ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 ก.ค.62 ปิดที่ 1,735.10 จุด บวก 11.66 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 61,925.48 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 869.55 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KTC ปิด 42 บาท บวก 0.25 บาท, CPALL ปิด 87.75 บาท บวก 0.50 บาท, KBANK ปิด 180 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง, BBL ปิด 190 บาท ลบ 2.50 บาท และ CPF ปิด 29.25 บาท บวก 0.50

ตลาดปรับตัวขึ้นรับ Sentiment บวก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเชิงรุก และสถาบันจัดอันดับเครดิต FITCH ปรับมุมมองต่อประเทศไทยเป็นบวก

บล.โนมูระ พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์หุ้น KBANK หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ที่ 9,929 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยลดลง 9% y-y แม้สินเชื่อปรับตัวดีขึ้น แต่โดนฉุดจากธุรกิจประกันที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงกลับสู่ระดับปกติ

ส่วนกำไรเมื่อเทียบ q-q ทรงตัว แม้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากสำรองเกษียณ อายุพนักงานที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารเองและค่าใช้จ่ายการตลาด แต่ได้ชดเชยจากสินเชื่อและส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย สุทธิ (NIM) ที่ดีขึ้น รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมและธุรกิจประกันที่ฟื้นตัว

ทั้งนี้ NPL 76,370 ล้านบาท ทรงตัว q-q โดยเรายังกังวลกับคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK แม้ NPL ทรงตัว แต่เกิดจากการ write-off 9.2 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปกติ ซึ่งธนาคารยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีการขาย NPL ด้วยหรือไม่

ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ KBANK แต่ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 204 บาท อิง PBV ที่ 1.2 เท่า เริ่มเห็นความเสี่ยงมากขึ้นจาก NPL ที่ยังคงเพิ่มขึ้นแม้ว่าจะมีการ write-off ในระดับสูง และได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 2% จากค่าใช้จ่ายจาก Employee Benefit และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น

โดย NIM ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 3.34% ส่วน Net Insurance Premium ยังคงหดตัวลง YoY อยู่ที่ 562 ล้านบาท จาก 2Q18 ที่ 1.8 พันล้านบาท เนื่องจากภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำ ส่วน NPL ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.40% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ 3.44%

แต่มูลค่า NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% QoQ แม้จะมีการ write-off NPL สูงถึง 9 พันล้านบาท จากระดับปกติที่ 2-4 พันล้านบาท ทำให้มองว่า KBANK มีความเสี่ยงเรื่อง NPL มากขึ้น!!

อินเด็กซ์ 51