kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | วันที่: 23/07/2008 @ 08:00:34 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ดัชนีหุ้นวันที่ 22 ก.ค. 51 ปิดที่ 682.15 จุด ลดลง 5.15 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 11,243.67 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 510.33 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 147 บาท ลดลง 2 บาท, PTT ปิด 264 บาท บวก 4 บาท, BANPU ปิดที่ 398 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, PTTCH ปิด 69 บาท ลดลง 4.50 บาทและ TOP ปิด 51.50 บาท ลดลง 1 บาท
จิตรา อมรธรรม ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส ประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่า จากการรวบรวมสถิตินับแต่ต่างชาติเริ่มเข้าสะสมหุ้นไทย 3 ปีที่ผ่านมา กว่า 1.8 แสนล้านบาท พบว่าต้นทุนเฉลี่ยของต่างชาติอยู่ที่ดัชนีแถวๆ 650 จุด และขณะนี้การที่ต่างชาติเริ่มชะลอการขายหุ้นลงบ้างแล้ว เป็นสัญญาณว่าต่างชาติเลี่ยงการขายหุ้นหากดัชนีลงต่ำกว่าต้นทุนที่ถือไว้
แต่ระยะยาวยังมีความไม่แน่นอน เพราะผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มยังไม่สิ้นสุดและอาจลากยาวนานไปตลอดปีนี้ และปัจจัยการเมืองภายในประเทศช่วง ก.ค. ถึง ก.ย. ยังอันตราย
อย่างไรก็ตาม แนะนำหุ้นที่น่าลงทุนในภาวะเงินเฟ้อสูงคือบริษัทที่ได้ประโยชน์โดยตรง หรือขายสินค้าและบริการที่มีราคาสอดคล้องกับเงินเฟ้อได้แก่ BEC, PTTEP, TSTH, TTW และ TVO
ขณะที่ สมชาย เอนกทวีผล ผู้ช่วย ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส ระบุว่า จากสัญญาณทางเทคนิคชี้ว่าขณะนี้หุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลง หากไม่มีความผิดปกติในสถานการณ์การเมืองเกิดขึ้น ฐานต่ำสุดของดัชนีจะอยู่ที่ 650 จุด แต่หากมีเหตุการณ์เลวร้ายอาจลงลึกถึง 600 จุดได้ แต่ในระยะสั้นดัชนีมีโอกาสรีบาวน์เลย 700 จุดได้เล็กน้อย ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้นยังสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำแล้วรอขายเมื่อราคาปรับขึ้น
แต่ระยะกลางหุ้นไทยอาจรีบาวน์ได้แค่ 2-3 เดือน ถึงระดับ 750-800 จุดได้อย่างรวดเร็ว แต่การลงทุนต้องทยอยซื้อและเข้าถือ 2-3 เดือนขึ้นไป เพราะเมื่อดัชนีผ่านระดับ 730-750 จุด มีโอกาสสูงที่จะพลิกกลับลงมาได้อีก.
อินเด็กซ์ 51
:lol:
|
kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | #1 วันที่: 23/07/2008 @ 08:02:10 : ต่างชาติตั้งท่าลุย
โพสต์ทูเดย์ ต่างชาติพร้อมขนเงินลุยหุ้นไทย แต่ยังไม่เข้ากลัวปฏิวัติ กองทุนยันกอดหุ้นแน่น รอสลับตัวซื้อของถูก ไซรัสเชียร์ 5 ตัว ดัชนีหุ้นลงอีกแล้ว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมและประธานกลุ่มธุรกิจกองทุนรวม สมาคมบริษัทจัดการลงทุน กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ ผู้จัดการกองทุนมองการลงทุนในหุ้นไทยเป็นอย่างไร ว่า ขณะนี้เม็ดเงินต่างชาติพร้อมจะเข้ามาและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ การปฏิวัติ
มีต่างชาติ 1 ราย เพิ่มน้ำหนักจาก 2% เป็น 6% เพียงแต่ชะงักอยู่และรอจังหวะ เพราะเกิดคำถามว่าทหารจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่
ในฐานะที่เป็นผู้จัดการกองทุนถือว่าภาวะเช่นนี้การบริหารเงินค่อนข้างยากและใช้วินัยในการลงทุนสูง เนื่องจากผลกระทบเข้ามาค่อนข้างเร็ว ดัชนีหุ้นขึ้นลงเร็ว แต่กองทุนหุ้นยังคงน้ำหนักถือหุ้นไว้ 80-90% ของแต่ละกองทุน และช่วงไหนดีเพิ่มเป็น 95-98%
นางวรวรรณ กล่าวว่า ถ้าเห็นสถานการณ์ถึงจุดใกล้คลี่คลายก็จะพิจารณาเพิ่มการลงทุนในหุ้น ขณะเดียวกันจะเปลี่ยนตัว โดยขายหุ้นที่ได้กำไรแล้วไปซื้อตัวอื่นที่ถูกกว่า เพราะเชื่อว่าจะไม่มีกำลังทหารออกมาและหวังว่าต่างชาติจะกลับมา
นายเอกชัย จงวิศาล รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งมีเม็ดเงินต่างชาติลงทุนหุ้น 9 หมื่นล้านบาท และที่ผ่านมาขายกว่า 7 หมื่นล้านบาท ถ้ามองจากเม็ดเงินที่เหลือกว่าหมื่นล้านตลาดยังปรับลงได้อีกเล็กน้อย
การบริหารกองทุนหุ้นยังถือหุ้นมากกว่า 90% แทบไม่ถือเงินสดเลย
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า หุ้นที่ชนะเงินเฟ้อ ได้แก่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ (BEC), ปตท.สผ. (PTTEP), ทาทา สตีล (TSTH), น้ำประปาไทย (TTW) และน้ำมันพืชไทย (TVO)
ด้านวานนี้ ดัชนีพยายามไปต่อ หลังวันก่อนพุ่งแรงกว่า 3% แต่ทำไม่สำเร็จ ระหว่างวันบวกสูงสุดแค่ 7.60 จุด แต่กลับมาปิดที่จุดต่ำสุดของวัน 682.15 บาท ลดลง 5.15 จุด ต่างชาติขายออก 510 ล้านบาท
:lol: |