April 26, 2024   5:28:21 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > LDCลงสนามmai-เป้าสูงสุด2.62บ.
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 02/09/2014 @ 08:17:33
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

LDC ลงสนามเทรด mai วันนี้ ประเดิม IPO ตัวแรกในไตรมาส 3/57 ผู้บริหารมั่นใจหุ้นเหนือจองที่ 1.50 บาท เชื่อนักลงทุนต้อนรับอบอุ่น เตรียมนำเงินระดมทุน 180 ล้านบาท ไปต่อยอดธุรกิจขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง หวังสร้างรายได้ให้ขยายตัวและเติบโตอย่างมั่นคง ขึ้นแท่นที่หนึ่งด้านศูนย์ทันตกรรมครบวงจร ด้านโบรกเกอร์ประเมินราคาเหมาะสมเฉลี่ย 2.14 บาท โดยบล.ฟิลลิป เคาะราคาเหมาะสมสูงสุด 2.62 บาท ส่วน บล.โนมูระ พัฒนสิน มองที่ 2.50 บาท คาดกำไรสุทธิปีนี้โต 27% และก้าวกระโดด 136% ในปีหน้า หลังรุกเปิดสาขาต่อเนื่อง

**LDC ประเดิมเทรดตัวแรก Q3/57
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ mai เปิดเผยว่า บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 2 กันยายน 2557 ซึ่งถือเป็น IPO ตัวแรกที่เข้าเทรดในไตรมาส 3/57 และเป็นหลักทรัพย์ลำดับที่ 9 เข้าจดทะเบียนใน mai ในปีนี้
โดย LDC เป็นผู้ให้บริการทางทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางด้วยคุณภาพระดับสูง ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ LDC ปัจจุบันมีศูนย์ทันตกรรมให้บริการจำนวน 19 สาขา และคลินิกทันตกรรมทั่วไป 1 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้ง LDC ยังมีสถาบันฝึกอบรมผู้ช่วยทันตกรรมของตัวเอง สำหรับผลิตบุคลากรสนับสนุนงานด้านทันตกรรมเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

** มั่นใจเหนือจอง 1.50 บ.
ทันตแพทย์ วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ LDC กล่าวว่ามีความมั่นใจในการซื้อขายวันแรกที่จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้หุ้น LDC สามารถยืนเหนือ จองได้ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ที่แข็งแกร่งและมีความเป็นมืออาชีพสูง ในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจทันตกรรมแบบ ครบวงจรภายใต้รูปแบบศูนย์ทันตกรรม โดยมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการภายใต้ทันตแพทย์ ฉพาะทางด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน และระบบความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นสำคัญ

** นำเงินขยายศูนย์ทันตกรรม
สำหรับ เม็ดเงินที่ได้จากการระดม ทุนในครั้งนี้จำนวน 180 ล้านบาท บริษัทจะนำไปขยายศูนย์ทันตกรรม และนำเป็นเงินหมุนหมุนเวียน ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนสำหรับการขยาย กิจการได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ภายหลังการเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ mai จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ทั้งจำนวน 100 ล้านบาทจากทุน จดทะเบียนชำระแล้ว 70 ล้าน บาทในปัจจุบัน โดยครอบครัวชัยวัฒน์เป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ร้อยละ 69.80
“เรื่อง ราคายืนเหนือจอง เรามีความมั่นใจมากว่าหุ้น LDC จะได้รับความ เชื่อมั่นจากนักลงทุนและ มีราคายืนเหนือจองได้ จากความโดดเด่นทางธุรกิจ การเป็นศูนย์ทันตกรรมราย แรกและรายเดียวที่ก้าว เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น เพราะการเข้ามาระดมทุนของ เราในครั้งนี้ จะช่วยในเรื่องการขยายสาขา ที่เป็นตัวต่อยอดทาง ธุรกิจที่เราตั้งเป้าไว้ ว่าจะขยายให้ครอบคลุมตาม ไปถึงหัวเมืองใหญ่ใน จังหวัดต่างๆ ตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการเจรจาทางธุรกิจอื่นๆ อีก เพื่อการเติบโตในธุรกิจ ศูนย์ทันตกรรมที่เป็นสากล นอกจากความพร้อม ทางการเงินในการขยายสาขา อย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทฯ ยังมีโอกาสศึกษาการขยาย ธุรกิจในช่องทางต่าง ๆ อีกด้วย จากปัจจุบัน LDC มีสาขาแล้ว ทั้งสิ้น 20 สาขา" ทันตแพทย์ วัฒนา กล่าว

** คาดรายได้ปีนี้โต 20%
ทันตแพทย์วัฒนา กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ คาดรายได้รวมปี 2557 เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2556 ที่มีรายได้รวม 350 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ จะเปิดสาขาใหม่ในปีนี้เพิ่มขึ้น 5 สาขา ซึ่งปัจจุบันได้เปิดสาขาไปแล้ว 1 สาขา และกำลังจะเปิดอีก 1 สาขาให้บริการได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนที่เหลืออยู่พิจารณาทำเลที่เหมาะสมตามหัวเมืองจังหวัดในภูมิภาค ขณะที่สาขาเดิมมียอดขายที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% รวมถึงบริษัทฯ จะโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักแบรนด์ LDC มากขึ้น และมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการกับทางคลินิกของบริษัทฯ โดยจะมีการเจรจากับเอเจนซี่ในการหาลูกค้า โดยปัจจุบันมีลูกค้าต่างประเทศเพียง 1% เท่านั้น
ทั้งนี้บริษัทฯ คาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมาที่เฉลี่ยประมาณ 3-4% จากไตรมาส 1/2557 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 1.30% เพราะบริษัทฯ จะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นและจะมีการเพิ่มรายได้ค่ารักษาที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในส่วนของแพทย์จะปรับตัวลดลง ทำให้ Net Margin ของบริษัทฯ ดีขึ้น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้า Net Margin 3 ปีข้างหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสองหลัก จากแผนการเปิดสาขาใหม่และการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น

** FA - อันเดอร์ไรท์ ประสานเสียง LDC พื้นฐานแกร่ง - จังหวะเข้าเทรดเหมาะสม
ด้าน นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซส โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า LDC พร้อมเดินหน้า เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งสถานการณ์ทางการ เมืองที่สงบนิ่งและชัดเจน เรื่องการมีผู้ปกครอง ประเทศอย่างเป็นทางการ รวมถึงสภาวะตลาดหุ้นที่ยังไม่มีปัจจัยอะไรเข้า มากระทบให้น่ากังวล
“ราคา ไอพีโอที่ 1.50 บาท นั้น ผมมองว่าเป็นราคาที่เหมาะ สมที่จะดึงดูดและสร้าง ความน่าสนใจให้กับผู้ลง ทุน ที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้น LDC ประกอบ กับการมีปัจจัยพื้นฐาน แข็งแกร่งและรายได้ที่มี โอกาสขยายตัวอีกมาก จากการขยายสาขาอย่างต่อ เนื่องในอนาคต รวมถึงจุดเด่นของธุรกิจใน เรื่องมาตรฐานทางการรักษา และการบริการที่เป็น มาตรฐานเดียวกันทุกสาขา การเป็นศูนย์ทันตกรรมที่ ครบวงจรและเน้นการให้ บริการโดยทันตแพทย์เฉพาะ ทาง ทำให้ผมมั่นใจว่า หุ้น LDC จะไม่ทำให้ นักลงทุนผิดหวังและจะ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ น่าพอใจให้แก่ผู้ลงทุนได้ เป็นอย่างดี” นายสมภพ กล่าว
นาย วิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผย ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น LDC มั่นใจว่าราคาหุ้น จะยืนเหนือราคาจองที่ 1.50บาท ต่อหุ้นได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ เป็นที่สนใจของนักลงทุนเนื่องจาก ธุรกิจด้านทันตกรรมมี โอกาสเติบโตอีกมากจากความ ต้องการรับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพระดับสูง ขึ้น และLDC มีความพร้อมรอง รับผู้ต้องการรับบริการทางทันตกรรม จากปัจจัยข้างต้นเหล่านี้ เชื่อว่าจะสร้างความมั่น ใจให้กับนักลงทุน ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นใน กระดานเพิ่มเติมเพื่อมอง ถึงการลงทุนในระยะยาวกับ LDC และขอให้นักลง ทุนมั่นใจว่า LDC จะยึดมั่น ในการเป็นบรรษัทภิบาล และมั่นคงไว้ซึ่ง จรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ บริษัทฯ มั่นใจหลังเข้าทำการซื้อขาย LDC จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน
"เชื่อ มั่นว่าหุ้น LDC ที่จะเข้า ซื้อขายวันแรก 2 ก.ย. นี้ จะได้รับความสนใจจากนักลง ทุนอย่างดี เพราะได้รับแรงหนุนจาก พื้นฐานธุรกิจที่มีแนว โน้มเติบโตอย่างมากใน อนาคต และช่วงเปิดจองซื้อหุ้น ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค. ที่ผ่านมา. นักลงทุน สนใจจองซื้ออย่างมาก และคาดว่าจะมีนักลงทุน จำนวนมากรอซื้อบนกระดาน ประกอบกับผู้ร่วมจัดจำหน่ายทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย บล.ฟิลลิป ให้ราคาเหมาะสมที่ 2.62 บาทต่อหุ้น, บล.โนมูระพัฒนสิน ให้ราคาเหมาะสมที่ 2.50 บาทต่อหุ้น, บล. เคจีไอ ให้ราคาเหมาะสมที่ 2 บาทต่อหุ้น, บล.ฟินันเซียไซรัส และบล.แอพเพิล เวลธ์ ให้ราคาเหมาะสมที่ 1.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาเหมาะสมเฉลี่ย 5 โบรกที่ 2.14บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาจองซื้อไอพีโอที่ 1.50บาท ต่อหุ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมทันตกรรมมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากแผนการขยายสาขาของ LDC อย่างต่อ เนื่อง โดยการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ จะสามารถทำให้ LDC ขยายสาขา ได้รวดเร็วมากขึ้น จึงมองหุ้น LDC น่าสนใจ มีอัตราการเติบโตสูง อีกทั้ง ยังเป็นหุ้นทันตกรรมตัว แรกที่เข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ mai " นายวิชา กล่าว

** บล.ฟิลลิป เคาะราคาเหมาะสม 2.62 บ.
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ LDC ช่วง 2554 - 2556 เติบโตตามลำดับจากจำนวนห้องทันตกรรมที่เปิดให้บริการเพิ่มขึ้น 20 ห้อง ตามสาขาที่เปิดใหม่ 6 แห่งในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยรายได้การบริการทางการแพทย์มีอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 15.8% /ปี ขณะที่กำไรสุทธิขยายตัวในอัตราสูงเช่นกัน
การขยายตัวค่อนข้างโดดเด่นในปี 2555 จากการเปิดสาขา 3 แห่งเทียบกับเพียง 1 แห่งในปี 2554 โดยรายได้การบริการทางการแพทย์เติบโต 21.2% y-y มาที่ 314.10 ล้านบาท ขณะกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากเพียง 4.39 ล้านบาทมาที่ 11.25 ล้านบาท ด้าน Net Profit Margin ขยับขึ้นสู่ 3.6% จาก 1.7% y-y ในปี 2556 บริษัทขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่งทำให้รายได้และกำไรสุทธิขยายตัวได้ต่อ โดย ณ สิ้นปีมีสาขาจำนวน 20 แห่ง
ด้านผลการดำเนินงาน 1Q57 บริษัทมีรายได้ 85.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% y-y กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.11 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 1.3% ลดลง 72.45% y-y เนื่องมาจากบางสาขาได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง กอปรกับได้มีการปิดสาขาวัชรพลไปเมื่อสิ้น ก.พ. อีกทั้งเมื่อช่วงปลายปี 2556 บริษัทได้ขยายสาขาเพิ่ม 2 สาขา ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นในขณะที่รายได้จากทั้ง 2 สาขาดังกล่าวยังมีไม่มากพอ
ในช่วงที่เหลือของปี คาดเห็นการเปิดสาขาเพิ่มอีก 5 แห่ง ซึ่ง 2 แห่งได้มีการเปิดเผยแล้วคือที่รามอินทรา กม.10 และ ศาลายา ผลการขยายในปีที่ผ่านมาคาดส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปี 2557 โดยทางฝ่ายประมาณการรายได้การบริการทางการแพทย์เติบโต 18.8% y-y มาที่ 412.79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 54.5% y-y มาที่ 20.41 ล้านบาท
ทางฝ่ายคาดผลประกอบการปี 2558-2559 ขยายตัวโดดเด่นหลังบริษัทสามารถขยายสาขาได้รวดเร็วขึ้น จากเงินระดมทุนจากการเข้าจดทะเบียนในmai
ทั้งนี้ประมาณการจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น 20 แห่ง9jvปี ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2559 มีสาขารวม 64 แห่ง จำนวนห้องทันตกรรม 336 ห้อง การขยายสาขาคาดนำสู่ Economy of Scale ทำให้ช่วยลด Fixed Cost โดยทางฝ่ายคาดเห็นทั้ง Gross และ Net Profit Margin ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ
กำไรสุทธิปี 2558 ประเมินไว้ที่ 49.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.1% y-y และในปี 2559 คาดการเติบโตยังอยู่ในระดับสูงที่เกือบ 70.0% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 84.60 ล้านบาท
โดยประเมินราคาพื้นฐานปี 2558 อยู่ที่ 2.62 บาท อิง P/E ที่ระดับ 21 เท่า มองว่าหุ้น LDC มีความน่าสนใจจากอัตราการเติบโตที่สูง

** โนมูระ พัฒนสิน คาดกำไรปีหน้าก้าวกระโดด 136%
ส่วน บล.โนมูระพัฒนสิน ประเมินราคาเป้าหมายปี 2015F ของ LDC ที่ 2.50 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC 9% และ LTG 2%) LDC มีศูนย์ทันตกรรมรวม 19 แห่งทั่วกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง ลูกค้าเป้าหมายคือผู้มีรายได้ระดับ B+ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีฐานะเพียงพอในการจ่ายค่าบริการทันตกรรม จุดเด่นของ LDC นอกจากสาขาครอบคลุมพื้นที่แล้วยังมีรูปแบบบริการที่ทันสมัย เครื่องมือและบุคลากรครบครันเราชอบธุรกิจสถานพยาบาลเพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ผู้ที่ได้เปรียบด้านบุคลากรและเงินทุนจะยังสามารถเติบโตได้ดี
นอกจากนี้ ทันตแพทย์เป็นวิชาชีพที่ยังขาดแคลนบุคลากร โดยทั่วประเทศมีจำนวนทันตแพทย์ทั้งสิ้น 11,607 คน หรือ 1 ทันตแพทย์ต่อประชากร 5,553 คน ในขณะเดียวกันจากการสำรวจของสำนักงานทันตสาธารณสุขพบว่าคนไทยวัยทำงานสัดส่วน 37.9% ของทั้งหมดเพียงปีละ 1.7 ครั้ง/คน และสาเหตุหลักที่ไปพบแพทย์คือขูดฟัน ถอนฟันและขูดหินปูน เรามองว่าหากมีศูนย์ทันย์ทันตกรรมที่ทันสมัย สะอาดและบริการดี คนไทยน่าจะไปใช้บริการมากขึ้น นอกจากนี้การทันตกรรมเพื่อการรักษาความงามของฟันและรอยยิ้มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ LDC จะเติบโต 27%/136%/47% ในปี 2014/15/16F ตามลำดับ เพราะ 1) เราคาดเปิดสาขาใหม่ 5 สาขาในปี 2014F และปีละ 10 สาขาในปี 2015 - 16F ซึ่งรวดเร็วกว่าเดิมเพราะได้เงินเพิ่มทุน 2) การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะทำให้ LDC เป็นที่รู้จักมากขึ้นและลูกค้าจะมีความสนใจใช้บริการมากขึ้น 3) จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทำให้ GMP เพิ่มขึ้น SG&A ต่อรายได้ลดลง เป็นผลจาก Utilization rate จากห้องตรวจเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 62% และจะทำให้ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ อย่างไรก็ตามในระยะ 3 ปี ที่ผ่านมาอัตราการลาออกของทันตแพทย์เฉลี่ยที่ 12% ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทเป็นเพราะนโยบายผลตอบแทน และการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี นอกจากนี้บริษัทอาจมีความเสี่ยงจากการถูกผู้รับบริการฟ้องร้อง ซึ่งบริษัทได้พยายามสร้างมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเตรียมความพร้อมให้ผู้รับบริการก่อนและหลังบริการ ขั้นตอนการตรวจรักษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัยในการให้บริการ

** LDC เผย Q2/57 มีกำไร 2.63 ลบ.
ล่าสุด LDC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57 สิ้นสุด 30 มิ.ย. 57 ว่า มีกำไรสุทธิ 2.63 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.01 บาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 4.69 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท
ส่วนงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 3.74 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 8.71 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.06 บาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 สิ้นสุด 31 ธ.ค.56 มีกำไรสุทธิ 13.20 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.02 บาท จากปี 2555 มีกำไรสุทธิ 11.25 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.75 บาท

** ประวัติความเป็นมา
บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด เริ่มก่อตั้งในปี 2535 ภายใต้ชื่อ ลาดพร้าวทันตคลินิก โดยทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ ซึ่งจบการศึกษาด้านทันตแพทยศาสตร์ และมีประสบการณ์ในสาขา ด้านนี้ หลังจากดำเนินธุรกิจมาช่วงระยะหนึ่ง ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ ก็ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างระบบมาตรฐานของธุรกิจทันตกรรม เพื่อสร้างความน่าเชื่อ ถือให้กับองค์กร จึงได้มีการพัฒนาเป็นศูนย์ทันตกรรม ในนาม บริษัท ศูนย์ทันตกรรมลาดพร้าว จำกัด และจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2543 ด้วยทุนจด ทะเบียน 10,000,000 บาท ต่อมาในปี 2549 ได้เปลี่ยน ชื่อเป็น บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด โดยวางตำแหน่งธุรกิจในรูป แบบสาขาของศูนย์ทันตกรรม ทันตแพทย์เฉพาะทาง ในนาม LDC Dental ซึ่ง มุ่งเน้นให้บริการโดย ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทาง และเพิ่มศักยภาพการแข่ง ขันด้วยการขยายสาขาเรื่อย มา เพื่อให้สามารถบริการได้ ครอบคลุมเขตพื้นที่ชุมชน ของกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อ เนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานความสะอาดแบบ “ปลอดเชื้อ” และกำหนดมาตรฐานแนวทาง ป้องกันการติดเชื้อทางทันต กรรม รวมถึงระบบการเฝ้าระวังการ ติดเชื้อ การตรวจติดตามคุณภาพภายใน เพื่อให้สามารถส่งมอบบริการ ที่คุ้มค่า ปลอดเชื้อ ปลอดภัย ที่ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ ส่งผลให้ LDC Dentalได้ รับการรับรองมาตรฐาน HA ขั้นที่ 1 (Hospital Accreditation) จากสถาบัน รับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) The Healthcare Accreditation Institute (Public Organization) เป็น ศูนย์ทันตรรมแห่งแรกใน ประเทศไทย เป็นการยกระดับ มาตรฐานบริการ และมีแผนก้าวสู่การเป็น ผู้นำในธุรกิจการให้ บริการทางด้านทันตกรรม ภายใต้วิสัยทัศน์ที่วาง ไว้ คือ “ เราจะเป็นมืออาชีพด้าน บริการทันตกรรมและมีเครือ ข่ายที่ใหญ่ที่สุดใน เอเชีย


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com