P_aud สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 531 | วันที่: 11/10/2005 @ 10:53:20 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ที่ปรึกษายอมถอยเลื่อนกระจายหุ้นกฟผ.ไปวันที่ 30 พ.ย.จากเดิม 14 พ.ย.หลังติดปัญหาเพียบ ทั้งโครงสร้างค่าไฟ การเกลี่ยรายได้ 3 การไฟฟ้าและเรกูเลเตอร์ ที่ทำได้ดีแค่ตั้งชั่วคราวก่อน 4-5 คน ส่งหุ้นกฟผ.เข้าตลาดฯ
แหล่งข่าวจากบมจ.กฟผ.กล่าวว่า บริษัทที่ปรึกษาการเงินของกฟผ.ได้ปรับแผนการนำหุ้นกฟผ.เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จากเดิมในวันที่ 14 พ.ย.48 เป็นวันที่30 พ.ย.48 หลังเดินสายนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนในช่วงต้นเดือนพ.ย. ทั้งนี้เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในหลายเรื่อง อาทิ โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ ที่ต้องรอคณะอนุกรรมการกำกับสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที)ประชุมในวันที่ 19 ต.ค.48 การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า (Regulator) ปัญหาการเกลี่ยรายได้ของ 3 การไฟฟ้าที่ยังไม่ลงตัว ตลอดจนนักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอดูผลประกอบการรายไตรมาสของกฟผ. ในรอบสิ้นสุดเดือนก.ย.นี้ หลังจากมีข่าวว่ากฟผ.จะต้องตัดค่าเอฟทีคงค้างที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นล้านบาทออกไป
ที่ปรึกษาฯได้ปรับแผนการนำหุ้นกฟผ.จำนวน 2 พันล้านหุ้น เข้าตลาดฯ เป็นวันที่30 พ.ย.หลังจากเริ่มโรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.48 จากเดิมที่วางแผนว่าจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปวันที่ 26-27 ต.ค.และเข้าซื้อขายในวันที่ 14พ.ย.แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลจะแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้าชุดชั่วคราว และเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ได้ก่อนกฟผ.โรดโชว์อย่างแน่นอน แต่เบื้องต้นอาจมีเพียง 4-5 คนก่อน ไม่ครบตามกำหนด 7 คน เนื่องจากติดปัญหาข้อปฏิบัติที่เกี่ยวกับธุรกิจพลังงาน
ขณะที่นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กฟผ. เชื่อว่า แม้กำไรของกฟผ.ในช่วงที่ผ่านมาจะลดลง เพราะต้องแบกรับภาระในการตรึงค่าไฟฟ้ามากกว่าหมื่นล้านบาทแทนประชาชน แต่กฟผ.เองก็ไม่หวั่นวิตกในเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากขณะนี้ความชัดเจนในเรื่องของสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าในอนาคตของกฟผ.จำนวน 50% ประกอบกับความชัดเจนในเรื่องของค่าไฟฟ้าฐานที่รัฐให้คงที่ไว้2.25 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 3 ปี
โดยกำไรสุทธิของ กฟผ.ในปี 2545 อยู่ที่ 27,382 ล้านบาท ปี 2546 อยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.9% แต่ในปี 2547 ลดลงมาอยู่ที่28,198 ล้านบาท เพราะต้องตรึงค่าเอฟทีในปี 2546 จำนวน 4,800 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่กฟผ.ต้องรับภาระตรึงค่าไฟให้ประชาชนประมาณ 22,000ล้านบาท ทำให้รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 26,800 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มรายได้ในอนาคตของ กฟผ.มั่นใจว่าจะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนเนื่องจาก กฟผ.มีความสนใจและพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินงานในธุรกิจไฟเบอร์ออฟติกและการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าใหม่ให้กับเอกชน ซึ่งในส่วนนี้ที่ผ่านมามีรายได้กว่า 2,000ล้านบาท และยังมีธุรกิจให้เช่าสายส่งที่มีรายได้อีกกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากขึ้นนายไกรสีห์ กล่าว
นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)จะพิจารณาเกี่ยวกับการเกลี่ยรายได้ของทั้ง 3 การไฟฟ้า คือบริษัท กฟผ.จำกัด(มหาชน) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) โดยคาดว่าที่ประชุมจะเลือกการให้อัตราผลตอบแทนการลงทุน(ROIC) กับ กฟผ.ที่ 8.7% ส่วนกฟน. และ กฟภ.จะได้ที่ 4-4.5% จากเดิมที่กฟผ.จะได้ในระดับ 7% กฟน.ได้ 4% และ กฟภ.ได้ต่ำที่สุดประมาณ 3% เนื่องจาก ROICดังกล่าวเป็นระดับรายได้ที่เหมาะสมกับแผนการลงทุนในอนาคตและใกล้เคียงกับปัจจุบัน
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเบื้องต้นเห็นควรให้กฟผ.ได้ผลตอบแทนที่ระดับมากกว่า 8% เพื่อจูงใจนักลงทุน แม้ว่ากฟน.และกฟภ.จะไม่เห็นด้วย เพราะผลตอบแทนจะได้รับอยู่ในระดับต่ำและมีผลต่อการเข้าตลาดหลักทรัพย์ตลอดจนการลงทุนในอนาคต แต่ก็เห็นว่าทั้ง 2 กิจการยังไม่พร้อมต่อการแปรรูป แม้จะได้รับผลตอบแทนที่สูงในขณะนี้ก็ตาม เนื่องจากแหล่งที่มาของรายได้ยังไม่ชัดเจน
ที่มา:
ข่าวหุ้น
|