ดร.ก้องเกียรติ โอกาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเชีย พลัส (ASP)เปิดเผยว่า เตรียมขยายธุรกิจไปรอบด้าน แทนที่จะเน้นหนักที่ทำเป็นอันเดอร์ไรเตอร์ เพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันความเสี่ยง และเป็นการรองรับการไดลูทหลังการเพิ่มทุน กรณีที่จะมีผู้ใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ อันจะส่งผลให้กำไรต่อหุ้นลดลง การขยายธุรกิจออกไปจะช่วยสร้างรายได้และเพิ่มกำไร

โดยจะขยายการลงทุนไปทางด้านการลงทุนหุ้นแทนผู้อื่น(Private Equity) ตราสารหนี้ เจาะตลาดด้านบริหารกองทุนแทนบุคคล หรือบริษัท (Asset ManagementหรือWealth Management)เช่น การบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้แก่บริษัทใดบริษัทหนึ่งซึ่งทางกระทรวงการคลังออกกฎห้ามบริษัทต่างๆ บริการเอง เพราะเกรงว่าจะฉ้อฉลพนักงาน

นอกเหนือจากเหตุผลเพื่อต้องการเพิ่มกำไรต่อหุ้นแล้ว การขยายธุรกิจออกไปยังด้านต่างๆ ยังเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อต่อสู้กับการเปิดเสรีทางการเงินที่จะมีขึ้นในระยะไม่กี่ปีนี้จากการที่รัฐบาลได้มีการเจรจาเขตการค้าเสรี(FTA) กับสหรัฐฯ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเปิดเสรีทางการเงิน ไม่เช่นกันการตกลงฏ็จะยุติไม่ได้

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ดร.ก้องเกียรติ เชื่อว่า แนวโน้มน่าจะดีขึ้น ตามทิศทางของอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลจากมูลค่าซื้อขายโดยเฉลี่ย ในตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 17,800 ล้านบาทต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน15,000 ล้านบาท

ขณะที่นักวิเคราะห์ของ บล.บัวหลวง ได้ประเมินกำไรของ บล.เอเชีย พลัส ในช่วงไตรมาส 3 นี้ว่า น่าจะเท่ากับ 147 ล้านบาท ซึ่งโตขึ้น 38 % จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากการเป็นโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดฯเป็นนัยสำคัญ ส่วนในไตรมาส 4 คาดว่ากำไรน่าจะเพิ่มเป็น 204 ล้านบาท ส่วนกำไรทั้งปีคาดว่า 678 ล้านบาท

จากกำไรดังกล่าว ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นก่อนที่จะแปลงวอร์แรนท์เท่ากับ 0.34 บาทแต่หลังจากที่มีการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนแล้ว(ในกรณีที่แปลงหมด)จะทำให้กำไรต่อหุ้นลดลงเป็น 0.27 บาท

ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บล.เอเชีย พลัส (ASP-W1)จำนวน 495,568,676 หน่วยจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2548 นี้ด้วยราคาใช้สิทธิ 2 บาท บริษัทหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ได้ให้ราคาเหมาะสมประมาณ 3 บาท

โดยนักวิเคราะห์จาก บล.บัวหลวง ได้กำหนดราคาที่เหมาะสมไว้ที่ 3.00-3.40 บาทจากราคาใช้สิทธิที่ 2 บาท และราคาหุ้นแม่ ASP ซึ่งช่วงเช้าของวันที่ 7 ต.ค.ยังทรงตัวอยู่ที่ 5.35 บาท เมื่อรวมราคาใช้สิทธิกับราคาเหมาะสมทำให้ราคาต้นทุนของวอร์แรนท์อยู่ที่ 5.00-5.40 บาท ทำให้ไม่มีส่วนต่างจากราคาปัจจุบันของหุ้นแม่ ASPดังนั้น การใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์เป็นหุ้นสามัญจึงไม่คุ้ม ณ ราคาปัจจุบัน หากราคาหุ้น ASPไม่มีการขยับขึ้นในระยะสั้นนี้ จึงคาดว่า ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญของ ASP น่าจะทำการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรมากกว่าจะใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์

โดยให้ราคาเป้าหมายของ ASP ไว้ที่ 6 บาท การที่นักลงทุนจะใช้สิทธิหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าราคา ASP จะขึ้นอีกในช่วงนี้หรือไม่ ซึ่งหุ้นหลักทรัพย์ในช่วงปลายปีอาจจะแกว่งตัวค่อนข้างดี

ด้านนักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง กล่าวว่า ราคาวอร์แรนท์ที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 3.04บาทซึ่งเป็นราคาที่อ้างอิงจากราคาของ ASP ช่วงก่อนหน้านี้ที่เคยปิดที่ 5.45 บาท แต่ช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.ราคาได้ปรับลงมาอยู่ที่ 5.35 บาท นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าราคาวอร์แรนท์ที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 2.96 บาท

ที่มา:
ข่าวหุ้น