ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 ม.ค.63 ปิดที่ 1,585.23 จุด เพิ่มขึ้น 16.73 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 61,992.83 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 820.05 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 21.20 บาท บวก 1.20 บาท, PTT ปิด 47.25 บาท บวก 0.25 บาท, BBL ปิด 156.50 บาท บวก 0.50 บาท, KBANK ปิด 143 บาท ลบ 0.50 บาท และ PTTEP ปิด 133 บาท ลบ 0.50 บาท

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินกรณีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านมองว่าไม่มีความรุนแรงจนถึงขั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่มองว่าความขัดแย้งจะยังคงยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

สำหรับ 5 หุ้นเด่น ที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกัน 5 สำนักขึ้นไป ได้แก่ AOT-BBL-CPF-PTT และ PTTEP โดยมองว่า AOT ได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย และอาคารเทียบเครื่องบินใกล้แล้วเสร็จทำให้ AOT สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น

ขณะที่ BBL ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาหุ้นปัจจุบันต่ำเพียง 0.7 เท่าของ Book Value และมีระดับ Dividend Yield สูง นอกจากนั้น การไปลงทุนในธนาคาร Permata ที่อินโดนีเซีย จะมีโอกาสทางธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโต

ส่วน CPF มีประเด็นจากภาวะธุรกิจในปี 63 จะดีขึ้น เนื่องจากราคา ขายเนื้อหมูมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งจีนและเวียดนาม เมื่อเทียบกับปี 62

โดยคาดว่าจะได้ประโยชน์ 1-2 ปี กว่าซัพพลายหมูจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันยังหันมาให้ความสนใจกับ Delivery Service มากขึ้น ซึ่งบริษัทสามารถพัฒนาได้ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนด้านขนส่งได้ดี

ด้าน PTT ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะหากเกิดปัญหาระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน นอกจากนี้ หากสามารถชนะการประมูลโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 จะถือเป็นข่าวดี และหนุนราคาหุ้นขึ้นไปอีกขณะเดียวกันยังมีการปันผลที่สม่ำเสมอด้วย

และสุดท้าย คือ PTTEP ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และแนวโน้มผลประกอบการที่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามปริมาณการขายที่สูงขึ้น!!

อินเด็กซ์ 51