ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ธ.ค.62 ปิดที่ 1,573.91 จุด บวก 10.06 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 71,118.91 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 6,946.63 ล้านบาท ส่วนกองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 7,142.85 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BBL ปิด 151.50 บาท ลบ 10 บาท, PTT ปิด 44 บาท บวก 1.25 บาท, KBANK ปิด 145.50 บาท บวก 5.50 บาท, IVL ปิด 35.75 บาท บวก 1.50 บาท, PTTGC ปิด 56 บาท บวก 2.75 บาท

ตลาดปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลง การค้าเฟสแรกกับจีนแล้วขณะที่หุ้น BBL ถูกเทขายหนักกดราคาร่วงแรง

เอเซียพลัส ชี้ราคาปรับตัวลงต่อ จากความกังวลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการกับ PT Bank Permata TBK ที่คิดเป็น PBV 1.77 เท่า ซึ่งถือว่าไม่ถูก ซึ่งการรวมกิจการในต่างประเทศ ช่วงแรกอาจมีความเสี่ยงในการบริหารจัดการ แต่มอง BBL มีประสบการณ์การทำธุรกิจในอินโดฯ ตั้งแต่ปี 2511

ขณะที่เงินเข้าซื้อกิจการ 9 หมื่นล้านบาท มองว่าคุ้มกว่าการบริหารสินทรัพย์ปัจจุบันของ BBL ที่สร้าง NIM ราว 2% ดังนั้นราคาหุ้นมี PBV ที่ 0.7 เท่า และ PER ราว 9 เท่า ขณะที่มี Div yield ราว 4% ต่อปี แนะนำซื้อทยอยสะสมสำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไป

ปิดท้ายในที่สุด บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) อั้นไม่ไหว แจ้งตลาดว่า บอร์ดอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียน 888.14 ล้านหุ้น จากทุนเดิม 3,309 ล้านบาท เป็นทุนใหม่ 4,197 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญ 888,147,358 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จัดสรรให้

ผู้ถือหุ้นเดิม อัตรา 3.5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.50 บาท มูลค่ารวมไม่เกิน 2,220.36 ล้านบาท และกำหนดเวลาเสนอขายตั้งแต่วันที่ 3-7 ก.พ.63

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งด้านการดำเนินงานและเงินทุน โดยมีแผนนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน, ลดภาระหนี้สิน จัดหาและปรับปรุงฝูงบิน รวมถึงขยายเส้นทางและเครือข่ายการบินซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและจะส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน และมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 659 ล้านบาท การเพิ่มทุนจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก แต่หากไม่สามารถขายหุ้นได้ครบทั้งจำนวน จะพิจารณาหาแหล่งเงินทุนอื่นเพิ่มเติม!!

อินเด็กซ์ 51