March 29, 2024   6:37:59 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิดโผหุ้นดี-หุ้นแย่ รับภัยแล้ง
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 20/01/2020 @ 08:23:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน


ในที่สุดก็ชื่นมื่นไปสำหรับการลงนามทางการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยสาระสำคัญหลักๆ ก็คือ สหรัฐฯ จะปรับลดภาษีครึ่งหนึ่งจากอัตรา 15% ที่เรียกเก็บจากจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่จีนให้คำมั่นที่จะปฏิรูปโครงสร้างตลาด รวมทั้งซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ 2 แสนล้านเหรียญฯ ในช่วง 2 ปี ข้างหน้า


ส่วนสินค้านำเข้าอีก 2/3 วงเงิน 3.6 แสนล้านเหรียญฯ จะยังไม่มีการพิจารณาปรับลด จนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิปดีในเดือน พ.ย. นี้ แม้ว่าการลงนามครั้งนี้จะไม่ถึงขั้นปิดฉากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมากว่า 18 เดือน แต่ก็ถือเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้นๆ ให้กับตลาดได้


อย่างไรก็ดี เรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ- จีน ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอลุ้น รอดูกันไปยาวๆ เพราะนี่แค่เฟสแรกเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าจากนี้ทรัมป์จะออกมาตรการอะไรออกมาอีกหรือไม่ เพราะบทเลือดจะไป ลมจะมา พี่แกก็อาจจะออกมาเหวี่ยงใส่ได้อีกเหมือนกัน


นั่นคือเรื่องปัจจัยภายนอกที่กระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก แต่สำหรับบ้านเรานั้น จริงๆแล้วปีนี้ปัจจัยภายในที่น่าจะกระทบเศรษฐกิจโดยรวม และต้องถือว่าน่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเรื่อง "ภัยแล้ง" ที่ต้องบอกว่าหนักแน่ๆ สำหรับปีนี้ และหนักแน่ๆ สำหรับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องเร่งแก้ปัญหา


ขณะนี้ความวิตกสถานการณ์ ‘ภัยแล้ง’ ที่เกิดขึ้นนั้น พบว่าสภาพน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศไทย ณ ปัจจุบัน (10 ม.ค. 63) พบว่า ระดับน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยวิกฤติ คือ ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 30% มีจำนวน 14 แห่ง และจากการสำรวจเบื้องต้น ตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 จนถึง 10 ม.ค. 63 มีเกษตรกรได้รับความเสียหายแล้วกว่า 99,402 ราย และพื้นที่เสียหาย 985,344 ไร่ (ข้าว 873,303 ไร่, พืชไร่ 111,546 ไร่, พืชสวนและอื่นๆ 495 ไร่) และความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากภัยแล้ง คิดเป็นวงเงินแล้วก็สูงถึง 1,100.88 ล้านบาท


และหากยังยืดเยื้อต่อไปความเสียหาย ที่จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจก็น่าจะมากขึ้น เพราะปีนี้คาดว่าฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ และคงต้องลุ้นกันหนักไม่แพ้สงครามการค้า


แถมภัยแล้งนั้น ยังไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ภาพรวมเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่านั้น วันนี้เลยหยิบยกเอาบทวิเคราะห์จาก บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ที่จำแนกหุ้นที่ได้รับผลกระทบทั้งแง่ลบและบวก จากปัญหาเรื่องนี้ มาให้เราๆ ท่านๆ ได้เตรียมรับมือกับไว้ด้วย


ทั้งนี้ บล.ยูโอบีฯ ระบุว่า สถานการณ์ภัยแล้งปี 2563 ค่อนข้างน่ากังวล โดยคาดร้ายแรงในระดับเดียวกับปี 2558 หรืออาจแย่เทียบเท่า 2548 ผลกระทบสำคัญได้แก่ 1) ผลกระทบทางต่อ GDP ทางตรงไม่มาก เพราะ GDP ภาคเกษตรคิดเป็นสัดส่วนเพียง 6% ของ GDP รวม 2) แต่พื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตที่ลดลงกระทบต่อกำลังซื้อ 3) ปริมาณสำรองน้ำภาคตะวันออกในระดับวิกฤติ ทำให้กนอ.ขอความร่วมมือลดการใช้น้ำลง 10%


ด้าน สาธารณูปโภค/โรงไฟฟ้า ยูโอบีฯ คาดรายได้จากการขายน้ำและไฟ จะลดลงจากการปรับลดกำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรม กระทบต่อ WHAUP, EASTW ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) อาทิ GPSC, BGRIM อาจมีรายได้ค่าไฟชะลอตัวลง


- นิคมอุตสาหกรรม ได้รับปัจจัยลบทางอ้อมจากการที่ผู้ลงทุนต่างชาติอาจชะลอการซื้อที่ดินเพื่อรอดูการแก้ปัญหาสาธารณูปโภค แต่ราคาหุ้นลงมาตอบรับแล้ว มองเป็นโอกาสทยอยสะสม WHA และ AMATA


- กลุ่มปิโตรเคมี ผู้ประกอบการหลายรายปรับตารางการซ่อมบำรุงมาอยู่ในช่วงไตรมาส 1/63 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานอาจอ่อนแอ และมีความเสี่ยงต่อประมาณการ ยังคงระวังความเสี่ยงด้านราคาระยะสั้นต่อ SCC, IRPC, PTTGC


- กลุ่มการเงิน สินเชื่อส่วนบุคคลมีแนวโน้มเป็นบวกจากความต้องการสินเชื่อและสภาพคล่องของครัวเรือน เป็นบวกต่อ SAWAD, MTC, AMANAH, KTC, AEONTS อย่างไรก็ตามต้องระวังคุณภาพของหนี้ที่อาจแย่ลงหากปัจจัยด้านเศรษฐกิจชะลอตัวมากกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มบริหารหนี้ อาทิ BAM, JMT, CHAYO


สำหรับภาพรวมกลยุทธ์ ความเสี่ยงจากการขายของนักลงทุนต่างชาติ และการประเมินผลกระทบภัยแล้งทำให้ตลาดอาจมองการเก็งกำไรเป็นรายตัว และเพิ่มความระวังในกลุ่มที่อาจกระทบในช่วงไตรมาส 4/62-1/63 หุ้นแนะนำ MTC, CHAYO /เก็งกำไร JMT (เป้า 25, ตัดขาดทุน 21.60), THRE (เป้า 0.80 ตัดขาดทุน 0.62)


เพราะฉะนั้นใครสนใจหุ้นตัวไหนก็จัดไป ตามแต่วิจารณญาณ และความเหมาะสมกันเลย

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com