May 13, 2024   6:42:48 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สมชายขลังปลุกผีหุ้นการเมือง
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 16/09/2008 @ 11:38:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สมชายขลังปลุกผีหุ้นการเมือง



เคราะห์ซ้ำกรรมซ้ำไม่จบสิ้น ทั้งการเมืองยังส่อเค้าวุ่น หลังพันธมิตรไม่ยอมรับ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" ชิงดำนายกฯคนใหม่ แถมเลห์แมนฯส่อเค้าล่มยังกดดัน ถล่มดัชนีฯวานนี้ร่วงเกือบ 2% แต่ช่วยปลุกกระแสหุ้นการเมืองคืนชีพอีกครั้งตระกูลวงศ์สวัสดิ์ และตระกูลชินวัตร ทั้ง WIN-MLINK-SC-THCOM-CSL ฟากกูรูแนะเลี่ยง หลังราคาพุ่งแรง มองดัชนีฯสัปดาห์นี้สุดผันผวน มรสุมทั้งใน-นอกกดดัน

ผีซ้ำด้ามพลอยเสียนี้กระไร สำหรับตลาดหุ้นไทยช่วงนี้การเมืองยังไม่รู้ลูกผีลูกคน แม้ว่ามีความเป็นได้เกือบ 100% ที่นายกฯคนใหม่ของไทยจะชื่อ ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ ซึ่งสภาฯจะลงมติกันในวันพุธนี้ เวลา 9.30 น. แต่ดูทีท่าพันธมิตรฯจะไม่ยอมรับว่าที่นายกฯคนใหม่เสียแล้ว ดังนั้น การเมืองจึงยังวางใจไม่ได้
แถมล่าสุด การที่เลแมน บราเดอร์ส วาณิชธนกิจสหรัฐ ประกาศว่าจะยื่นขอล้มละลายเพื่อปกป้องสินทรัพย์และให้มีมูลค่ามากที่สุด เลแมน บราเดอร์สระบุในแถลงการณ์ว่าบอร์ดผู้อำนวยการได้อนุมัติการขอยื่นล้มละลายแล้ว และจะยื่นต่อศาลล้มละลายในนิวยอร์กวันจันทร์ นอกจากนั้น ยังอาจมีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นกัน (เช่น Merrill Lynch และ/หรือ AIG) ส่งผลให้ระหว่างวันของเมื่อวานดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบไปเกือบ 300 จุด หรือ 3% และฉุดให้เกิดแรงเทขายออกมาทั่วหน้าย่านเอเชีย รวมถึงไทยด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าหุ้นไทยจะเจอแรงกระหน่ำขายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีหุ้นอีก 1 กลุ่มที่วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับตลาดโดยรวมนั่นคือหุ้นการเมืองในร่มเงาของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ ทั้ง MLINK และ WIN วงศาคณญาติของว่าที่นายกฯคนใหม่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งล่าสุดกรรมการบริหารของพรรคพลังประชาชนมีมติส่ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าชิงตำแหน่งนายกฯรัฐมนตรี แถมงานนี้ยังลากเอาหุ้นกลุ่มชินวัตร ทั้ง SC, CSL, THCOM มาด้วย

****บล.กิมเอ็ง ชี้แบงก์ไทยอาจทำธุรกิจยากขึ้น หลังสถาบันการเงินสหรัฐฯเจอมรสุมลูกใหม่

บทวิเคราะห์ บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหา subprime ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องในกลุ่มสถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยมองว่าไม่ส่งผลกระทบทางตรงอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบธนาคารไทย แต่ทางอ้อมย่อมมีผล ทำให้การทำธุรกิจยากขึ้น และต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ต้องอาศัยระบบบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับประเด็นธนาคารต่างชาติที่เข้ามาร่วมทุนกับธนาคารพาณิชย์ไทย อย่างกรณี GE และ BAY รวมถึง Scotia และ TCAP จากการสอบถามกับทางธนาคาร ยังไม่มีปัญหาที่น่าเป็นห่วง
นายพงษ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง กล่าวว่า ดัชนีฯวานนี้ปรับตัวลดลงจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลักจากกรณี เลห์แมน บราเดอร์ส วาณิชธนกิจสหรัฐ ระบุว่า จะยื่นขอล้มละลายเพื่อปกป้องสินทรัพย์และให้มีมูลค่ามากที่สุด และก็พบว่ามีแรงขายออกมาทั่วภูมิภาคเอเซียเฉลี่ยประมาณ 4% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไม่ถึง 2% ถือว่าค่อนข้างน้อย ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างน่าสนใจ จาก 2 ประเด็นหลัก คือ 1.หุ้นไทยราคาถูก 2. เศรษฐกิจภายในประเทศยังมี upsideทั้งในภาคของการส่งออก และในส่วนของ Domestic ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
"เรามองแนวรับไว้ที่ 640 จุด เพราะเราไม่ได้มีมุมมองกับตลาดเป็นลบ แต่ก็แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เช่น ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของสหรัฐด้วย ส่วนการเมืองภายในประเทศก็ยังคงต้องติดตามต่อไป ซึ่งมองว่าทางออกของปัญหาก็มีอยู่แล้ว อยู่ที่วิธีการดำเนินเรื่องไปเท่านั้นจริงๆ แล้วเราก็มองว่าปัญหาที่เพิดอยู่ในปัจจุบัน ก็เป็นเรื่องเดิมๆเพียงแต่เนื้อเรื่องอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง"นายพงษ์พันธ์กล่าว
สำหรับในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงน่าจะเป็นจังหวะที่เข้าไปซื้อหุ้นพื้นฐานดี และราคาถูก เช่นหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เช่น BAY , KBANK และ BBL และอสังหาริมทรัพย์ เช่น LH เนื่องจากน่าจะได้รับผลดี หากความกดดันจากภาวะการเมืองและเงินเฟ้อคลี่คลาย

****จุดพลุหุ้นการเมือง รับ "สมชาย วงศ์สวิสดิ์"

บทวิเคราะห์บล.กิมเก็ง ระบุว่า วานนี้หุ้น CSL และ THCOM ปรับตัวขึ้นแรง เป็นการเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร จากการคาดหมายว่า คุณสมชายวงศ์สวัสดิ์จะเข้ามาเป็นนายกฯ ซึ่งจากการสอบถามผู้บริหารพบว่า ไม่ได้มีการประกาศข่าวบวก หรือโครงการใหม่ใดๆ
บทวิเคราะห์บล.ฟินันซ่า ระบุว่า จากการที่ ‘Lehman Brothers’ สถาบันการเงินรายล่าสุดที่ส่อเค้าต้องเข้าสู่ขบวนการล้มละลาย (ตามมาตรา 11) หลังขาดทุนหนักจนต้องเพิ่มทุนแต่ขายไม่ออก ทำให้มีแรงขายออกมาในหุ้นใหญ่โยกมาเล่นหุ้นซิ่งที่อิงการเมืองแทน โดยเฉพาะแบงก์ และพลังงาน ถูกเทขาย เพราะวิตกกับปัญหาซัพไพร์มและแนวโน้มราคาน้ำมันขาลง ตรงข้ามกับหุ้นเล็ก โดยเฉพาะที่อิงกับการเมือง มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น WIN, MLINK และ SC ซึ่งล้วนเกี่ยวพันกับตระกูล ‘วงศ์สวัสดิ์/ชินวัตร’ ทั้งนี้ 2 ตัวแรกฝ่ายวิเคราะห์ไม่ได้ทำบทวิเคราะห์เชิงปัจจัยพื้นฐาน (ยกเว้น SC)
ทางด้าน SC วันนี้ชี้ชะตาว่าอัยการสูงสุดจะยื่นฟ้องศาลฯหรือไม่ ในกรณีที่ DSI กล่าวหา SC ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นตอนทำ IPO ซึ่งหากอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ฟ้องราคาหุ้น SC ก็มีโอกาสรีบาวน์กลับไปที่เลข 2 หลัก เพื่อขยับเข้าไปใกล้ BV (ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 16.40 บาท) แต่หากฟ้อง อาจมีแรงขายทำกำไรจนราคาลงไปทดสอบ Record Low แถวๆ 7 บาทต้นๆ เพราะค่าปรับที่ต้องจ่ายสูงถึง 1.9 พันลบ. (6 บาท/หุ้น) กระทบอาจต้องงดจ่ายปันผล แต่อย่างไรก็ตามกว่าที่คดีจะถึงที่สุด (ศาลชั้นต้น/อุทธรณ์/ฏีกา)อาจต้องใช้เวลานาน (เช่น อาจเป็น 3 ปี 5 ปี หรือนานกว่านั้น) ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการเคลื่อนไหวในอนาคต

****กูรูแนะเลี่ยงหุ้นการเมืองหลังราคาพุ่งแรง ชี้หุ้นไทยยังเสี่ยงขาลง หลังเจอมรสุมซับไพร์มอีกระลอก

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ดัชนีฯในวานนี้ปรับตัวลงแรง เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ยืนในแดนลบทั่วหน้าเพราะปัญหาวิกฤตภาคการเงินในสหรัฐฯกำลังสะท้อนผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อระบบสถาบันการเงิน โดยวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของอเมริกา เลห์แมนบราเธอร์สที่ประสบผลขาดทุนอย่างหนักจากการลงทุนในซับไพร์มจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายตามมาตราที่ 11 หรือ Chapter 11
หลังบราเคลย์สและแบงก์ออฟอเมริกายุติการเจรจาซื้อหุ้นเลห์แมนบราเธอร์ส ขณะที่ราคาหุ้นเลห์แมนบราเธอร์สได้ลดลงแล้ว 94% ในปีนี้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติและกองทุนเทขายสินทรัพย์ทุกชนิดที่มีกำไรเพื่อนำไปรองรับการไถ่ถอนหน่วงลงทุนและสำรองผลขาดทุนในอเมริกา ตลาดฯจึงไม่ตอบรับข่าวบวกที่รัฐบาลประกาศยกเลิกพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินที่น่าจะเป็นผลดีกับจิตวิทยาการลงทุนเพราะรับกดดันจากสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียเผชิญแรงขาย
อย่างไรก็ตาม กรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน(พปช.) มีมติเห็นชอบเสนอชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค และรักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีความเหมาะสมได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทน นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค กระตุ้นให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรหลั่งไหลเข้ามาในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะบมจ.วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค(WIN) และบมจ. เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น(MLINK) ซึ่งเป็นหุ้นในตระกูลวงศ์สวัสดิ์
แม้ว่าปัจจุบันจะถูกขายให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจไปแล้วในนาม แต่ก็ยังมีคนใกล้ชิดเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ ราคาหุ้นจึงทะยานขึ้นรับข่าวอย่างร้อนแรง อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรหุ้นดังกล่าวถือเป็นความเสี่ยงสูงเพราะประเมินจากราคาปัจจุบันปรับขึ้นมามากแล้ว และท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองเหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้เสมอถ้ายังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯในวันที่ 17 กันยายนนี้จึงยังไม่ถือเป็นตัวแปรที่นิ่งพอที่นักลงทุนจะเข้าซื้อตาม แนะนำหลีกเลี่ยง
นอกจากนี้ แม้ว่านายสมชายจะเป็นบุคคลที่พรรคมองว่า สามารถประสานประโยชน์และประนีประนอมกับกลุ่มคนในพรรคร่วมรัฐบาลแต่จะมีปัญหาจากเสียงต่อต้านจากสังคมในแง่ที่เป็นเครือญาติกับพตท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกันด้านผลประโยชน์ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนคนใดจากพรคพลังประชาชนก็เชื่อว่าจะเผชิญเสียงคัดค้านจากกลุ่มพันธมิตรฯทั้งสิ้น
เพราะหากเป็นรายชื่อของนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็มีความด่างพร้อยจากคดีหวยบนดินที่ยังอยู่ระหว่างกระบวนการศาล หรือแม้แต่นายนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ก็เคยดำรงตำแหน่งในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีหลายคดีเกี่ยวข้องกับรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและเคยมีข้อกังขาในการเอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกฯ ผู้นำประเทศที่มาจากพรรคพลังประชาชนจึงจะถูกกดดันอย่างต่อเนื่องทำให้การทำงานขาดเสถียรภาพและเชื่อว่าจะบริหารงานได้ไม่นาน ดังนั้นภาพการเมืองในระยะกลางจะยังเป็นผลลบซ้ำเติมเศรษฐกิจการลงทุนต่อไป
สำหรับแนวโน้มในวันนี้คาดดัชนีฯยังเป็นทิศทางขาลงว่า เพราะแรงเทขายจะหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแรงขายจากกองทุนต่างชาติที่จำเป็นต้องเทขายสินทรัพย์ทุกประเภทที่มีกำไรไม่ว่าจะเป็นหุ้นน้ำมัน หรือทองคำ เพราะต้องรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุนและรักษาสภาพคล่องก่อนที่จะเผชิญผลกระทบเชิงลูกโซ่จากแนวโน้มการเข้าสู่ภาวะล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส โดยภาวะล้มละลายครั้งนี้เป็นสัญญาณอันตรายต่อระบบการเงินโลกอย่างมีนัยสำคัญ
โดยนาย ชาร์ลส์ ทาเทลบัม ทนายความคดีล้มละลายที่อดอร์โนแอนด์ยอสส์ในฟลอริด้ากล่าวว่า กรณีการล้มละลายของเลห์แมนบราเธอร์สนับเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก เนื่องจากบริษัทมีหนี้สินมากกว่า 613 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าเวิร์ลคอมที่ล้มละลายในปี 2002 และมากกว่าเดร็กเซลเบิร์นแฮมแลมเบิร์ทส์ที่ล้มละลายเมื่อปี 1990
นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่การล้มละลายของเลห์แมนบราเธอร์สอาจนำไปสู่โดมิโนทางเศรษฐกิจเพราะกองทุนและสถาบันการเงินในยุโรปและญี่ปุ่นก็เริ่มจะตั้งสำรองสินทรัพย์ออกมาเป็นระยะ จึงต้องติดตามว่าจะมีรายงานผลขาดทุนของสถาบันการเงินใดออกมาอีกหรือไม่ โดยเฉพาะ AIG ที่ทางสถาบันจัดอันดับ S&P ออกมาเตือนว่าอาจปรับลดอันดับเครดิต และกองทุนอีกหลายแห่งของสหรัฐฯที่กำลังขาดสภาพคล่อง ซึ่งภาวะตกต่ำในตลาดการเงินอาจทำให้ที่ประชุมเฟดมีมติปรัลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสร้างเสถียรภาพในระบบการเงิน
ส่วนประเด็นการเมืองคงต้องจับตาการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17 กันยายนนี้ และท่าทีตอบโต้ของกลุ่มพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แนะนำชะลอการลงทุน แนวรับ 630 จุด แนวต้าน 645 จุด
ด้านนางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ภาพวมดัชนีฯตลอดทั้งสัปดาห์ ยังเคลื่อนไหวผันผวน แกว่งตัวทั้งแดนบวกและแดนลบสลับกัน แต่มองน่าจะแกว่งตัวลงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากอิทธิพลลบจากการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติของความขัดแย้ง นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อต่อไปอีก จากการที่คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน(พปช.) มีมติเห็นชอบเสนอชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นผู้มีความเหมาะสมได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะยังคงส่งผลให้กรณีพันธมิตรฯออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวต่อไป เพื่อสร้างแรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีก
พร้อมทั้งยืนยันจุดยืนเดิมของกลุ่มพันธมิตรฯที่จะไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และจะไม่ยุติการเคลื่อนไหว จนกว่าทุกพรรคการเมืองจะยอมรับ และมาร่วมผลักดันการเมืองใหม่ตามแนวคิดของพันธมิตรฯ ให้เกิดขึ้น
สำหรับ ปัจจัยลบต่างประเทศที่ยังกดดันตลาดหุ้นทั่วเอเชียจากวิกฤตสาบันการเงินในสหรัฐฯ ที่ยังปะทุไม่หยุด โดยล่าสุดธนาคารเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของสหรัฐ ที่กำลังประสบปัญหาอย่างรุนแรงจากวิกฤตสินเชื่อ และขณะนี้รัฐบาลสหรัฐและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังระดม หนทางช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังมีบริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ หรือ AIG ที่กำลังประสบปัญหาภาวะขาดทุนซึ่งอาจจะลุกลามเป็นอีกวิกฤตใหม่อีกรอบ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐอาจจะไม่สามารถเยียวยาแก้ไขปัญหาได้ในระยะเวลาอันสั้น ด้านการประชุมของเฟดในคืนวันที่ 17 ก.ย. เชื่อว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2 % เท่าเดิม
กลยุทธ์ สำหรับนักเก็งกำไรแนะนำชะลอการลงทุนและถือเงินสดให้มากที่สุด ด้านนักลงทุนระยะยาวซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ Didend yield สูงกว่า PE อาทิหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้แก่ MK,NOBLE และ SPALI กลุ่มอิเล็คทรอนิค ได้แก่ HANA ,DELTA และ CCET
ประเมินกรอบแนวโน้มของดัชนีฯ ทั้งสัปดาห์ แนวรับอยู่ที่ 627 แนวต้าน 660 จุด
ส่วนหุ้นในกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับการเมืองในขณะนี้ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงสวนตลาด อาทิ SC,MLINK และ WIN นั้นมองว่ามาจากการรับข่าวดี คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน มีมติเห็นชอบเสนอชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงสั้นๆ เท่านั้น แนวโน้มภาพรวมตลอดสัปดาห์ยังเสี่ยงที่จะมีโอกาสผันผวนตามทิศทางภาวะตลาดหุ้นที่ยังถูกกดดันทั้งจากการเมืองในประเทศอีกทั้งปัญหาวิกฤตสาบันการเงินในสหรัฐฯ

****บล.เอเซีย พลัส มองหลังทราบตัวนายกฯคนใหม่หุ้นการเมืองหมดเสน่ห์

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า จากการที่พรรคพลังประชาชนเตรียมส่งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ช่วยผลักดันให้ราคาหุ้นในกลุ่มการเมือง อาทิ WIN, MLINK ,SC และCSL เป็นต้น ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นเพียงระยะสั้นๆ ซึ่งคาดว่าภายหลังทราบผลผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็น่าจจะทำให้กระแสการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มดังกล่าวจบลง ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนแนะนำขาย ขณะที่นักลงทุนที่จะเข้าเก็งกำไรมีความเสี่ยงที่จะติดหุ้นสูง
ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปมองว่ายังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนธิปไตยภายหลังการยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งอาจส่งผลให้พันธมิตรกลับมาใช้กลยุทธ์ดาวกระจายในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง ขณะที่ปัจจัยภายนอกก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกดดันเช่นกัน หลังเลห์แมนบราเธอร์สเตรียมยื่นพิทักษ์ทรัพย์การล้มละลาย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยทั่วโลก กลยุทธ์แนะนำรอดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากตลาดมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกและภายในที่รุมเร้า ประเมินแนวรับไว้ที่ 630 จุด ส่วนแนวต้านไว้ที่ 650 จุด

****บล.ดีบีเอสฯ ชี้หากวันนี้อัยการฯฟ้อง SC ทำมูลค่าหุ้นหายวับ 6 บ./หุ้น ชี้ข่าว "สมชาย" เข้าชิงนายกฯ แค่ปลุกกระแสช่วงสั้น

บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า ในวันนี้อัยการสูงสุดจะมีการตัดสินว่าจะส่งฟ้องศาลฯในเรื่องที่ SC ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในการยื่นข้อมูลโครงสร้งผู้ถือหุ้นไม่ถูกต้องตอน IPO หรือไม่ (หากไม่มีการเลื่อนอีก) แต่ยังไม่ถึงขั้นตอนที่ศาลจะมีคำตัดสินออกมา
ผลการตัดสินของอัยการจะมีได้สองกรณี คือ
กรณีแรกหากตัดสินใจว่าไม่ส่งฟ้อง ก็จะเป็นผลดีกับ SC เพราะจะได้พ้นจากความเสี่ยงเรื่องค่าปรับที่มีมากถึง 2 เท่าของมูลค่าการ IPO หรือ 1.9 พันล้านบาท ก็จะส่งผลดีกับราคาหุ้น SC ทีเดียว
กรณีที่สอง หากตัดสินว่าส่งฟ้องก็จะเป็นผลลบกับ SC คือ ความเสี่ยงยังอยู่ แต่ก็ต้องรอให้ศาลชั้นต้นตัดสินต่อไปในอนาคต หากมีความผิดก็ควรจะบันทึกค่าปรับดังกล่าว จากการศึกษาพบว่าคาดการณ์มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ณ 17:02 15/09/08ปลายปีนี้จะลดลงเป็น 10.88 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 16.92 บาท หากถูกปรับ แต่ทางบริษัทก็จะสู้คดีต่อไป คือ มีการอุทธรณ์ และฎีกา ต่อไปตามลำดับ ซึ่งจะยืดเยื้อต่อไป
ราคาหุ้นดิ่งตัวลงแรงมาก จน P/E และ P/BV ปี 51 ซื้อขายที่ถูกมากเพียง 4.9 เท่า และ 0.5 เท่า ตามลำดับ ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปีสูงเป็น 11.9 เท่า และ 1.0 เท่า ตามลำดับ
ฝ่ายวิเคราะห์จึงเห็นว่าราคาหุ้นตกลงมามากไป ราคาพื้นฐานอิงตาม P/E ปี 51 ที่เพียง 6.0 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 22% รวมกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 51 ที่ 8.4% นับว่าสูง จึงคงคำแนะนำซื้อ ต้องยอมรับว่า SC เป็นหุ้นการเมือง เพราะครอบครัว ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ เมื่อมีเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการเมือง จึงทำให้ราคาหุ้นผันผวนสูงไปตามปัจจัยจิตวิทยา
ในข่าวความคืบหน้าที่เกิดขึ้น เช่น หาก คุณ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เป็นนายกฯคนใหม่ ก็จะส่งผลปัจจัยจิตวิทยาทางบวกมากกับ SC เพราะเป็นญาติสนิทกับอดีตนายกฯ พตท.ทักษิณ ชินวัต

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com