April 28, 2024   12:04:37 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิเคราะห์หุ้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 08/08/2008 @ 08:59:26
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

.--บล. โกลเบล็ก

Distributor - Bisnews AFE

SET 705.35 +29.00 +4.29%
H / L : Day 705.35 / 676.93
H / L : Week 705.35 / 661.02
H / L : Year 886.57 / 660.16

แนวโน้มกลับตัวขึ้นต่อมีโอกาสเกิดแรงขายที่แนวต้าน 711-713

ระยะสั้น
ดัชนีเกิดแนวกลับตัว DOUBLE BOTTOM พร้อมผ่านยืนแนวต้านกรอบขาลงเป็นแรงซื้อต่อเนื่องเพิ่ม
น้ำหนักการขึ้นต่อ การดึงเส้น SMA 5 วัน พร้อมแท่งเทียนสีขาวยาวเป็นสัญญาณผลักดันดัชนีให้ขึ้นต่อ
ระยะสั้น ดัชนีผ่านแนวต้านกรอบขาลงหลักและ NECKLINE ขึ้นมาได้เป็นแท่งเทียนสีขาวแท่งยาวเป็น
สัญญาณบวกมากขึ้น การปรับตัวขึ้นที่ผ่านแนวต้านหลายจุดและเริ่มต้นดีดตัวขึ้นมาจาก SMA 5 วันและมี
โอกาสที่จะตัด SMA 10 วัน ขึ้นมาเกิด GOLDEN CROSS ระยะสั้น และที่สำคัญเป็นการตัดกันขึ้นมาโดยที่
SMA 10 วันปรับขึ้นก่อนหน้า เป็นสัญญาณเสริมการสร้างรูปแบบ DOUBLE BOTTOM มากขึ้น ค่าสัญญาณ RSI,
MACD เป็นสัญญาณบวกเสริม จากการแกว่งตัวที่สร้างความต่อเนื่องการขึ้นทำให้ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น
ต่อ แต่การขึ้นในช่วงนี้มีโอกาสพักตัวแนวต้านที่ 711-713เนื่องจากจะเกิดภาวะขึ้นแรงมากเกินไปเป็น
จังหวะขายทำกำไร แต่เป็นการขายเพื่อรอซื้อคืนเนื่องจากดัชนีเริ่มสร้างแนวขึ้นรอบใหม่ กลยุทธ์ ซื้อเก็ง
กำไรต่อเนื่อง / ขึ้นมาขายทำกำไรแนวต้านเพื่อรอซื้อคืนช่วงปรับตัวลง
ระยะกลาง ดัชนีสร้างรูปแบบ DOUBLE BOTTOM ค่าสัญญาณทางเทคนิคเป็นบวกมากขึ้นมีโอกาสกลับ
ตัวจบรอบการลงที่เกิดขึ้น แต่มีโอกาสพักตัวระยะสั้นเป็นจังหวะเริ่มซื้อถือระยะกลางเข้ามาบางส่วน
กลยุทธ์ ปรับตัวซื้อบางส่วนแนวรับ
แนวรับ : 697 / 689
แนวต้าน : 711 / 713

BANK 255.33 รูปแบบขึ้น

ความเห็น: ดัชนีแกว่งตัวขึ้นต่อหลังเกิดแนวขึ้น BULLISH FLAG เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบขึ้นหัวและ
ไหล่หงาย VOLUME เพิ่มขึ้นตามกันพร้อมค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับขึ้นเป็นสัญญาณแรงส่งขาขึ้นต่อเนื่อง ทำ
ให้มีแนวโน้มขึ้นต่อ กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น
แนวรับ 252 / 247
แนวต้าน 258 / 263

FIN 761.86 แท่งเทียน

ความเห็น : ดัชนีฟื้นตัวขึ้นแรงหลังสร้างฐานที่บริเวณแนวรับกรอบขาลง การสร้างแท่งเทียนสีขาวผ่านยืน
เส้น SMA 5,10,25 วันขึ้นมาพร้อมกันเป็นสัญญาณขึ้นต่อ ค่าสัญญาณทางเทคนิคปรับขึ้นและอยู่ในระดับต่ำ ทำ
ให้มีช่วงของการขึ้นต่อ
กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น
แนวรับ 737 / 727
แนวต้าน 772 / 790

:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 08/08/2008 @ 09:01:20 :
.--รอยเตอร์


*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเมื่อวานนี้ ร่วงลงหลังบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) เผย

ยอดขาดทุนในระดับที่สูง ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบมากขึ้นจากวิกฤตการณ์สินเชื่อ

และการคาดการณ์ยอดขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง ของบริษัทวอลล์-มาร์ท ได้เพิ่มความวิตก

เกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค

*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย. ปิดเมื่อวานนี้พุ่งขึ้น 1.44

ดอลลาร์ หรือ 1.21% มาที่ 120.02 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากความกังวล

เรื่องอุปทาน หลังจากมีการปิดท่อส่งน้ำมันในตุรกี เนื่องจากเกิดเหตุระเบิด

*ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) ปิดวานนี้ ร่วง 348 จุด มาที่ 7521

*ดัชนีหุ้นไทยปิดวานนี้พุ่ง 29 จุด หรือ 4.29% มาที่ 705.35 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายกว่า 2.7

หมื่นลบ. ขณะที่ต่างชาติกลับมียอดขายสุทธิ 834.57 ลบ. โดยโบรกเกอร์ระบุว่า ต่างชาติ

ขายหุ้นไทยในภาคบ่ายเพื่อทำกำไร หลังเข้าซื้อช่วงเช้าเนื่องจากรอดูปัจจัยการเมืองในปท.

*มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับเพิ่มประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ในปี 51

เป็น 5.6% จากคาดการณ์เดิมที่ 5.1% โดยมีการส่งออกเป็นตัวผลักดันหลัก ขณะที่ปัจจัย

การเมือง ยังมีผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี ซึ่งหากไม่อาจแก้ปัญหาด้วย

ระบบรัฐสภา เศรษฐกิจจะเติบโตในระดับ 4.5-5.0% เท่านั้น

*การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน เห็นพ้องที่จะร่วมมือกันด้านการตลาดพลังงาน ทั้ง

ในส่วนการ สร้างสายส่งไฟฟ้าและท่อก๊าซธรรมชาติเชื่อมโยงระหว่างกัน เพื่อสร้างความ

มั่นคง และลดความผันผวนด้าน ราคาน้ำมัน ขณะที่ไทยเสนอตัวเป็นศูนย์กลางด้านพลังงาน

ทดแทนเชื้อเพลิงชีวภาพ

*กทช.เผยว่าที่ประชุมกทช.ให้สำนักงาน กทช.กลับไปวิเคราะห์ข้อมูลรายละเอียด เรื่องการ

นำเข้าอุปกรณ์ 3G ของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 รายเพิ่มเติม และคาดว่าจะนำ

เสนอคณะกรรมการอีกครั้ง ในสัปดาห์หน้า

*ตัวแทนรัฐบาลลาว เจรจาขอเพิ่มราคาขายไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ 4 โครงการเป็นไม่

ต่ำกว่า 7 เซนต์/หน่วย จากเดิมที่ 5-6 เซนต์/หน่วย หลังเผชิญกับต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น ทำให้

โครงการเหล่านี้ ล่าช้ากว่าแผนเดิมที่จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไฟฟ้าของไทยตั้งแต่ปี 56

*สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 51 มาที่ 828 จุด จากเดิม

927 จุด โดยมองปัจจัยลบหลักมาจากการเมืองในประเทศ รองลงมาคือภาวะเศรษฐกิจ

*ธปท.ระบุว่า ขอความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน แต่ยอมรับว่า การวางแผนเพื่อ

กระตุ้นเศรษฐกิจ และการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจมหภาค จะต้องเป็นความร่วมมือกันระหว่าง

กระทรวงการคลังและธปท.

*คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีพรรคพลังประชาชน เข้าข่ายถูกยุบพรรคหรือไม่

กำหนดให้"สมัคร"รวมทั้ง"นายแพทย์สุรพงษ์"เข้าชี้แจงข้อมูลในวันที่ 13 ส.ค.นี้ จากนั้นจะมีการ

สรุปสำนวนให้เสร็จในวันที่ 14 ส.ค. เพื่อเสนอให้กกต.พิจารณาต่อไป

*ธปท.ย้ำยังเน้นดูแลปัจจัยเงินเฟ้อไม่ให้เร่งตัวขึ้นมากเกินไป เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัว

ได้อย่างมีเสถียรภาพระยะยาว และไม่เสียความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก

*ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 3-4 สัปดาห์นี้ จะได้รับ ปัจจัยบวกจากการ

ที่เฮดจ์ฟันด์ มีแนวโน้มที่จะโยกเงินลงทุนออกจาก ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ กลับมายังตลาดหุ้น หลัง

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว

*กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เผยตั้งแต่ 11 ส.ค.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก

จะเข้ามาทำหน้าที่การประกันเงินฝากของสถาบันการเงินแทนกองทุนฟื้นฟูฯ

*หนังสือพิมพ์เผย รมว.พาณิชย์ ขอนายกรัฐมนตรีคืนงานดูแลข้าว และจะประกาศขายข้าวสต็อกรัฐ

2.1 ล้านตัน แบบยกล็อตให้เอกชนรายเดียว และรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 51/52 เกวียนละ

1.4 หมื่นบาท

*หนังสือพิมพ์เผย กรมการค้าภายใน ระบุได้อนุญาตให้ขึ้นราคานมกล่องอีกกล่องละ 1 บาท ซึ่ง

เป็นการปรับขึ้นที่น้อยกว่าที่ผู้ประกอบการร้องขอ ด้านรมว.พาณิชย์เตรียมหารือผู้ประกอบการ

น้ำมันพืช และน้ำมันปาล์มก่อนจะตัดสินใจอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาหรือไม่

*หนังสือพิมพ์เผย กลุ่มยูนิค-ชุนวู จอยท์เวนเจอร์ ขอปรับราคาค่าก่อสร้างรถไฟสายสีแดงบางซื่อ

-ตลิ่งชัน หลังผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น ระบุราคาเดิม 8.7 พันลบ.ไม่สอดคล้องต้นทุนปัจจุบัน

*หนังสือพิมพ์เผย ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์ โดยระบุว่าสหรัฐ ต้องการจะฟื้นการ

เจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA) กับไทยอีกครั้ง หลังจากที่ทำ FTA กับประเทศในเอเชีย

มาแล้ว โดยมองว่าความร่วมมือเหล่านี้จะทำให้เกิดการสร้างงานเปิดการลงทุน-การค้า

*หนังสือพิมพ์เผย ทีดีอาร์ไอ-รมช.คลัง หนุนเปิดเสรีการจัดซื้อจัดจ้างงานของภาครัฐ เพราะ

จะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณก่อสร้างได้ถึง 330-3,000 ลบ./ปี

*หนังสือพิมพ์เผย สศช.ระบุตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 พบว่าเศรษฐกิจ

โดยรวมของไทยปรับตัวดีขึ้น จำนวนคนจนลดลงเหลือ 5.4 ล้านคน หรือคิดเป็น 8.5% ของ

จำนวนประชากร 63 ล้านคนเทียบปี 49 ที่มีคนจน 6.1 ล้านคน

*หนังสือพิมพ์เผย นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดปี 52 ส่งออกข้าวไม่สดใสจะลดเหลือ

8-8.5 ล้านตัน จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 10 ล้านตัน เนื่องจากทิศทางการค้าข้าวของโลกปีหน้า

ปรับลดลง และทั่วโลกเร่งผลิตข้าวเพิ่มเพื่อรับมือวิกฤตอาหารโลก

*หนังสือพิมพ์เผย สศช.และทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาล นัดประชุมวันนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกเพื่อ

ประเมินปัญหาเศรษฐกิจและแนวทางแก้ไขพร้อมเตรียมออกมาตรการกระตุ้น โดยเน้นช่วยเหลือ

ประชาชนผู้มีรายได้น้อย --จบ--

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 08/08/2008 @ 09:10:47 :
.--บมจ. หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

Distributor - Bisnews AFE

เล่นกรอบสั้น... อ่อนตัวซื้อ

ภาพวันวาน
ดัชนีหุ้นไทยปรับบวกอย่างโดดเด่นเหนือตลาดเพื่อนบ้าน ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ 705 จุด เป็นครั้งแรก
ในรอบ 3 สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 4.29% โดยมีแรงซื้อนำในกลุ่มพลังงาน พร้อมมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
มากถึง 2.71 หมื่นล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติกลับขายสุทธิ 835 ล้านบาทอีกครั้งหลังจากที่ซื้อเมื่อวันก่อน
หน้า

ประเด็นร้อนวันนี้

ECB และ BOE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย กังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) เป็นไปตามตลาด
คาดหมาย คือคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมคือ 4.25% และ 5% ตามลำดับ (สอดคล้องกับ Fed
ที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด) เนื่องจากยังมีความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมากถึง 4%
จากเป้าหมาย 2% อย่างไรก็ตาม ปัญหาสภาพคล่องในภาคการเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของกลุ่มประเทศ
ตะวันตกนั้น คาดว่าจะเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ทางด้านภูมิภาคเอเชีย
นั้น ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา อินโดนีเซียและเกาหลีใต้
ปรับขึ้น 0.25% เท่ากัน สู่ระดับ 9% และ 5.25% (สูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ.2544) ตามลำดับ ส่วนอัตรา
ดอกเบี้ยของไทยนั้น คาดว่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปได้อีกระยะหนึ่ง โดยคาดว่าอาจจะปรับ
ขึ้นไม่เกิน 0.5% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง โดยเป็นผลจากราคาจำหน่าย
น้ำมันในประเทศที่ลดลงทั้งจากราคาในตลาดโลก และจากมาตราการ 6 เดือนของภาครัฐ

ตลาดหุ้นไทยติดแนวต้าน 700 จุด ปรับฐานตามตลาด Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐผิดหวัง ต่อการประกาศผลประกอบการของ AIG งวด 2Q51 ซึ่งขาดทุน 5 พันล้าน
เหรียญฯ ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อภาคการเงินในตลาด กดดันดัชนี DJIA ปรับตัวลงเกือบ 2% (หลังการ
ปรับบวกขึ้นราว 4% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา) ทั้งนี้คาดว่าจะเป็นการขายทำกำไรเพื่อการปรับฐานระยะสั้น
เท่านั้น โดยน่าจะสามารถยืนเหนือแนวรับที่ระดับ 11,300 จุดได้ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงดังกล่าว
จะเป็นอิทธิพลเชิงลบต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย หลังการปรับบวก
อย่างโดดเด่น คาดว่าจะติดแนวต้านระยะสั้นที่ 700-705 จุด และในสัปดาห์นี้ต่อเนื่องถึงกลางเดือนส.ค.
2551 เป็นฤดูกาลรายงานผลประกอบงวด 2Q51 ของกลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงิน คาดว่าอาจจะมีแรงขาย
ทำกำไรระยะสั้นได้

ผลการสำรวจโบรกเกอร์ 20 แห่ง คาดดัชนีเฉลี่ยสิ้นปี 2551 อยู่ที่ 828 จุด
ผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ 20 แห่ง สรุปว่าดัชนีเฉลี่ยสิ้นปี 2551 ที่ 828 จุด
โดยลดลงจากที่เคยสำรวจครั้งหลังสุดที่ 927 จุด (โดยมีจุดสูงสุดที่ 950 จุด และต่ำสุดคือ 700 จุด)
ส่วนปี 2552 ลดลงจากเดิมเฉลี่ย 1,081 จุด เหลือ 896 จุด โดยมีสมมติฐานคือ GDP growth เฉลี่ยที่
5% ในปี 2551 และ 5.1% ในปี 2552 EPS growth เฉลี่ย 21.3% และ 6.6% (เทียบกับการสำรวจ
ครั้งก่อน 19.7% และ 8.5%) คาดว่าการปรับลดดัชนีเป้าหมายโดยรวมลงดังกล่าวน่าจะมีสาเหตุหลักมาจาก
เสถียรภาพของรัฐ อันเกิดจากการเคลื่อนไหวนอกสภาฯ เพื่อกดดันรัฐบาล ขณะที่กำไรตลาดในปี 2551
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองบวกอยู่ เห็นได้จากการปรับเพิ่ม EPS growth ของปี 2551 ขึ้นจากเดิม แต่
สถานการณ์การเมืองในประเทศไม่เอื้ออำนวย เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ปัญหาการเมืองในประเทศยัง
เป็นปัจจัยลบที่กดดันตลาด ตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ

INVESTORS PLUS
แนวรับ / แนวต้านใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด : 660/715 จุด
ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้ดัชนีแกว่งตัวเชิงลบ แนวรับ 680 จุด แนวต้าน 710 จุด
กลยุทธ์วันนี้ : เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบแนวรับ และแนวต้านของหุ้นรายตัว TTA(38.5/41),
ADVANC(89/92), BANPU(378/396)

:lol:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com