บล. โกลเบล็ก

Distributor - Bisnews AFE

SET 674.67 -3.99 -0.59%
H / L : Day 679.12 / 674.67
H / L : Week 679.12 / 674.67
H / L : Year 886.57 / 660.16

แนวโน้มกลับตัวขึ้นชัดเจนเมื่อผ่านยืนแนวต้าน 677

ระยะสั้น ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบแต่เริ่มยกจุดต่ำสูงขึ้น ขึ้นมาทดสอบแนวต้านกรอบช่วงแขน
BULLISH FLAG แต่ไม่ผ่านยืนทำให้สัญญาณขึ้นตามรูปแบบไม่เกิดขึ้น จุดยืนยันการขึ้นเมื่อผ่านยืนแนวต้าน
ตามกรอบที่ 677
ระยะสั้น ดัชนีไม่สร้างรูปแบบขึ้น BULLISH FLAG เกิดจากแรงกดดัน SMA 5,10 วัน และ
VOLUME ที่เบาบาง แต่การแกว่งตัวแท่งเทียนมีแนวขึ้นที่แข็งแรงขึ้นจากการเกิดแท่งเทียนขนาดเล็กที่ยก
จุดต่ำใหม่สูงขึ้น และเริ่มทำจุดสูงเหนือเส้น SMA 5 วันและแนวต้านตามกรอบ ทำให้โอกาสเกิดสัญญาณขึ้น
BULLISH FLAG ยังมีโอกาสเกิดขึ้น ขณะที่ค่าสัญญาณ MACD ยังเป็นบวกและ RSI อยู่ในระดับต่ำเป็น
สัญญาณบวกเสริม แต่เนื่องจาก VOLUME และ SMA ยังเป็นตัวกดดัน ดังนั้นเพื่อยืนยันการขึ้นตามรูป
แบบที่ชัดเจนขึ้นดัชนีต้องผ่านยืนแนวต้าน 677 เพื่อเกิดแรงซื้อลดแรงกดดันเส้น SMA และเพิ่มแรงส่งชด
เชย VOLUME ที่เบาบาง ไม่ผ่านยืนยังคงแนวโน้มการแกว่งตัวออกด้านข้างมีความเสี่ยงลงทดสอบแนวรับ
ตามกรอบ
กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเมื่อผ่านแนวต้าน 677 / ต่ำกว่าชะลอไว้ก่อน
ระยะกลาง ดัชนีอยู่ในช่วงปรับลงตามแนวต้านขาลง SMA ที่เรียงตัวเป็น BEARISH ทำให้ยังมี
แนวโน้มพักตัวลง แต่ภาวะ OVER SOLD ที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวสร้างกรอบจำกัดขาลงให้อยู่ในช่วงแคบ ทำให้
ดัชนีมีโอกาสสร้างฐานและสร้างจุดกลับตัวรอบใหม่
กลยุทธ์ ปรับตัวรอซื้อ
แนวรับ : 669 / 662 แนวต้าน : 677*** / 683

PROP 98.78 แท่งเทียน

ความเห็น: ดัชนีพักตัวออกด้านข้างหลังฟื้นตัวขึ้นจากกรอบแนวรับ การพักตัวออกด้านข้างขนาน
ไปกับเส้น SMA5,10 วันเป็นกลุ่มแท่งเทียนขนาดเล็ก สร้างความแข็งแกร่งการพักตัว ค่าสัญญาณทางเทคนิค
ปรับขึ้นทำให้มีโอกาสพักตัวเพื่อขึ้นต่อ
กลยุทธ์ ปรับตัวเป็นจังหวะซื้อถือแนวรับ
แนวรับ 97.00 / 93.00 แนวต้าน 101 / 104

FIN 723.94 แท่งเทียน

ความเห็น: ดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้างขนานไปกับเส้น SMA 5 วันที่ตัด10 วันขึ้นมา เป็น
สัญญาณสร้างฐานเพื่อขึ้นต่อ ค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับขึ้น เพิ่มน้ำหนักการยืนแนวรับกรอบขาลงและเกิด
จุดกลับตัวทางเทคนิคหลังการสร้างฐานราคา
กลยุทธ์ ปรับตัวซื้อถือแนวรับ
แนวรับ 713 / 702 แนวต้าน 737 / 750

:lol:

.--บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

Distributor - Bisnews AFE

บาทอ่อน... เลือกหุ้นส่งออก

ภาพวันวาน
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ 3.99 จุด หรือลดลง 0.59% พร้อมมูลค่าซื้อขายหดตัวเหลือเพียง 5.7 พัน
ล้านบาท ต่ำสุดรอบกว่า 16 เดือน โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิ 790 ล้านบาท ทั้งนี้มีแรงขายนำในหุ้น
SCC ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานทรงตัว นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนจากความกังวลต่อการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจสหรัฐ

ประเด็นร้อนวันนี้

ดอลลาร์แข็งค่าระยะสั้น ลดการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก การรายงานผล
ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐล่าสุดงวด 2Q51 พบว่ายังซบเซาต่อเนื่อง โดยเฉพาะทั้งกลุ่มภาค
การเงิน และ อุตสหกรรมยานยนต์ (บริษัทเจเนอรัลมอเตอร์ส(GM) มียอดขาดทุนรายไตรมาสที่ 1.55 หมื่น
ล้านดอลลาร์ และยังถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจนเข้าสู่อันดับต่ำกว่าน่าลงทุน) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการ
ส่งออกของญี่ปุ่นไปสหรัฐ เป็นผลให้ผู้ประกอบการรถยนต์ต้องปรับลดประมาณการยอดขายลงตามตลาดส่งออก
สหรัฐที่หดตัว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ตลาดหุ้นโตเกียวลดลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นำโดยหุ้นในกลุ่มผู้ผลิต
รถยนต์ การตกต่ำของเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วทั้ง 2 น่าจะฉุดให้เศรษฐกิจโลกชะลอ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ
ทำให้นักเก็งกำไรลดการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ สะท้อนจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงต่อเนื่องรวม
23 เหรียญฯต่อบาร์เรลในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และมีแรงซื้อเก็งกำไรในเงินสกุลดอลลาร์แทน ทำให้เงิน
ดอลลาร์แข็งค่ากับเงินทุกสกุลของโลก ไม่ว่าจะเป็นเงินยูโร เยน หรือเอเซีย

เงินเฟ้อในเอเซียกดดันให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อ ขณะที่สหรัฐและยุโรปคงที่
ความกังวลต่อเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วจะชะลอตัว ทำให้ตลาดคาดหวังว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะยืนดอกเบี้ยนโยบายไปอีกระยะหนึ่ง โดยล่าสุดผลการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าการประชุมวันนี้
(5 ส.ค. 2551) ของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA), ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิมคือ 2%, 7.25% และ 5.25% ตามลำดับ
แต่ปัญหาเงินเฟ้อในเอเซียที่ยังคงเพิ่มขึ้นรุนแรง หลังจากรัฐบาลเอเซียหลายแห่งยกเลิกมาตรการหนุนราคาน้ำมันราคาขายปลีกในระดับต่ำ กดดันให้ธนาคารกลางส่วนใหญ่ในเอเซียมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ต่อเนื่อง เช่น ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BOI) คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ไปสู่ระดับ 9% และธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ไปอยู่ที่ระดับ 5.25% (ในการประชุมในวันที่ 7 ส.ค.) ส่วนประเทศไทยแม้ 6 มาตรการ 6 เดือน บวกกับราคาน้ำมันที่ลดลงรวดเร็วจะทำให้เงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวนับจากเดือน ก.ย. 2551 เป็นต้นไป และ กนง. อาจจะขึ้นดอกเบี้ยไม่เกิน 0.5% ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ แต่ตลาดหุ้นที่ยังมีแรงของนักลงทุนต่างชาติคาดว่าจะกดดันให้เงิน
เงินบาทไทยมีโอกาสอ่อนตัว 33.8 บาทต่อดอลลาร์ แนะนำหุ้นส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน TUF(FV@B25.02 เก็งกำไร 15.5/17), GFPT(FV@B23.32 เก็งกำไร 18.3/20)

การเมืองเดือนสิงหาคมยังร้อนแรง
การที่รัฐบาลยืนยันว่าจะเสนอญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 หลังวันที่ 18 ส.ค.นี้ พร้อมกับการดำเนินการร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบการชุมในที่สาธารณะ เชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มความกังวลต่อนักลงทุนให้ชะลอการลงทุนระยะกลางอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในแนวโน้มอ่อนตัว

INVESTORS PLUS
แนวรับ / แนวต้านใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด : 660/705 จุด
ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้ดัชนีแกว่งตัวด้างข้าง แนวรับ 665 จุด แนวต้าน 685 จุด
กลยุทธ์วันนี้ : เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบแนวรับ และแนวต้านของหุ้นรายตัว SCB(74.50/78.50),
BH(36.5/39), MCOT(21.5/22.80)


:lol: