April 26, 2024   11:12:07 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิดโผหุ้นงบQ3แผ่ว-แนะหลีกเลี่ยง
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 13/10/2014 @ 08:37:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

โบรกฯสั่งชะลอลงทุนหุ้นกลุ่ม "เกษตร -โรงกลั่น - สายการบิน - ค้าปลีก" คาดกำไร Q3/57 ชะลอตัว ด้าน"โนมูระ" แนะขาย TRUE คาดกำไรไตรมาส 3/57 เป็นจุดต่ำสุดของปี ส่วน PTTEP ยังถูกกดดันจากราคาน้ำมัน ด้าน"ทรีนีตี้" สั่งเลี่ยงหุ้นเช่าซื้อ หลังมองผลงาน Q3/57 ยังไม่ฟื้น แถมระดับ NPL ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มองสัปดาห์นี้หุ้นไทยผันผวน เหตุแนวโน้มผลประกอบการ บจ.อ่อนแอกดดัน ระยะสั้นให้แนวรับบริเวณ 1,550 จุด

** โบรกฯแนะชะลอลงทุนหุ้นงบ Q3/57 ไม่ดี
บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้นำเสนอหุ้นที่งบ 3Q57 เป็นช่วง low season หรือผลประกอบการชะลอตัว ซึ่งควรหลีกเลี่ยงในการลงทุน หรือให้รอจังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัว ดังนี้
กลุ่มเกษตร-ยางพารา : สถานการณ์ราคายางโลกยังอยู่ในช่วงขาลง สะท้อนได้จากราคาเฉลี่ยของยางแผ่นรมควันอ้างอิงตลาดสินค้าล่วงหน้าในสิงคโปร์ (SICOM) งวด 3Q57 ลดลงจาก 2Q57 กว่า 5.68% โดยแนวโน้มราคายางโลกในช่วง 3Q-4Q57 คาดว่าจะยังมีโอกาสปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยกดดันหลักๆ จากปัญหาผลผลิตยางล้นตลาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณสต็อกยางยางพาราในเมืองชิงเต่า ประเทศจีน ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว ตามนโยบายจำกัดปริมาณสั่งซื้อยางธรรมชาติเพื่อลดแรงเก็งกำไรของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งปริมาณความต้องการใช้ยางในจีนปรับลดลงเช่นกัน โดย STA (FV@B 16) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพารารายใหญ่ของไทย น่าจะได้รับผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q-4Q57 เนื่องจากต้องรับรู้ผลขาดทุนจากสต็อกสินค้าคงคลังอย่างมีนัยฯ และมีความเสี่ยงที่อาจปรับลดประมาณการทั้งปี 2557 หากทิศทางราคายางโลกยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มโรงกลั่น : ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบอ้างอิงดูไบเฉลี่ย ณ สิ้นงวด 3Q57 ลดลงจาก 2Q57 ราว 4.5% โดยมีปัจจัยกดดันยังมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี รวมทั้งอุปทาน น้ำมันดิบที่ล้นตลาด หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียยังไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในประเทศลง รวมทั้งการผลิตน้ำมันดิบจากลิเบียที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์ยังทรงตัวจากเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้คาดการณ์งวด 3Q57ผู้ประกอบการโรงกลั่น ต้องเผชิญกับผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ (ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ) ขณะที่ค่าการกลั่นงวด 3Q57 ยังปรับลดลงมากถึง 23% QoQ คาดว่า TOP (FV@B 56) อาจมีผลประกอบการขาดทุน ขณะที่ BCP (FV@B 36) และIRPC (FV@B 3.8) ผลการดำเนินงานงวด 3Q57 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง ส่วน PTTGC (FV@B 84) ธุรกิจโรงกลั่นอ่อนตัวเช่นกัน แต่จะได้ธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ช่วยพยุง
กลุ่มสายการบิน : คาดว่างวด 3Q57 จะยังไม่สดใสนัก โดย AAV (FV@B 4.8) และ THAI (FV@B 13.7) ที่ยังมีความเสี่ยงเผชิญขาดทุนปกติในงวด 3Q57 เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว รวมทั้งการแข่งขันด้านราคาจากการเพิ่มสัดส่วนตั๋วราคาถูกมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการเดินทาง อย่างไรก็ตามกลุ่มสายการบินน่าจะกลับมาสร้างกำไรทำระดับสูงสุดของปีได้ใน 4Q57 ด้วยนโยบายการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หนุนใช้ปริมาณผู้ใช้บริการให้เพิ่มขึ้น คาดว่า AAV ผลประกอบการปีนี้ไม่ขาดทุน ส่วนTHAI ปีนี้น่าจะยังขาดทุน และทั้ง 2 บริษัทน่าจะกลับมาสร้างผลกำไรปกตินับจากปีหน้า นอกจากนี้ กลุ่มสายการบินยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบโลกช่วงหลังที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ราว 95 เหรียญต่อบาร์เรล เป็นประโยชน์ต่อต้นทุนหลัก คือ ต้นทุนน้ำมัน (สัดส่วน30%-40% ของต้นทุนรวม)
กลุ่มค้าปลีก : โดยปกติไตรมาสที่สามของปี มักจะเป็น Low season (ฤดูฝน) ของกลุ่มค้าปลีก สำหรับปีนี้งวด 3Q57 คงยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างมีนัยฯ เนื่องจากผู้บริโภคยังค่อนข้างระมัดระวังการใช้จ่าย จากภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมงวด 3Q57 น่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงกับช่วง 1H57 ที่ราว 3% yoy แต่เชื่อว่าแนวโน้มกำไรงวด4Q57 จะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นที่ชัดเจน จากภาพรวมเศรษฐกิจที่คาดจะเริ่มเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลปลายปี คาดจะช่วยหนุนให้ยอดขายสาขาเดิมทั้งกลุ่มฯ กลับมาเติบโตโดดเด่นไม่ต่ำกว่า 5% yoyนอกจากนี้ อีกปัจจัยสนับสนุนคือ การเปิดสาขาใหม่ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นเปิดในงวดครึ่งหลังของปีเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มฯ ซื้อขาย ณ ระดับ PER ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดก่อนหน้า ที่ราว 33 เท่า จึงคาดหวังการกลับมา Outperform อีกครั้งได้ยากในช่วงระยะสั้น

** "โนมูระ" แนะขาย TRUE คาด Q3/57 เป็นจุดต่ำสุดของปี
บทวิเคราะห์ บล. โนมูระพัฒนสิน ระบุว่า เรามีมุมมอง Slightly negative ต่อผลขาดทุน 3Q14F โดยคาดจะทำจุดตํ่าสุดของปี (แย่กว่า BBconsensus ที่ -948 ล้านบาท) ในขณะเดียวกัน ด้วยเรามองว่าการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน 4Q14F และปี 15F ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยคงประมาณการ EBITDA ปี 14F-15F โตขึนE เฉลี่ย +21% ต่อปีประกอบกับ เชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าวไปมากแล้ว โดยซื้อขายบน EV/EBITDA ปี 15Fที่สูงสุดในกลุ่มมือถือที่ 12 เท่า ท่ามกลางขาดทุนสะสมของ TRUE ที่สูงกว่า -62,668 ล้านบาท เราจึงคาด TRUE จะยังไม่สามารถจ่ายปันผลได้ในช่วง 1-2 ปี นี้ดังนั้นเราจึง คงคำแนะนำ “ขายทำกำไร”
นอกจากนี้เรามุมมอง Slightly Negative ต่อ PTTEP เนื่องจากแนวโน้มกำไร 3q14F ต่ำกว่าที่เราคาดไว้เดิมเนื่องจากมีผลขาดทุนจากการเจาะหลุมแห้งในโครงการ Maple east และ Kenya รวม US$110mn ส่งผลให้ เราคาดกำไรไตรมาสนี้เพียง 12,990 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 28.6% q-q และ 27% q-q ในระยะสั้น เชื่อว่าราคาหุ้นของ PTTEP จะยังถูกกดดันจากราคามันดิบที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำที่ US$90/bbl อย่างไรก็ตามในระยะยาว เชื่อว่า PTTEP จะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากกำลังการผลิตีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 10% y-y ในปี 2015F ส่งผลให้เราคงนำแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 189 บาท

** "ทรีนีตี้" สั่งเลี่ยงหุ้นเช่าซื้อ หลังมองผลงาน Q3 ยังไม่ฟื้น
บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ตลาดหุ้นจะยังไม่มีการปรับตัวไปไหนไกล และยังอยู่ในช่วงพักฐานอยู่ ดังนั้นยังคงแนะนำให้อาศัยช่วงที่ดัชนีรีบาวด์ในการลดพอร์ตและมองจุดสะสมหุ้นที่น่าสนใจบริเวณ 1520-1540 จุดเช่นเดิม โดยในกรณีเลวร้ายสุดมองว่า SET Index จะไม่หลุดระดับ 1500 จุดในเดือนนี้
แนะนำหลีกเลี่ยง/ลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารเช่าซื้อในช่วงนี้ไปก่อน (TISCO, TCAP, KKP) หลังการ Preview ผลประกอบการไตรมาส 3 พบว่าธุรกิจเช่าซื้อยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ระดับ NPL ยังมีแนวโน้มไม่หยุดนิ่ง รวมถึงระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงอยู่ มองหุ้นในกลุ่ม ธนาคารฯ ที่น่าสนใจได้แก่ KTB, KBANK สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ และ LHBANK, TMB สำหรับธนาคารขนาดกลาง-เล็ก
ส่วนPTTEP : คาดแนวโน้มผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีอ่อนแอ โดยถึงแม้ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบด้านราคาน้ำมันดิบไปพอสมควรแล้วแต่ยังขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น เนื่องจากแนวโน้มไตรมาส 4 มีแรงกดดันจากราคาก๊าซที่อ่อนตัวและอุปสงค์ที่ชะลอตัวตามฤดูกาล ยังคงชื่นชอบ PTT มากที่สุดในกลุ่มพลังงาน โดยมองว่าเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน

** คาดสัปดาห์นี้หุ้นไทยผันผวน แนวโน้มงบ Q3/57 อ่อนแอกดดัน
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะผันผวน ซึ่งปัจจัยที่ต้องติดตามส่วนใหญ่อิงกับต่างประเทศเป็นหลัก หากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศในสัปดาห์หน้าออกมาดีก็จะช่วยผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนได้ อย่างไรก็ตามในช่วงหลังกลางเดือนนี้ทางยูโรโซนน่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลกระทบทิศทางการลงทุนของต่างชาติและภายในภูมิภาคอย่างแน่นอน ทั้งนี้ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/57 ในช่วงครึ่งเดือนหลังของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์,หุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีคาดว่าจะอ่อนตัวกว่าไตรมาสที่ผ่านมา มีโอกาสที่จะกดดันให้ดัชนีฯแกว่งตัวลงอีก
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ทยอยซื้อเมื่อดัชนีฯปรับตัวขึ้น และเพิ่มพอร์ตหากดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1,580 จุด ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 1,570-1,550 จุด และแนวต้านที่ 1,580 จุด



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com