ตลาดหุ้นไทยผันผวนสุดขีด หลังปรับตัวลดลงแรง 98 จุด หรือกว่า 6% ก่อนจะรีบาวน์กลับขึ้นมาปิดตลาดยืนเหนือ 1,400 จุด หรือลดลง 36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.3 แสนล้านบาท ทำสถิตินิวไฮนับตั้งแต่เปิดตลาด ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ที่ 35.90 บาทต่อดอลลาร์ ด้านโบรกเกอร์มอง ความกังวลจากปัจจัยภายในประเทศกดดันตลาด โดยตลาดยังมีความผันผวนและเปราะบาง

***หุ้นไทยรีบาวน์ยืนเหนือ 1,400 จุด
ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงต่อเนื่องตลอดทั้งวันนี้ โดยเปิดตลาดที่ 1,432.42 จุด ก่อนปรับลดลงต่อเนื่องปิดตลดาเช้าที่ 1,404.39 จุด ลดลง 37.82 จุด หรือ 2.62% มีมูลค่าการซื้อขาย 43,951.49 ล้านบาท ช่วงบ่ายตลาดยังร่วงหนักกว่า 90 จุด หลุด 1,400 จุด มาอยู่ต่ำสุดของวันที่ 1,343.13 จุด จากความกังวลของปัจจัยภายในประเทศ ก่อนจะรีบาวน์ยืนเหนือ 1,400 จุด และ ปิดตลาดที่ 1,406.18 จุด ลดลง 36.03 จุด คิดเป็น 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130,035.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าซื้อขายสูงสุดในรอบ 41 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2518 โดยมีหุ้น พลังงาน ธนาคาร และ ค้าปลีกกดดันตลาด
ทั้งนี้ ปริมาณการซื้อขายวันนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 411.36 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 1,221.54 ล้านบาท บัญชีโบรกเกอร์ขายสุทธิมากสุด 3,023.47 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปเข้าซื้อสุทธิ 4,656.37 ล้านบาท

***CLSA ชี้หุ้นร่วงแรงเป็นจังหวะทยอยเข้า
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือCLSA เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงจากความกังวลปัจจัยภายในประเทศ ส่วนตัวประเมินว่าเป็นโอกาสที่ดีมากในการเข้าซื้อ เพราะปัจจัยพื้นฐานประเทศไม่เปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น และรวมถึงแนวโน้มบริษัทจดทะเบียนมีทิศทางเชิงบวก ซึ่งความกังวลที่เกิดขึ้นขณะนี้ตลาดได้ทยอยรับรู้ไปมากแล้วพอสมควร ดังนั้นวิกฤตที่เกิดกับตลาดหุ้นจึงถือเป็นโอกาสในการเข้าสะสม แม้ในแง่การกระทำอาจทำได้ยากพอสมควร
สำหรับนักลงทุนสถาบันต่างชาติไม่มีความกังวลเรื่องปัจจัยภายในประเทศที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่น่าจะอยู่ในระหว่างรอเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่ราคาเริ่มถูก และพื้นฐานดีที่อยู่ในความสนใจมากกว่า เพราะเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติยังมองเห็นโอกาสการลงทุนในไทยอีกมาก
นอกจากนี้ แนะนำนักลงทุนเพิ่มพอร์ตการลงทุนให้มากขึ้น และถือเงินสดน้อยลง เพราะถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อ โดยแนะนำหุ้น Top Pick คือ WHA UNIQ และ KKP โดย บล.ซีแอลเอสเอ ประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า จะอยู่ในระดับ 1,710 จุด

***เงินบาทอ่อนค่าสุดรอบ 9 เดือน หลังหุ้นร่วงหนัก
นักค้าเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทช่วงบ่าย อ่อนค่าลงแรงต่อเนื่อง ตามทิศทางตลาดหุ้น จากช่วงเช้าที่เปิดตลาด 35.35-35.36 บาทต่อดอลลาร์ โดยอ่อนค่าแรงและเร็ว แตะ 35.90 บาท/ดอลาร์ ซึ่งต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ก่อนกลับมาแข็งค่าเล็กน้อยปิดตลาดที่ 35.74-35.76 บาท/ดอลลาร์ โดยนักลงทุนกังวลปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก ประกอบดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงแรง ทำให้เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าภูมิภาค

*** โบรกฯ คาดพรุ่งนี้หุ้นไทยผันผวนสูง เปราะบาง
นาวสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยดิ่งหนัก โดยเฉพาะช่วงบ่ายที่เริ่มเปิดการซื้อชาย ดัชนีฯ ร่วงเกือบ 100 จุด ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เหลือติดลบ 30 กว่าจุด มองว่าเป็นแรงกดดันเฉพาะตัวภายในประเทศ ที่มีกระแสข่าวลือมากมาย โดยที่ยังไร้ความชัดเจน
"ดิ่งแรงเกือบ 100 จุด แต่เด้งขึ้นมาเร็ว เพราะกระแสข่าวลือยังไม่ยืนยัน ตลาดหุ้นจะยังเปราะบางมากและผันผวนสูง" นางสาวธีรดากล่าว
ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วในช่วงบ่าย ต้องติดตามว่าเป็นแรงขายจากหุ้นหรือพันธบัตร เพราะบางครั้งซื้อสุทธิหุ้น แต่ขายพันธบัตร ค่าเงินอ่อนค่าได้เช่นกัน ฉะนั้น จึงต้องติดตามว่านักลงทุนต่างชาติซื้อหรือขายสุทธิในตลาดหุ้นหรือตลาดพันธบัตรอย่างไรบ้าง
สำหรับพรุ่งนี้ คาดหุ้นไทยยังคงผันผวนสูง เพราะตลาดฯ ยังเปราะบางด้วยปัจจัยกดดันเฉพาะตัวภายในประเทศ ที่กระแสข่าวลือต่าง ๆ ยังไม่มีความชัดเจน จึงกลบประเด็นอื่นหมด ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย Q3/59 และปัจจัยต่างประเทศกรณีแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ด้านกลยุทธ์ แนะชะลอลงทุน และกลับมาพิจารณาเก็งกำไรอีกครั้งเมื่อดัชนีฯ เริ่มนิ่งมากขึ้นตามแนวรับ 1,400 1,380 และ 1,350 จุด ตามลำดับ โดยจำกัดพอร์ตราว 20-30% ส่วนการซื้อลงทุน พิจารณาที่ดัชนีฯ 1,330 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ค่า forward PE ปีนี้ 14 เท่า และปีหน้า 13 เท่า เป็นจุดน่าสนใจซื้อลงทุน พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,400-1,380 จุด แนวต้าน 1,420 จุด