thaihoon สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 | วันที่: 24/10/2019 @ 08:15:37 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ชี้ D/E บจ.ไทยยังต่ำ หลังแห่ออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ เชื่อมีความสามารถทำกำไร-จ่ายดอกเบี้ย
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ดำเนินการตรวจสอบฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนมาโดยตลอด
โดยช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงมีผลต่อฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียน และอาจจะมีการผิดนัดชำระหนี้เหมือนกับ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PACE) แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นช่วงวัฎจักรทางธุรกิจ ดังนั้นจึงมองว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีนั้นจะมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินบริษัท
สำหรับกรณีที่ บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายแห่ง เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual SubordinatedBond) เชื่อว่าบริษัทที่ออกหุ้นกู้ดังกล่าว มีความสามารถในการทำกำไร และจะมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย
หุ้นกู้ประเภทนี้ มีกำหนดการไถ่ถอน เมื่อครบระยะเวลา ดังนั้นจึงเชื่อว่ากลุ่มบริษัทที่ออกหุ้นกู้ประเภทดังกล่าวจะไถ่ถอนเมื่อครบกำหนด เพราะมองว่าจะไม่มีบริษัทใดที่จะยอมจ่ายดอกเบี้ย 5-6% ต่อเนื่องไปโดยตลอด
กรณีที่มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ TAS 32 มีเกณฑ์กำหนดความชัดเจนของประเภทหุ้นกู้ดังกล่าว จะต้องถูกบันทึกในส่วนของ หนี้สิน จากเดิมที่ให้บันทึกเป็น ส่วนทุน จึงยอมรับว่าจะส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกหุ้นกู้ประเภทนี้ปรับเพิ่มขึ้น
แต่โดยภาพรวมแล้วอัตราหนี้สินของบริษัทจดทะเบียนในไทย ยังเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำเพียง 1.2-1.3 เท่า ซึ่งลดลงจากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในปี 40 ที่อยู่ในระดับ 4-5 เท่า ขณะเดียวกันหลังจากพ้นสถานการณ์ดังกล่าวอัตราหนี้สินต่อทุนอาจจะมีสูงขึ้นบ้าง เพราะมีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
กรณีพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น บริษัทจดทะเบียนจะต้องมีแนวทางในการจัดเก็บข้อมูล และการใช้ข้อมูล เพราะข้อมูลส่วนบุคคลนั้นบริษัทจดทะเบียนจะต้องมีความชัดเจน
ขณะเดียวกัน กฏหมายดังกล่าวไม่ได้มีการบังคับใช้แค่เพียงในประเทศไทยเพียงเท่านั้น เพราะกฎหมายดังกล่าวมีการใช้เป็นกฎหมายทั่วโลก ดังนั้นบริษัทจดทะเบียนที่จะต้องทำธุรกิจข้ามประเทศ จะต้องให้ความสำคัญกับกฏหมายดังกล่าว
|