March 29, 2024   1:32:43 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะกระดาน โมนิก้าและทีมงาน
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 21/01/2020 @ 08:25:18
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน


*ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีความหวังอย่างเป็นรูปธรรมทีไร “โมนิก้า” มักเห็นปรากฏการณ์เหนือความคาดหมายตามหลังมาเป็นประจำด้วยเช่นกัน จึงพยายามให้นักเล่นอ่านเกมไปทีละสเต็ป เพื่อทำให้การเคาะขวาเป็นไปอย่างราบรื่น แถมเที่ยวนี้เป็นเรื่องสงครามความเชื่อนำหน้า ก็ควรเผื่อใจเรื่องต่าง ๆ นานาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะการมารู้ตัวทีหลังไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้นพะยะค่ะ

*เหมือนกับแรงขายที่ถล่มออกมาไม่ว่างเว้นตลอดทั้งวัน ก็มาจากผลงานไม่เข้าเป้าที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ดัชนีถึงร่วงผล็อยมายืนอยู่ที่ระดับ 1,589.11 จุด ลบไป 11.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.79 หมื่นล้านบาท พร้อมกับมีการพูดถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยฟื้นตัวจริงไหม ? เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นแบงก์เหมือนบอกให้รู้ว่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่กระเตื้องกว่าเดิมสักเท่าไหร่น่ะซี

*ด้วยเหตุนี้ถึงมีการพูดถึงประเด็น “NPL” ควบคู่กับ “รายได้ลด” มากกว่าเรื่องไหนทั้งสิ้น ยิ่งมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินบางอย่างออกไป เพื่อทำให้ตัวเลขบรรทัดสุดท้ายออกมาดูดีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งทำให้นักอ่านเกมถอดรหัสยุทธวิธีดังกล่าวได้ทะลุปรุโปร่งว่า ทำ..ทำไม ? เดี๊ยนเลยถือโอกาสเม้าท์มอยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในคราวนี้แบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ อีกครั้งนะตัวเอง

*ก่อนจะไปถึงตรงนั้น “โมนิก้า” ขอฉายภาพกองทุนตัวแสบชัด ๆ กันไปเลยว่า ยังมีพฤติกรรมเล่นหุ้นแบบตีหัวเข้าบ้านเหมือนเดิมทุกประการ เพราะยอดขายที่ปรากฏวานนี้จำนวน 4.89 พันล้านบาทแบบโดด ๆ มันสะท้อนถึงการขายหุ้นเพื่อลงไปช้อนได้เป็นอย่างดี แถมเมื่อดูยอดซื้อขายสุทธิตั้งแต้ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน พี่ท่านก็สาดหุ้นออกมาไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวยังแสดงเจตนาแน่วแน่ทิ้งหุ้นออกมาสูงถึง 4.80 พันล้านบาทแบบนี้..มันสื่อความหมายอะไรบ้าง ? ลองไปคิดกันดูนะจะบอกให้

*อย่างในรายของ BAY ประกาศงบปี 2562 ออกมาเติบโต 32% แต่หากแกะเข้าไปในงบการเงิน จะเห็นว่ามีบุ๊กกำไรพิเศษเข้ามาถึง 1 หมื่นล้านบาทจากการขายหุ้น “เงินติดล้อ” ไปเมื่อต้นปี 2562 ซึ่งหากหักลบกำไรพิเศษส่วนนี้ออกไป จะเห็นว่ากำไรของหุ้นตัวนี้ยังต่ำกว่าปีก่อน แสดงให้เห็นว่ากำไรปกติยังไม่โต ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหนเสียที การลงมาปิดที่ระดับ 29.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12.64 ล้านบาท เท่ากับถือเป็นการยืนยันผลงานกลุ่มแบงก์ยังไม่เข้าเป้าเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ SCB วานนี้ราคาปิดต่ำสุดของวันที่ระดับ 102 บาท ลบไป 15 บาท หรือลงไป 12.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 หมื่นล้านบาท ทำนิวโลว์ในรอบ 8 ปี ทั้งหมดเป็นผลมาจากนักเล่นไม่มั่นใจทิศทางธุรกิจจะเผชิญขวากหนามอะไรอีกไหม ? ราคาหุ้นเลยตอบรับเชิงลบต่อกำไรที่แสดงออกมา บวกกับมีการตั้งสำรองสูงขึ้น บรรดาโบรกเกอร์เลยแนะนำให้ขายไว้ก่อนพ่อสอนไว้..ถึงกระนั้นก็มีเสียงกระซิบจากสายทางไกลว่า หากราคาต่ำ 100 บาท ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตไปเรื่อย ๆ เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า BV อยู่ที่ 116 บาท มันมีอะไรต้องกลัวอีกเหรอ ?

*เช่นเดียวกับรายของ KBANK วานนี้หล่นลงมาปิดที่ระดับ 135 บาท ลบไป 6.50 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.46 พันล้านบาท หากดูจากคาดการณ์ของเกจิอาจารย์ดังต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า นี่เป็นหนึ่งในหุ้นแบงก์ที่แบกภาระหนักอึ้งไว้เยอะมาก ๆ ทั้งตัวเลขค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองก็สูงขึ้นเช่นกัน จึงกลายเป็นแรงกดดันผลงานในช่วงที่ผ่านมาพลาดเป้าไปเยอะพอสมควร “โมนิก้า” เลยเห็นภาพการไหลลงต่อของหุ้นลอยมาแต่ไกล วันนี้ถึงต้องเกาะติดแนวรับสำคัญ 131 บาทเอาอยู่ไหม ? หากหลุดก็ควรอยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ TMB ประกาศตัวเลขกำไรปี 2562 ออกมาไม่สวยหรู เพราะทำได้แค่ระดับ 7.22 พันล้านบาท ทำเอาราคาหุ้นเข้าสู่โหมดลงแล้วลงอีก แต่ถ้ามองในมุมกลับกันจะเห็นโอกาสทองเปิดรออยู่ข้างหน้า เพราะการยืนปิดที่ระดับ 1.51 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 3.21% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 369 ล้านบาท ทำให้ราคาเป้าหมายบริเวณ 2 บาทกลายเป็นมีอัพไซด์เพิ่มเป็น 32% หลังคาดการณ์กำไรปี 2563 ตัวเลขจะพุ่งกระฉูดเท่าตัวมาที่ 1.80 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” คงต้องเกริ่นนำว่า อย่ารีบขายหมูนะตัวเอง!

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com