ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 ก.พ.62 ปิดที่ 1,652.64 จุด ลดลง 3.09 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 45,882.01 ล้านบาท ต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิต่ออีก 2,444.68 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 48.25 บาท ลบ 0.75 บาท, TRUE ปิด 5.45 บาท บวก 0.25 บาท, ADVANC ปิด 184.50 บาท บวก 2.50บาท, KCE ปิด 29 บาท ลบ 3.50 บาท และ CPALL ปิด 77.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

หุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบ แต่หุ้นโทรคมนาคมเด้งขึ้นได้จากความคาดหวังในการขยายเวลาการชำระค่างวดคลื่น 900Mhz แต่ปัจจัยจากการเมืองในประเทศยังกดดันตลาดในภาพรวมอยู่

มีข่าวจากสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “ไมโซ ดาส” นักกลยุทธ์ตลาดหุ้นเอเชียเจพีมอร์แกนคาดว่า ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ หลังปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา

ผ่านพ้นไปแล้ว และราคาหุ้นได้สะท้อนไปหมดแล้วทำให้ยังมีอัปไซด์

อีกมากสำหรับตลาดหุ้นเอเชียในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้

ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนมีความกังวลกับปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้นเอเชีย ทั้งความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเข้าสู่ภาวะถดถอย การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ แต่ความกังวลเหล่านั้นได้สะท้อนในราคาหุ้นไปหมดแล้ว

จากแรงเทขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมถึงตลาดหุ้นสำคัญในอาเซียน เช่น สิงคโปร์ ไทย และฟิลิปปินส์ และนักลงทุนเริ่มรับรู้ว่าภาวะที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม เจพีมอร์แกนแนะนำนักลงทุนลงทุนในหุ้นคุณค่า หรือ value stock หรือหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยเลือกตลาดหุ้น

จีน สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ พร้อมกับเตือนว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนอาจชะลอลงในครึ่งปีหลัง โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากปัจจัยเสี่ยงในภาคการค้าระหว่างประเทศ

ปิดท้าย “วิทัย รัตนากร” เลขาธิการ กบข. ฝากมาบอกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงการยื่นแบบภาษีประจำปี แนะนำให้สมาชิก กบข. นำใบแจ้งยอดเงินประจำปี 61 เป็นหลักฐานยื่นลดหย่อนภาษีประจำปีจากการสะสมเงินเข้ากองทุน โดย กบข.ได้จัดส่งใบแจ้งยอดเงินออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.62 ไปยังอีเมลของสมาชิกที่ลงทะเบียนล่วงหน้าไว้กับ กบข. แต่หากสมาชิกไม่ได้ลงทะเบียน ติดต่อขอรับใบแจ้งยอดได้ที่หน่วยงานต้นสังกัด หรือดาวน์โหลดสำเนาใบแจ้งยอดเงินได้ด้วยตนเองที่ https://mygpf.gpf.or.th