*หากเปรียบอาการของตลาดหุ้นไทยในรอบสัปดาห์จะเห็นว่า ไม่สุดซอย ! ทั้งในช่วงที่เป็น “ขาขึ้น” ก็ขึ้นไม่สุดเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น หรือแม้กระทั่งในช่วงที่เป็น “ขาลง” ก็ลงไม่สุดอีกเช่นกัน ส่งผลให้บรรยากาศของการลงทุนไม่เลิศเหมือนที่คิดไว้ พร้อมกับสร้างความอึดอัดใจให้กับพวกนักเล่นอ่อนประสบการณ์ “โมนิก้า” ถึงแนะนำให้แฟนคลับพยายามทำตัวเป็นสนต้องลมไงล่ะคะ

*เนื่องจากดัชนีคงแกว่งตัวไปมาแบบนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมกับพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,730 จุดเป็นครั้งที่ 3 ในไม่ช้า “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับหัดเล่นทั้ง “เกมรุก” และ “เกมรับ” เพราะเกมหุ้นเที่ยวนี้สวิงแรงกว่าปกติหลายเท่า รวมทั้งปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบก็หนักไปในทางข่าวร้ายเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีถึงไม่สามารถขยับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนแถว 1,750 จุดได้สักทีเจ้าค่ะ

*วานนี้ถึงเป็นอีกครั้งที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,721.21 จุด ลบไป 0.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.69 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเห็นได้จากหุ้นบลูชิพยังติดหล่มอยู่ที่เดิม หุ้นขนาดกลางยังไม่นิ่งอย่างที่ควรจะเป็น และหุ้นขนาดเล็กก็เป็นเพียงทางเลือกแค่สั้น ๆ นะจะบอกให้

*ประเด็นดังกล่าวดูได้จาก TOP พยายามเทกตัวผ่านแนวต้าน 86 บาทเป็นเวลาร่วมสัปดาห์ จนวานนี้วิ่งขึ้นมาปิดที่ 86 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 958 ล้านบาท ย่อมเป็นแรงกระตุ้นให้นักเล่นมีความหวังขึ้นมาในทันที แต่ในความเป็นจริงต้องติดตามดูว่า แรงซื้อเที่ยวนี้หนาแน่นขนาดไหน ? น้องโมถึงมองเป็นเรื่องที่ทำตัวลำบากเหลือเกินจ้า !

*คล้ายกับกรณีของ TISCO ทุกประการ..ในเมื่อเห็นกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ผลงานยังเข้าตากรรมการ แถมอนาคตก็ยังเปิดกว้าง หุ้นควรทะยานขึ้นไปไกลกว่านี้ ! แต่เผอิญโดนสอยร่วงลงมาเสียก่อน มันใช่เหตุสมควรหรือเปล่า ? “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองกันเอาเองว่า การขึ้นมาปิดที่ 83.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 378 ล้านบาท แถมเป็นการซื้อขายบน P/E 10 เท่า มันต่ำเกินไปจริงไหม ?

*ส่วนในรายของ SGP ก็เข้าคอนเซ็ปต์ข้างต้นทุกประการ ก็ในเมื่อธุรกิจยังไปได้สวย แถมกำไรปลายปีเป็นช่วงพีก “โมนิก้า” ย่อมใจอ่อนเพื่อให้เครดิตหุ้นตัวนี้มากเป็นพิเศษ วานนี้ถึงเห็นขาลุยเข้ามาไล่ราคาไม่ยั้ง จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 12.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 293 ล้านบาท ก็ยังเป็นการซื้อขายบนค่า P/E 9 เท่าแบบนี้..ใส่เต็มเหนี่ยวเลยนะตัวเอง !

*สำหรับในรายของ RS มาด้วยคอนเซ็ปต์ Disruption ย่อมเป็นที่สนใจสำหรับสาวใสวัยมันอย่าง “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นตัวนี้ทะยานขึ้นมาปิดที่ 18.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 195 ล้านบาทอย่างร้อนแรง พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นในใจผู้เล่นว่า หุ้นเทรดบน P/E 35 เท่า..มันมากเกินไปไหม ? เดี๊ยนขอตอบเลยว่า หากโมเดลธุรกิจใหม่ตอบโจทย์ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล หุ้นก็จะไปได้อีกนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ TTCL กระชากขึ้นมาปิดที่ 9.55 บาท บวกไป 1.15 บาท หรือขึ้นไป 13.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 222 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการบวกเชิงสัญลักษณ์ที่ทำให้นักเล่นได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเงินในการทำธุรกิจ ซึ่งผู้คนมากมายมีความหวังกับโปรเจกต์ในอนาคตเป็นอย่างยิ่ง จึงกลายเป็นหุ้นทีเด็ดที่นักเล่นต้องติดตามดูผลงานเป็นระยะนะคะ

*คล้ายคลึงกับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของหุ้น DDD ก่อนจะปิดเกมไปที่ระดับ 49.25 บาท บวกไป 5.25 บาท หรือขึ้นไป 11.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 265 ล้านบาท ก็มาด้วยกระแสข่าวที่ถูกปล่อยออกมาเป็นชุดว่า กำไรไตรมาส 3 น่าจะออกมาดี บรรดากองทุนตัวแสบเลยกระโจนใส่มือเป็นระวิงนั้น “โมนิก้า” ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า อย่าไว้ใจทาง ! เดี๋ยวจะเจ็บกระดองใจแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะของมันเคยเห็นกันมาแล้วนะซี

*ถ้าต้องการเห็นตัวอย่างที่มันชัด ๆ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันมามองเจ้าจำปี THAI เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจพวกอ่อนหัดสักนิดหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้เคยกระชากจากระดับ 13 บาท ขึ้นไปยืนบริเวณ 15 บาท ต่อจากนั้นก็ร่วงกลับลงมาที่เดิม ขณะที่วานนี้เด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 13.70 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 195 ล้านบาท ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไหม ? ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

*เว่อร์วัง..อลังการ ต้องยกให้กับหุ้นน้ำแข็งใส AU ทะยานขึ้นมาปิดที่ 7.95 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 158 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลลัพธ์สามารถออกได้ 2 หน้า ซึ่งในที่นี้มีการตีความกันไปในโทน “ขึ้นเพื่อลง” กับ “ขึ้นเพื่อไปต่อ” บวกกับหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงเต็มตัวเสียด้วย..วันนี้ได้ลุ้นสนุกแน่ ๆ พะยะค่ะ