*ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งออกด้านข้าง ไร้ปัจจัยใหม่หนุน ยิ่งใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นักลงทุนก็เริ่มชะลอการลงทุน รอไปเล่นกันใหม่ปีหน้า ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดยังไม่ดี ส่งออกติดลบ 7.39% โอกาสดัชนีทะลุ 1,600 จุดปีนี้เหลือน้อยแล้ว แต่กูรูก็มองว่าปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ หลังจากทรัมป์เซ็นสัญญาการค้ากับจีนม.ค.นี้

*TMB วิ่งเข้ามาราคาพื้นฐาน 2.04 บาท หลังจากการควบรวมกิจการกับธนชาตราบรื่นไร้รอยต่อ ไตรมาสที่ 4 ยังมีโอกาสที่จะบันทึกรายได้จากการขายบลจ.ธนชาตเข้ามาอีก 2 พันล้านบาท เรียกว่ากำไรติดจรวด ส่วนปีหน้าเมื่อรวมบัญชีของธนชาตเข้ามาเต็มปี กำไรจะโตแบบก้าวกระโดด หากใครจะเลือกหุ้นแบงก์ที่ทั้งราคาถูกและอนาคตดีก็ต้องมีทหารไทยติดพอร์ตไว้บ้าง ยังไงกระทรวงการคลังก็ต้องถือราคาสูงกว่านี้มากที่ 2.8 บาท

*นักลงทุนเทขาย BEM ผิดหวัง หลังกระทรวงคมนาคมยอมยุติข้อพิพาทกับ BEM โดยให้มีการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน เป็นระยะเวลาแค่ 15 ปี 8 เดือน จากเดิมคาดว่าจะเป็น 30 ปี แลกกับข้อพิพาททั้งหมด 17 คดีที่มีมูลค่าข้อพิพาท 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งได้เจรจายุติที่ 5.8 หมื่นล้านบาท “ศักดิ์สยาม” เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีวันนี้

*หวยออนไลน์มาแล้ว รอบนี้ พชร อนันตศิลป์ ประธานบอร์ดสลากฯ ดูท่าทางจะเอาจริง วันที่ 25 ธันวาคมนี้ นัดประชุมบอร์ดครั้งสุดท้ายของปีนี้ ชิมลางด้วยการทดลองเล่นกันก่อนปีหน้า เหมือนโยนหินถามทาง หากคอหวยเห็นด้วยก็ลุย ส่วนผู้ที่จะประมูลติดตั้งระบบยังไม่รู้ว่าจะเป็นใคร แต่ล็อกซเล่ย์ก็พร้อมอยู่เสมอ ถ้าเปิดให้ทำจริง

*BBL ยังไปต่อ กูรูมองเห็นโอกาสเติบโตจากความต้องการสินเชื่อ เนื่องจากเศรษฐกิจอินโดนีเซียมีแนวโน้มเติบโตดีในระยะยาว และเป็นโอกาสดีที่ BBL เข้าสู่ธุรกิจธนาคารในประเทศที่มีแนวโน้มการสร้างดิจิทัลเติบโตก้าวหน้ามากในอนาคต การตัดสินใจของเสี่ยโทนี่ในครั้งนี้จึงถือเป็นความท้าทายของแบงก์ไทยรายใหญ่ที่สุด โดยการควบรวมทำให้อัตราส่วนทางการเงินปรับตัวดีขึ้น ROE จะเพิ่มจาก 8.6% สู่ระดับ 10% NIM เพิ่มเป็น 2.5% ส่วนระยะสั้น EPS เพิ่มขึ้นทันทีหลังจบดีล คาดช่วยเพิ่ม EPS ปี 2563 ประมาณ 0.39 บาทต่อหุ้น ให้ราคาเป้าหมาย 223 บาท

*พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยตัวเลขส่งออกล่าสุดยังหดตัวต่อเนื่องที่ลดลง 7.39% เมื่อเทียบกับ พ.ย. 2561 แต่เชื่อว่าปีหน้าจะฟื้นตัว หลังสหรัฐฯ ทำข้อตกลงทางการค้ากับจีนต้นปีหน้า ด้านกูรูก็เริ่มกลับมาเชียร์หุ้นกลุ่มส่งออกที่ปรับตัวลดลงไปก่อนหน้านี้ ทั้งบมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA และ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF ได้ประโยชน์จากส่งออกที่จะฟื้นตัว

*BAM ยังยืนเหนือจอง ส่วนกรีนชูที่มีสิทธิในการซื้อหุ้น 230 ล้านหุ้น ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะราคาหุ้นยังไม่ต่ำจอง ผู้บริหาร บรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร เดินหน้านำเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท ไปซื้อหนี้สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และทรัพย์สินรอการขาย เข้ามาบริหารเพื่อสร้างฐานกำไรและรายได้ให้เติบโตเพิ่มขึ้น

*“สมคิด” ฉายาชายน้อยประชารัฐ ทั้งกล่อมทั้งบีบ “วิรไท” หาทางผ่อนคลายหลักเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ช่วยอุ้มกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ปีหน้าจะโดนทั้งภาษีที่ดินใหม่ รวมทั้งราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การบริหารต้นทุนทำได้ยาก หากยังคงเข้มงวดแบงก์พาณิชย์อยู่อย่างนี้ เกรงว่าจะเจ๊งกันหมดแน่นอน