ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ม.ค.63 ปิดที่ 1,594.97 จุด ลดลง 0.85 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 61,278.34 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 174.58 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 46.50 บาท บวก 1 บาท, PTTEP ปิด 130 บาท บวก 2.50 บาท, BAM ปิด 19.50 บาท ลบ 0.20 บาท, PTTGC ปิด 59.50 บาท บวก 0.25 บาท และ CPALL ปิด 71.75 บาท บวก 0.75 บาท

“อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” จาก บล.ทิสโก้ ระบุว่า ปี 62 ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนราว 24% โดยตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วให้ผลตอบแทน 25% ดีกว่าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทน 15% แต่หุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียง 1% อยู่ในอันดับท้ายๆ เมื่อเทียบกับหุ้นทั่วโลก เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หดตัวเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันและมากกว่าที่คาดไว้

สำหรับปี 63 ทิสโก้มีมุมมองหุ้นไทย “เชิงบวกอย่างระมัด-ระวัง” คาดไตรมาส 1 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นและมีโอกาสทะลุ 1,600 จุดได้ จากสหรัฐฯและจีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟส 1 และกระบวนการ Brexit น่าจะราบรื่นเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลกปี 63

และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารสำคัญๆทั่วโลกจะอยู่ในระดับนี้ตลอดปี 63 และธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันจะสูงขึ้นในระยะสั้น แตะระดับสูงสุดใหม่รอบ 3 เดือน ดีต่อแนวโน้มกำไร บจ.ไตรมาส 4 ปี 62 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปี 63 และยังคาดว่างบประมาณปี 63 ของไทยจะมีผลบังคับใช้ปลาย ม.ค. ประเมินว่าจะทำให้รัฐบาลมีเม็ดเงินงบประมาณในมือกว่า 2.2 แสนล้านบาทสำหรับใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้

นอกจากนี้ จากข้อมูลเชิงบวกทางสถิติ บ่งชี้ว่าไตรมาส 1 ของทุกปีนับตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นมา หุ้นไทยจะปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 6.2% ในทุกๆปี เพราะนักลงทุนมักจะเข้าซื้อเพื่อหวังเงินปันผล

สำหรับหุ้นที่ บล.ทิสโก้แนะนำเดือน ม.ค. คือ AP, INTUCH, IRPC, KKP, SUSCO, TVO และ VNT มองว่าทุกการย่อตัวของตลาดเป็นจังหวะ ในการสะสมหุ้นเพิ่ม เพื่อหวังผลการลงทุนในรอบ 3-4 เดือนข้างหน้า

ด้านเทคนิคแนวรับ-แนวต้านเดือนนี้คือ 1,540-1,550 จุด หากผ่านได้จะมีแนวรับ-แนวต้านถัดไปที่ 1,590-1,600 จุด และ 1,640-1,650 จุด ตามลำดับ!!

อินเด็กซ์ 51