ใกล้วันสงกรานต์เข้ามาทุกขณะ สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอันเป็นที่รักของ “โมนิก้า” มองจากมุมไหน ก็ยังน่าเล่นเหมือนเดิม แต่ตัวนักลงทุนต้องรู้จัก “จังหวะเข้า จังหวะออก” และต้องกำหนดเป้า กำไร-ขาดทุน ให้ชัดเจน...หากทำได้ตามที่เดี๊ยนเกริ่นนำไว้เป็นประจำ...รับรองว่า การที่หุ้นตกลงมาบริเวณ 1,380 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงเหลือ 3 หมื่นล้านบาท จากปีก่อน 6 หมื่นล้านบาทไม่ใช่อุปสรรคอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*เนื่องจากการย่อตัวลงมาในเที่ยวนี้ เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ยังสะสมหุ้นไม่เต็มพอร์ต ได้มีโอกาสซื้อของถูกเก็บไว้ในพอร์ตอีกครั้ง..ผสมผสานกับการวิเคราะห์ในเชิงเทคนิคยืนยันว่า ทฤษฎีคลื่น 3 ลูกกลับมามีบทบาทอีกครั้ง!! “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนหันมามองแนวรับสำคัญบริเวณ 1,380 จุดเป็นลำดับแรก (หากเอาไม่อยู่ก็มารอรับตรงบริเวณ 1,350 จุด) ตรงจุดนั้นคือรอยเลื่อนสำคัญที่มีผลต่อการเข้าลงทุนรอบใหม่นะค่ะ

*สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะทฤษฎีคลื่น 3 ลูกในมุมรายสัปดาห์ยืนยันว่า ดัชนีกำลังโค้งตัวลง และทุกครั้งที่โค้งตัวลงจะไหลลงไปหายอดเก่าก่อนขึ้นเป็นประจำ..หากยอดเก่าต้านแรงเทขายได้อยู่หมัด ดัชนีจะดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับทะยานขึ้นไปทำ new high อีกครั้ง...หากยอดเก่าต้านแรงเทขายไม่อยู่ละก็ ดัชนีจะรูดลงไปหาฐานแนวรับล่างสุดก่อนขึ้นแรง และในที่นี้ก็คือบริเวณ 1,350 จุด หรือที่เรียกกันว่า จุดดีดกลับไงล่ะจ๊ะ

*อีกประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกโรงเบรกนักลงทุนรายย่อยตั้งแต่หัววันก็คือ หลักในการลงทุนเที่ยวนี้วัดกันที่ความไว และกลุ่มหุ้นที่น่าจับตามากที่สุดในยามนี้ก็คือ แบงก์หลังจากโดนถล่มเสียจนหมอบราบคาบ ก็เริ่มมีแรงซื้อไหลเข้ามาเรื่อยๆ และตัวที่โดดเด่นเป็นสง่าก็คือแบงก์ตราดอกบัว BBL มีแรงซื้อไล่อัดเข้ามาไม่ขาดสาย จนหุ้นไต่ระดับขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่มั่นคงที่สุดในกลุ่มนี้เจ้าค่ะ

* ตามรูปการณ์นี้ คนที่ยังชั่งใจไม่ตกว่า เมื่อวานนี้รีบาวด์เพื่อลงต่อ หรือจะพลิกกลับไปทะลวงแนวต้าน 1,400 จุด ต้องกลับไปดูตัวเลขค่าเงินบาทที่แข็งยิ่งกว่ากินไวอากร้าแทนวิตามินซี...ผสมเข้ากับการซื้อของต่างชาติสุทธิสองวันติดกัน แม้จะถูกกองทุนตัวแสบขายเป็นว่าเล่นหลังจากทำวินโดว์เดรสซิ่งเสร็จ....ตามประสาพวกตีหัวเข้าบ้าน...ยืนยันชัดเจนว่า วันนี้ต้องได้เห็นดัชนีทะลวงแนวต้านไปได้แน่นอน.... “โมนิก้า” กล้าท้า “แก้ผ้าถ่ายคลิป” แข่งกับคุณพี่กระดก ลอยเหีย...พูดจริงนะคะ

*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” เชื่อว่าหุ้นแบงก์จะกลับมา ล้วนมาจากข้อมูลกองทุนรวมที่นำเสนอไปเมื่อวันก่อนชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บลจ.ไหนลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์เป็นหลัก กองทุนนั้นให้ผลตอบแทนดีสุดในช่วงไตรมาส 1 ปี 57 เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุนชำเลืองดูหุ้นเหล่านี้มากเป็นพิเศษ นอกเหนือจากแบงก์ตราดอกบัวคือมี KBANK SCB KKP TCAP ล้วนเป็นทีเด็ดที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามนะจ๊ะ

* โดยเฉพาะในช่วงที่นักลงทุนต่างชาติหวนกลับเข้ามาลงทุนเต็มตัว “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่นักลงทุนต้องรับรู้ก่อนใครเพื่อนๆ และเมื่อดูสถิติย้อนหลัง 10 ปีจะเห็นว่า เฉพาะเดือนเม.ย.เดือนเดียวให้ผลตอบแทน 2.50% ขณะที่ผลตอบแทนที่ได้จากตอนนี้มีไม่ถึง 0.50% ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า หุ้นแบงก์มีโอกาสทะยานขึ้นไปทำ new record…น่าเสียดายที่ KTBกลับถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากปัญหาเดิมๆ ที่ยังตามหลอกหลอนไม่เลิก จึงเป็นหุ้นที่เล่นได้เฉพาะเดย์เทรด..ทราบแล้วเปลี่ยน!!

*เช่นเดียวกับในรายของ PTTGC ก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ยกให้เป็นสุดยอดหุ้นปิโตรเคมี แต่ตอนนี้ไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว เพราะข่าวลือว่า ราคาหุ้นที่ระดับ 75 บาทสูงเกินความเป็นจริง ทั้งที่ช่วงหลังๆ มีแต่ข่าวว่า ธุรกิจยังทำกำไรอย่างแข็งแกร่ง? เหตุไฉนราคาหุ้นถึงเอาแต่รูดเสาน้ำมันเป็นมะเขือเผาอย่างเดียว ........ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ก็รู้เองแหละค่ะ...เจ้ามือหายไปไหนกันจ๊ะ

*EA ทำคอมปะนีวิสิทกับนักวิเคราะห์ตอนเช้า บ่ายไอ้โม่งแอบดันราคาหุ้น วิ่งบวกแรงท้ายตลาดไป 50 สตางค์หน้าตาเฉย...ถามข่าวคราวนักวิเคราะห์ อุบเงียบตามๆ กัน...ใครแอบสั่งซื้อล่วงหน้าเพราะข่าววงในรึป่าว...ถ้าเป็นข่าวดีละก็..โกรธแน่โทษฐานไม่ยอมบอก กะจะรวยคนเดียวรึไงพวก...เอากะมันซี แล้วจะซื้อราคาเก่าได้ยังไงกันเนี่ย..คุณพี่

*สุดท้ายนี้ “โมนิก้า” อยากให้นักลงทุนลองสำรวจหุ้นบางตัวที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงตลาดหุ้นผันผวนตามหลักความเป็นจริงว่า “สมเหตุสมผลแค่ไหน??”