April 27, 2024   2:00:51 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > BANPUกำไรโต500%อานิสงส์ถ่านหินพุ่ง
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 29/11/2016 @ 08:42:35
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

"บ้านปู" คาดผลการดำเนินงานปี 60 ดีกว่าปีนี้ หลังราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 75-85 เหรียญต่อตัน ขณะที่ปริมาณขายทรงตัวที่ 45 ล้านตัน ขายล่วงหน้าแล้ว 40% ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง พร้อมตั้งงบลงทุนปีหน้า 135 ล้านเหรียญ เพิ่มประสิทธิภาพเหมือง เล็งซื้อเหมืองถ่านหินอินโดนีเซีย เพิ่มปริมาณสำรองเป็น 15 ปี ด้านโบรกฯมองกำไรปี 60 โตไม่ต่ำกว่า 500% ให้ราคาพื้นฐาน 22.50-23 บาท

*** มั่นใจงบปี 60 ดีกว่าปีนี้ เหตุราคาขายถ่านหินสูงขึ้น
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจ และจัดงบลงทุนปี 60 คาดว่าจะแถลงรายละเอียดได้ในเดือน ก.พ.60 แต่เบื้องต้นประเมินว่า ผลการดำเนินงานในปีหน้าจะสูงกว่าปีนี้ เนื่องจากราคาถ่านหินมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองว่าราคาถ่านหินปีหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 75-85 เหรียญต่อตัน สูงกว่าเฉลี่ยปีนี้ที่ 60 เหรียญต่อตัน
ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปีหน้าต้องรอการทำแผนธุรกิจและเปิดเผยได้ในเดือน ก.พ.60 แต่คาดว่าจะมีทิศทางสูงกว่าปีนี้ที่เฉลี่ยประมาณ 50 เหรียญต่อตัน จากแนวโน้มราคาถ่านหินปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าหงสาเดินเครื่องผลิตดีขึ้นหลังจากปี 59 ที่มีการหยุดผลิตทั้ง 3 ยูนิต จากมีปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ ซึ่งจะหนุนรายได้ปีหน้าดีขึ้น โดยหลังจากการซ่อมกำลังการผลิตเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนแรกปี 59 บริษัทมีรายได้ 59,377.82 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 168.14 ล้านบาท จากปี 58 ที่มีรายได้ 88,168.04 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1,534.25 ล้านบาท

*** คาดปริมาณขายถ่านหินทรงตัวที่ 45 ล้านตัน
นางสมฤดี เปิดเผยว่า สำหรับปริมาณขายถ่านหินปี 60 คาดอยู่ระดับใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 45 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันได้มีการขายล่วงหน้าแล้ว 40% โดยแบ่งเป็น 10% กำหนดราคาคงที่ ส่วนอีก 30% กำหนดราคาแบบลอยตัว และคาดว่าภายในไตรมาส 1/60 จะขายล่วงหน้าเพิ่มเป็น 60-70% และภายในไตรมาส 3/60 ขายล่วงหน้าเพิ่มเป็น 90%
ทั้งนี้ ในปี 60 บริษัทฯจะใช้งบลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพกำลังการผลิต 135 ล้านเหรียญ แบ่งเป็นใช้ลงทุนที่เหมืองอินโดนีเซีย 35 ล้านเหรียญ และเหมืองที่ออสเตรเลีย 100 ล้านเหรียญ
"งบลงทุนปี 60 บริษัทจะแถลงในเดือน ก.พ. ซึ่งมีแผนลงทุนโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่นและจีน และแผนเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาซื้อเหมืองที่อินโดนีเซีย และการลงทุนซื้อเชลล์แก๊สที่สหรัฐฯเพิ่ม แต่ในแง่ของงบปรับปรุงประสิทธิภาพกำลังการผลิตจะใช้ที่ 135 ล้านเหรียญ ส่วนแนวโน้มราคาถ่านหินมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทไม่ได้เร่งในการนำถ่านหินมาขาย เพราะจะเน้นขายถ่านหินที่มีคุณภาพที่ดี และเน้นเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหิน จึงคาดว่าปริมาณขายถ่านหินปี 60 จะใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 45 ล้านตัน"นางสมฤดี กล่าว

*** ลุยซื้อเหมืองอินโดฯเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหิน
นางสมฤดี กล่าวด้วยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนซื้อเหมืองถ่านหินที่อินโดนีเซีย เพื่อที่จะเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินของบริษัทฯจาก 8 ปีให้เป็น 15 ปี ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งขณะนี้พิจารณาอยู่หลายเหมือง ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าจะซื้อได้ภายในปีหน้าหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับการเจรจา โดยยืนยันบริษัทมีความพร้อมของแหล่งเงินทุนที่จะใช้ทั้งกระแสเงินสดและการกู้เงินจากสถาบันการเงิน

*** บัวหลวงแนะนำซื้อ ให้พื้นฐาน 23 บาท
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)บัวหลวง ระบุว่า แนะนำ"ซื้อ" BANPU โดยใช้ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) ที่ 23 บาท /หุ้น เพราะมองว่าราคาถ่านหินในปี 60 จะอยู่ที่ 75เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้มองกำไรของ BANPU ได้แตะจุดต่ำสุดแล้ว และบริษัทกำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองในอนาคตอันใกล้ จากการทำแบบทดสอบโดยการตั้งสมมุติฐาน Bear และ Bull ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) ของเราอยู่ระหว่าง 19.50บาท - 26.50 บาท/หุ้น ซึ่งชึ้ให้เห็นแนวโน้มราคาปรับลงจากระดับปัจจุบันมีจำกัด แต่มีโอกาสในการปรับเพิ่มขึ้นสูง หากมองทางด้านอัตราส่วนราคาหุ้นปัจจุบันที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นมีอยู่มาก
ทั้งนี้จากค่า ROE ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เราเชื่อว่าค่า PBV/ROE จะเคลื่อนไหวเข้าสู่ค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 0.15x ซึ่งหมายถึงราคาที่อย่างน้อย 20.40บาทต่อหุ้น โดยได้สรุป ปัจจัยด้านประเด็นการลงทุนของบริษัท BANPU ไว้ดังต่อไปนี้ 1.ราคาของถ่านหินที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลต่อแนวโน้มที่สดใสในปีหน้า 2.แนวโน้มกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต 3.ราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หักกลบต้นทุนที่สูง

*** เคจีไอ มองปี 60 บ้านปูกำไรโต 500%
บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุว่า คาดผลประกอบการปี 59 ของ BANPU จะพลิกมาเป็นกำไรสุทธิ 853 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาทในปี 58 ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากผลขาดทุนพิเศษจากตราสารอนุพันธ์ 2.1 พันล้านบาท แต่คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติในปี 59 จะดีขึ้น YoY จากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจถ่านหิน ซึ่งเกิดจากการประหยัดต้นทุน และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้าหลังจากที่โครงการโรงไฟฟ้าหงสาเริ่ม COD
ขณะเดียวกัน คาดว่ากำไรสุทธิปี 60 จะโตถึง 518% YoY เป็น 5.3 พันล้านบาท จากราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยเราใช้สมมติฐานว่าราคาถ่านหินจะอยู่ที่ US$70/ton ในปี 2560 และจะเพิ่มขึ้นปีละ US$5/ton ไปจนถึง US$85/ton และทรงตัวอยู่ที่ระดับนั้นในระยะยาว ซึ่งส่งผลให้สมมติฐานราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของ BANPU ในปี 60 เพิ่มขึ้น 16% YoY เป็น US$58/ton
ทั้งนี้ ประเมินราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 22.50 บาท ด้วยวิธี SoTP โดยประเมินมูลค่าธุรกิจถ่านหินไว้ที่ 12.10 บาท ซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF ใช้ WACC ที่ 6.6% และ terminal growth ที่ 0.9% และประเมินมูลค่าธุรกิจโรงไฟฟ้าไว้ที่ 10.40 บาท โดยให้ discount 10% จากมูลค่าหุ้น BANPU Power Pcl. (BPP.BK/BPP TB) ซึ่ง BANPU ถืออยู่ 77% โดยแนะนำซื้อ



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com