ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ม.ค.62 ปิดที่ 1,583.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.47 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 48,270.79 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,902.08 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด SCB ปิด 128.50 บาท ลบ 8 บาท, KBANK ปิด 183 บาท ลบ 1.50 บาท, CPALL ปิด 74.75 บาท บวก 0.50 บาท, PTT ปิด 48.25 บาท บวก 1 บาท และ BBL ปิด 199.50 บาท ลบ 3.50 บาท

วันก่อน “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ชี้แจงเรื่องที่นักลงทุนกังวลว่าบริษัทอาจต้องมีการจัดชั้นลูกหนี้ใหม่ และทำให้ต้องกันสำรองฯมากขึ้น ซึ่ง “ชูชาติ” ยืนยันว่า MTC ได้บันทึกการลงบัญชีโดยนำเงินค่างวดไปตัดเงินต้นและดอกเบี้ยค้างจ่ายพร้อมกันตามเกณฑ์ของ ธปท.อยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อการรับรู้รายได้และดอกเบี้ยที่ลดลง

ดังนั้น MTC จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดชั้น ลูกหนี้ NPL ใหม่แต่อย่างใด ขณะที่ NPL ของบริษัทต่ำมาก โดยปีนี้ยังวางเป้าคุมสัดส่วนหนี้ NPL ที่ระดับไม่เกิน 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.26% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระบบ!!

ล่าสุดออกมาชี้แจงอีกว่า MTC ปล่อยสินเชื่อบุคคล (Personal Loan) ได้ทั่วประเทศ โดยไม่จำกัดวงเงิน ขึ้นกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ และบริษัทไม่ได้ทำ PICO Finance ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ที่กำหนดวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อรายและปล่อยเป็นรายจังหวัด

โดยแผนธุรกิจปีนี้เตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีสาขากว่า 3,900 สาขาทั่วประเทศ ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่โต 35% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อจากปีที่แล้วที่คาดว่าจะโตกว่า 40% ส่วนหลักเกณฑ์ P-loan ที่ ธปท.เตรียมประกาศใช้จะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้ MTC เนื่องจากปัจจุบันมี P-Loan ทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่ กำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้ที่ 28% ปัจจุบันบริษัทคิดดอกเบี้ยเพียง 23% ทำให้มีช่องว่างในการขึ้นดอกเบี้ย หากต้นทุนการเงินสูงขึ้น

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส เผยว่า การจัดชั้น NPL แบบใหม่ กระทบแบงก์บางแห่ง แต่ไม่กระทบ MTC แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 56 บาท ส่วนทิสโก้ให้มูลค่าเหมาะสม MTC ที่ 55 บาท, เคทีบีให้ 57 บาท ขณะที่ ดีบีเอสวิคเคอร์สให้พื้นฐาน 63 บาท และฟินันเซียไซรัสให้เป้า 60 บาท!!