ตลาดหุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย 1.09 จุด แรงซื้อหุ้นแบงก์ลดช่วงลบ ชี้สถิติตั้งแต่ต้นธ.ค.-ปัจจุบันต่างชาติเทขายหุ้นไทย 20,000 ล้านบาท หวังเบิกจ่ายงบ 63 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แนะหุ้นรายตัวที่ให้ผลตอบแทนเด่น

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเชียพลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นปิดที่ 1,548.65 จุด ลบ 1.09 จุด หรือ 0.07 % ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,556.82 จุด และต่ำสุดที่ 1,543.22 จุด มูลค่าการซื้อขาย 59,566.12 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า เช่น GULF,BGRIM, TPIPP กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวขึ้นแรง ส่วนหุ้นที่มีแรงซื้อกลับวันนี้เป็นกลุ่มแบงก์ เช่น BBL,SCB,KBANK รวมถึงหุ้น CPALL นอกจากนี้นักลงทุนกังวลการเมืองภายในประเทศที่จะต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าเป็นปัจจัยกดดันตลาด สำหรับเทรดดีลแม้ว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันระหว่างสหรัฐฯและจีนได้เสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้มีการลงนามกันอย่างเป็นทางการ ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดบวก ยกเว้นสิงคโปร์ และไทยที่ปิดลบ

ทั้งนี้หากเทียบตลาดหุ้นไทยกับภูมิภาคถือว่าของไทยยังปรับขึ้นน้อยมากและในช่วงต้นเดือนธ.ค.จนถึงปัจจุบันพบว่าต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้ว 20,000 ล้านบาท และหากดูสถิติย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ย 2 สัปดาห์แรกของเดือนธ.ค.ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 6,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่าหากสงครามทางการค้ามีทิศทางบวกจะส่งผลดีต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในปีหน้า นอกจากนี้หากรัฐมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นเรื่องการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเอ) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และจีดีพีสหรัฐ ส่วนกนง.ของไทยนั้นนักวิเคราะห์มีความเห็น 2 ด้านคือคงดอกเบี้ยและปรับลงดอกเบี้ย โดยในส่วนของบล.เอเซียพลัสคาดว่ากนง.ตรึงดอกเบี้ยไว้ 1.25% ไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากที่ผ่านมาปรับลงมาแล้ว 2 ครั้ง และดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าต่ำสุดเป็นประวัติการณ์แล้วนับเกิดวิกฤติ ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นเฉพาะตัวที่ให้ผลตอบแทนดี ประเมินรับพรุ่งนี้ 1,540 จุด แนวต้านที่ 1,560 จุด