคารดัชนี DJIA ดิ่งลง และปิดที่ระดับต่ำกว่า 11,000 จุด เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี โดยหุ้นในกลุ่มการเงินได้รับแรงกดดัน หลังจากที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในแผนของทาง
การสหรัฐฯ ในการให้ความช่วยเหลือต่อแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ดัชนี DJIA พุ่งขึ้นต่อเนื่องในวันพุธและวันพฤหัสบดี โดยได้
รับแรงหนุนจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ซึ่งได้ช่วยลดความกังวลเรื่องภัยคุกคามจากภาวะเงินเฟ้อ และรายงานผลประกอบการของเจพี มอร์แกน เชส ที่ออกมาดีเกินคาด อย่างไรก็ดี นักลงทุนมองว่าตลาดหุ้นอาจไม่สามารถไต่ขึ้นได้ในวันศุกร์ เนื่องจากบริษัทกูเกิล ไมโครซอฟท์ และเมอร์ริลลินช์ เปิดเผยผล
ประกอบการที่น่าผิดหวังหลังปิดตลาดในวันพฤหัสบดี

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น "ดัชนี NIKKEI ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ"
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2551 ดัชนี NIKKEI ปิดที่ 12,803.70 จุด ปรับลดลง 1.81%
จากปิดตลาดที่ 13,039.69 จุด เมื่อสัปดาห์ก่อน และร่วงลง 16.36% จากสิ้นปีที่ผ่านมา โดยในวันจันทร์ที่
ผ่านมา ดัชนี NIKKEI ปรับตัวลง ท่ามกลางการปรับลดของหุ้นในกลุ่มแบงก์ เช่น หุ้นมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟ
แนนเชียล กรุ๊ป หลังจากที่ดัชนีสามารถดีดตัวขึ้นในช่วงเช้า เพื่อขานรับต่อมาตรการฉุกเฉินของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ส่วนในวันอังคารดัชนี NIKKEI ปิดตลาดร่วงลงแตะ
ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง โดยหุ้นในกลุ่มแบงก์ได้รับผลกระทบจากความกังวลต่อภาคการเงินของสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นในกลุ่มส่งออก ได้รับผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น และความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะลอ
ตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกสำคัญสำหรับสินค้าของญี่ปุ่น หลังจากนั้น ดัชนี NIKKEI ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในกลางสัปดาห์ โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ เช่น หุ้นมิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ฟื้นตัวขึ้นหลังจากมี
ข่าวว่าหน่วยงานกำกับตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ได้ออกกฎระเบียบฉุกเฉินเพื่อจำกัดการทำช็อตเซลในหุ้นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ส่วนในวันพฤหัสบดี ดัชนี NIKKEI ปรับตัวขึ้น ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
จากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง ในขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อวิกฤตสินเชื่อและเข้าซื้อในกลุ่มแบงก์ หลังผลประกอบการของเวลส์ ฟาร์โก ออกมาดีเกินคาด อย่างไรก็ตาม ดัชนี NIKKEI ปรับตัวลดลงในวันศุกร์
โดยปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในคืนนี้ (18 ก.ค.) ขณะที่ดัชนีดัชนีปรับตัวขึ้นได้ในช่วงเช้า โดยหุ้นในกลุ่มส่งออก เช่น ฮอนด้า มอเตอร์ ได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่า ส่วนหุ้นในกลุ่มแบงก์ ได้แรงหนุนจากผลกำไรของเจพีมอร์แกนที่ปรับตัวลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทั้งนี้ ความระมัดระวังหลังบริษัทกูเกิล ไมโครซอฟท์ และเมอร์ริล ลินช์ เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังหลังปิดตลาดสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี มีอิทธิพลต่อตลาด มากกว่าแรงหนุนที่เกิดจากการที่เจพีมอร์แกนเปิดเผยว่าผลประกอบการไม่ได้ลดลงมากอย่างที่คาดไว้ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าเทขายหุ้นก่อนช่วงวันหยุดยาว โดยตลาดหุ้นโตเกียวจะปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันหยุดประจำชาติ

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 21/07/2008 @ 09:11:39 :
.--บล.โกลเบล็ก

Distributor - Bisnews AFE

WEEKLY COMMENTS : รัฐบาลส่งสัญญาณความเสี่ยงยุบสภา

* จับตาการปรับคณะรัฐมนตรี ที่มีโอกาสดึงคนนอกเพื่อสร้างภาพลักษณ์
* ยืนแก้ไขรัฐธรรมนูญสมัยประชุมสามัญฯ อาจนำไปสู่ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตร
* แนวรับ 650, 641, และ 625 แนวต้าน 671, 681 และ 695

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา 14-18 กรกฎาคม 2551
สรุปภาวะการลงทุนสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปิดที่ 664.52 จุด ลดลง 65.77 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้า
ที่อยู่ระดับปิดที่ 730.29 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 14,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน
หน้าที่ระดับ 12,941 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 3,293 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 10,921 ล้านบาท
รายย่อยซื้อสุทธิ 7,628 ล้านบาท
ภาพรวมการแกว่งตัว : วันจันทร์ดัชนีปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศและแรงขายต่างประเทศที่เกิดขึ้นมีแรงขายออกมาเกือบทุกกลุ่มหลักทรัพย์ ดัชนีลงต่อเนื่องจนปิดตลาด วันอังคารดัชนีปรับลงตามตลาด
ต่างประเทศและความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางด้านการเมืองแรงขายออกมาตลอดทั้งวันส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงมาจุดต่ำใหม่ในรอบปีที่ 693.41 วันพุธดัชนีปรับตัวลงแรงต่อเนื่องแรงขายออกมาทั้ง
ตลาดในทุกกลุ่มหลักทรัพย์โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานทำให้ตลาดปรับลงแรงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันและทำจุดต่ำสุด
ในรอบปีที่ 669.97 อีกครั้ง วันศุกร์ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงตามตลาดต่างประเทศแต่ดัชนีถูกถ่วงด้วยแรงขายในกลุ่มพลังงานทำให้ดัชนีปรับลงมาอยู่ในแดนลบและทำจุดต่ำใหม่ในรอบปี
ปัจจัยที่เข้ามากระทบตลาดได้แก่ : ดัชนีทำจุดต่ำสุดในรอบปีที่ 660.16,กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย
นโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 3.50%, ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวขึ้นลงผันผวนมาก, รัฐประกาศออก 6 มาตรการเพื่อบรรเทาค่าครองชีพ,กลุ่มใต้ดินภาคใต้ประกาศยุติปฏิบัติการไม่สงบใน 3 จ.ว.ชายแดนภาคใต้

ปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามและมีผลต่อการลงทุนในสัปดาห์ 21-25 กรกฎาคม 2551
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ 21-25 กรกฎาคม 2551 ทางฝ่ายวิเคราะห์ บล.
โกลเบล็กฯ ประเมินภาวะตลาดมีแนวโน้มเชิงลบ จากปัจจัยการเมืองภายในประเทศ โดยสถานการณ์หลังนโยบายช่วยเหลือประชาชน 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาลที่มุ่งเน้นช่วยเหลือประชาชนระดับล่าง เป็นการสร้างคะแนนนิยมในระยะสั้นและถูกมองว่าเป็นเหมือนสัญญาณของการยุบสภาเพื่อการเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีและมีการดึงเอาคนนอกที่เหมาะสมกับลักษณะการทำงานของกระทรวงต่างๆ เพื่อ
สร้างภาพพจน์ให้กับรัฐบาลในระยะสั้นก่อนที่จะเปิดสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ รวมทั้งการ
แก้ไขรัฐธรรมนูญมีความเป็นไปได้มาก เมื่อมีการยื่นตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ส. และ ส.ว. ที่ถือหุ้นในบริษัทฯที่รับสัมปทานหรือเป็นคู่สัญญากับรัฐ พบว่าทุกคนที่ถูกตรวจสอบมีโอกาสที่จะหลุดจากตำแหน่งได้ทั้งนั้น
รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังถูกพิจารณาคดีทุจริตการเลือกตั้งที่อุบลราชธานีด้วย การนำเสนอให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญมากขึ้นจะยิ่งเป็นความชอบธรรมในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่
ที่ประชุมสภาวาระแรกในช่วงเปิดสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติที่มีเป้าหมายที่ ม. 190 และ 237 ซึ่งหากมีการ
ผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 รวมทั้งการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในเดือนกันยายนถึงตุลาคมแล้ว การชิงความได้เปรียบยุบสภาเพื่อการเลือกตั้งใหม่จึงมีความ
เป็นไปได้สูง ปัจจัยต่างประเทศนักวิเคราะห์หลายคนมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐมีความเหมือนกับญี่ปุ่น
ในปี 1990 ที่รัฐฯจะต้องเข้าอุ้มธนาคาร อีกทั้งการขาดดุลการค้ามหาศาล ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ดังนั้นสภาพตลาดหุ้นจึงยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นตลาด จากสถิติที่ผ่านมาเมื่อรัฐบาล
ขาดเสถียรภาพ แนวโน้มตลาดจะอยู่ในภาวะขาลง นักลงทุนต่างชาติจะเมินการลงทุน จนกว่าจะมีความชัดเจนไปทางใดทางหนึ่ง แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้จึงมีโอกาสทีจะแกว่งตัวในกรอบ 642 แนวรับจบรูปแบบ
Bearish Flag แนวต้าน 682 และ 695

ปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้

1.ราคาน้ำมัน
ความกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะกดดันอุปสงค์น้ำมันลดลง ขณะที่ EIA ของสหรัฐฯ รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นคลายแรงกดดันด้านอุปทาน ขณะที่แรงกดดันราคาน้ำมันจากความตึงเครียด
ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกมีทีท่าคลี่คลายไปในทางบวก โดยสหรัฐฯได้เปิดเผยว่าได้ส่งทูตไปยังกรุงเจนีวาเพื่อร่วมการประชุมเรื่องโครงการนิวเคลียร์กับอิหร่านเป็นครั้งแรกและแสดงความตั้งใจที่จะยุติข้อ
พิพาทโดยสันติวิธี ปัจจัยเหล่านี้จะมีผลให้ราคาน้ำมันดิบอาจจะชะลอการขึ้นและอาจปรับลงต่อแต่คาดว่าราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อไปเนื่องจากแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ความขัดแย้งระหว่าง
ชาติตะวันตกกับอิหร่านยังไม่คลี่คลายชัดเจนและอุปสงค์น้ำมันจากจีนและอินเดียยังแข็งแกร่ง

2.ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมายังแย่ลงต่อเนื่องโดยเฉพาะตัวเลขด้านแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัวซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศตามมาขณะที่กลุ่มการเงินมีปัญหามากขึ้นโดยเฉพาะ แฟนนี เม
และเฟรดดี แมค สถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ในสหรัฐฯกำลังขาดแคลนเงินทุนจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงหนักกว่าเดิมและผู้คุมกฎด้านธนาคารของสหรัฐฯเข้าควบคุมกิจการธนาคาร อินดี
แมค แบนคอร์ป อิงค์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการล้มละลายของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ทำให้มีความวิตกว่าจะเกิดในธนาคารแห่งอื่นตามมาเช่นกัน ขณะที่ประธาน Fed ประเมินภาคการ
เงินในแง่ลบมากยิ่งขึ้นหลังจากต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากวิกฤตสินเชื่อ เป็นตัวตอกย้ำปัญหาที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ซึ่งจะเป็นตัวกดดันภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐต่อไปเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก

3.แรงซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ
ยังขายสุทธิออกต่อเนื่องขณะที่การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่ยังมีอยู่และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงภายใน
ระยะเวลาอันสั้น เป็นตัวลดความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ
ได้ส่งผลกระทบไปยังตลาดหุ้นทั่วโลกทำให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุนและมีแนวโน้มดึงเงินลงทุน
กลับเพื่อรักษาสภาพคล่อง และเสถียรภาพของรัฐบาลเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นจากคดียุบพรรคและมีรัฐมนตรีหลาย
คนโดนคดีทางการเมือง เป็นปัจจัยลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศทำให้การลงทุนยังมีแนวโน้มชะลอ
ต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจจะคลี่คลายขึ้น

4.สถานการณ์ด้านการเมือง
กกต.และอัยการสูงสุดมีมติให้ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาเรื่องการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทำให้การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูงอีกทั้งประเด็นเรื่องการยุบพรรคพลังประชาชน
ที่จะตามมาและการปรับครม.ซึ่งจะชัดเจนหลัง 28 ก.ค.นี้ จะมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นอย่างมากซึ่งหลังจากการปรับครม.คงต้องตามดูว่าจะสามารถดึงศรัทธาและความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้หรือไม่ ขณะที่
นายกฯยังยืนยันที่จะนำประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่การประชุมสภาครั้งต่อไป ซึ่งเป็นประเด็นหลักใน
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่รัฐบาลยังคงอยู่และล่าสุดได้รวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอนรัฐมันตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องปราสาทพระวิหาร ดังนั้นจากปัจจัยที่เกิดขึ้นยังคงส่งผลเชิง
ลบต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นต่อไป

5.ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค
โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 73.6 จาก 71.4 ในเดือน พ.ค. นับเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนหลังยอดคำสั่งซื้อและยอดขายดีขึ้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค และการเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก แต่ดัชนีความเชื่อมั่นภาค
อุตสาหกรรมในมิ.ย. ยังต่ำกว่า 100 บ่งชี้ว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อภาวะการอุตสาหกรรมในระดับที่ไม่แข็งแกร่งนัก

6.ผลการสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า ยอดส่งออกที่แข็งแกร่งของไทยได้ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว
แต่ก็มีนักเศรษฐศาสตร์ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปีนี้และทำให้ไทยมี
ความโดดเด่นจากประเทศส่วนใหญ่ในเอเชีย ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 5.0% ในปีนี้ เพิ่มขึ้น
จาก 4.6% ที่คาดไว้ในเดือน มี.ค. และจากที่เติบโต 4.8% ในปีที่แล้ว ขณะที่ทาง สศช.คาดอัตราการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจไทยใน 2Q08 ยังอยู่ที่ 6% เนื่องจากมีแรงขับเคลื่อนจากรายได้ประชาชนที่เพิ่มขึ้น
และถึงแม้อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. และความไม่แน่นอนทางการเมืองจะสูงขึ้นมาก

แนวโน้มการเคลื่อนไหวระดับสัปดาห์

ด้านการวิเคราะห์เทคนิค
การเรียงตัวแท่งเทียนที่เป็นแนวโน้มลงและปรับลงตามกันกับแนวต้านสัญญาณ DEAD CROSS ระยะสั้นดัชนีปรับตัวหลุดแนวรับกรอบขาขึ้นที่ 665 เป็นสัญญาณลบต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มลงต่อ อย่างไรก็ตามภาวะลงแรงมากเกินไปที่เกิดขึ้นยังคงอยู่จากการลงมาต่ำกว่าเส้น BB BOTTOM และลงมาห่างเส้น SMA 5 วัน โดยที่ค่าสัญญาณ RSI มีระดับค่าสัญญาณที่ 18 เป็นภาวะ OVER SOLD อย่างมาก ทำให้การลงช่วงนี้
ดัชนีพร้อมที่จะเกิดจุดกลับตัวทางเทคนิคเพื่อลดความร้อนแรงที่เกิดขึ้น ดังนั้นที่ STEP แนวรับ 650 และ 641
ปรับตัวไม่ต่ำกว่ามีโอกาสกลับตัวทางเทคนิค

กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้
ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นรอช่วงปรับตัวไม่ต่ำกว่าตาม STEP แนวรับ ที่ 650 และ 641 สัปดาห์นี้มีแนวรับที่ 650, 641, และ 625 แนวต้าน 671, 681 และ 695

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.
จากกราฟรายวันราคาน้ำมันปรับลงหลังขึ้นทดสอบจุดสูงเดิมไม่ผ่าน ทำให้สอดคล้องกับค่าสัญญาณที่เป็นแนวลง ทำให้ระยะสั้นราคามีโอกาสปรับลงต่อตามสัญญาณสอดคล้องเชิงลบที่เกิดขึ้น

ค่าเงินบาท/ดอลลาร์ในตลาดออนชอร์
จากกราฟรายวันค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้นหลังจากอ่อนค่ามาต่อเนื่อง ค่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มปรับลง เป็นสัญญาณลบสอดคล้องกัน ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
จากกราฟรายวันดัชนีกลับตัวขึ้นแรงหลังจากลงมาต่อเนื่อง ขณะที่ค่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มปรับขึ้นหลังจากปรับลงมาอยู่ในระดับลงแรงมากเกินไปและเกิดสัญญาณขัดแย้งขาขึ้นเป็นสัญญาณบวก ทำให้ดัชนีมีโอกาสกลับตัวขึ้นต่อ

ดัชนีนิกเกอิ
จากกราฟรายวันดัชนีปรับลงต่อเนื่อง ขณะที่ค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับลงสอดคล้องกันแต่ลงมาอยู่
ในระดับต่ำและเริ่มฟื้นตัวขึ้น ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มชะลอการลงและเกิดจุดกลับตัวรอบใหม่ได้

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 21/07/2008 @ 09:12:32 :
.--รอยเตอร์


*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันศุกร์ โดยผลขาดทุนที่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยของซิตี้กรุ๊ป ช่วย

หนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.44% แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกดดัชนี Nasdaq ลบ 1.28%

จากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทกูเกิล และไมโครซอฟท์

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดวันศุกร์ ร่วงลง 41 เซนต์

ปิดที่ 128.88 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดลบเป็นวันที่ 4 จากความกังวลเรื่องอุปสงค์

*ธ.กรุงเทพ ระบุว่า กระทรวงการคลังได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรออมทรัพย์

รุ่นที่ 10 ประจำปีงบประมาณ 2551 ที่ 5.50% โดยเริ่มจำหน่าย 21-25 ก.ค.นี้

*ธ.กรุงศรีอยุธยา ออกตั๋วแลกเงินอายุ 3 เดือน,6 เดือน และ 12 เดือน จ่ายดอกเบี้ย

3.25-3.85% ต่อปี เสนอขายตั้งแต่วันนี้-15 ส.ค.51 ซึ่งเป็นอีกธนาคารที่พยายามระดม

เงินในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังกลับสู่ขาขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น

*นายกฯมอบให้ ผบ.สส.เป็นผู้นำฝ่ายไทย ไปประชุมคณะกก.ชายแดนทั่วไป ระหว่างไทย

-กัมพูชา วันที่ 21 ก.ค.นี้ ที่จ.สระแก้ว เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งกรณีเขาพระวิหาร

*เอแบคโพลล์ ชี้ผลสำรวจประชาชน 80% สนใจติดตามข่าวปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณ

ปราสาทเขาพระวิหาร ส่วน 6 มาตรการที่บรรเทาค่าครองชีพใน 6 เดือน ประชาชน 76.6%

มองว่ามาตรการชะลอการปรับค่าก๊าซหุงต้มในครัวเรือน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้

*"สมัคร"ยืนยันแนวคิดการนำเข้าน้ำมันดีเซลราคาถูก จากประเทศรัสเซีย โดยยืนยันว่าเรื่อง

นี้มีความเป็นไปได้ และอยู่ระหว่างดำเนินการ

*"สมัคร"เผยจะตอบโต้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทุกวันผ่านรายการโทรทัศน์

ของสถานีช่อง 11 ในเวลา 22.00 น.โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นวันแรก และยืนยันจะแก้ไข

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่มองว่าเป็นกับดักทางการเมือง

*หนังสือพิมพ์เผย รมว.คลังเห็นชอบโครงสร้างจัดเก็บภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้างใหม่ แทนภาษี

โรงเรือน ยึดหลักคนมีรายได้มากควรเสียภาษีสูงกว่าคนมีรายได้น้อย หวังเพิ่มรายได้

ให้ท้องถิ่น ชดเชยรายได้ที่หายไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมเสนอครม.เร็วๆนี้

*หนังสือพิมพ์เผย นักเศรษฐศาสตร์ชี้เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง จะถูกกระทบจากทั้งปัจจัยเสี่ยง

เศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะฉุดให้

จีดีพีปีนี้โตต่ำกว่า 5%

*หนังสือพิมพ์เผย ปลัดพาณิชย์ระบุหากราคาน้ำมันครึ่งปีหลัง อยู่ที่ระดับ 140 เหรียญ/บาร์เรล

จะทำให้เงินเฟ้อทั้งปีเพิ่มขึ้นมาที่ 7.8% ขณะที่ 1-2 เดือนนี้ เงินเฟ้ออาจเพิ่มเป็นเลขสอง

หลัก พร้อมสั่งรื้อสูตรคำนวณเงินเฟ้อใหม่ เพิ่มน้ำหนักราคาพลังงาน

*หนังสือพิมพ์เผย ธปท.ส่งสัญญาณค่าแรงงานจะเป็นแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ระบุค่าจ้างที่

สูงกว่าผลผลิตที่ทำได้ จะกระทบกำไรผู้ประกอบการ ทำให้ต้องหันไปขึ้นราคาสินค้า

*หนังสือพิมพ์เผย รัฐบาลเปลี่ยนแผน โดยจะปรับครม.ก่อน 28 ก.ค.นี้เพื่อกู้กระแสความ

เชื่อมั่น ด้านแกนนำพรรคพลังประชาชน นัดถกรายชื่อครม.ใหม่วันนี้

*หนังสือพิมพ์เผย รมว.คลังเรียกธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หารือด่วนสัปดาห์นี้เพื่อหาทาง

ลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกู้-ฝากให้เหลือ 2% จากเดิม 4% หวังช่วยผู้ประกอบการรายย่อย

พร้อมสั่งให้เลื่อนมาตรการ IAS 39 ออกไปไม่มีกำหนด

*หนังสือพิมพ์เผย แหล่งข่าวสมาคมอุตสากรรมยานยนต์ไทย คาดอาจปรับลดเป้าหมายการขาย

รถยนต์ในปีนี้มาที่ 6.5 แสนคัน จากเป้า 6.8-7 แสนคัน หลังมองแนวโน้มการเติบโตที่

ชะลอตัวลง จากราคาน้ำมันที่สูง และแนวโน้มไฟแนนซ์ปล่อยสินเชื่อยากขึ้น

*หนังสือพิมพ์เผย โบรกฯแห่ลดเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 51 ลง 100 จุด เหลือ 800 จาก

เดิม 900 โดยมองมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอก พร้อมแนะจับตาการเมืองหากมี

เลือกตั้งใหม่ หุ้นมีโอกาสกระเตื้องขึ้น แต่หากปฏิวัติมีสิทธิหลุด 600

*หนังสือพิมพ์เผย สศค.มั่นใจ 6 มาตรการของรัฐ ไม่กระทบการจัดเก็บรายได้ปี 51 เชื่อ

ได้ตามเป้า 1.495 ล้านลบ. พร้อมแนะให้แบงก์รัฐระดมความคิดเพื่อช่วยเหลือ รสก.ที่

ได้รับผลกระทบจากมาตรการของภาครัฐ

--จบ--

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com