*จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเข้าไปแส่เรื่องชาวบ้านมากนักหรอก! แต่เผอิญมีผู้ชาย..อุ๊ย..ผู้คนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตแต่ละวันเยอะเหลือเกิน เลยล่วงรู้พฤติกรรมของคนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนเป็นแบบไหน ? แถมแต่ละเคสก็มีเรื่องให้เม้าท์มอยแตกต่างกันไป เดี๊ยนถึงพยายามเลือกอาการปากมากให้ถูกจังหวะเวลา เพื่อให้ประเด็นดังกล่าวสอดรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ๆ มากที่สุดไงล่ะคะ

*ตรงนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “โมนิก้า” มองข้ามบรรยากาศการลงทุนเป็นการชั่วคราว เพราะสิ่งที่เห็นในอดีต กับสถานการณ์ในปัจจุบัน และอาจต่อเนื่องไปถึงอนาคต มันไม่มีจุดไหนที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกถึงความแตกต่างกันเลยจริง ๆ เดี๊ยนถึงฟันธงได้ในทันทีว่า รูปแบบการแกว่งตัวไปมาของดัชนีเหมือนรออะไรบางอย่าง ? และผลลัพธ์ที่ออกมาอาจเป็นไปได้ทั้ง “ด้านบวก” และ “ด้านลบ” (ตอนนี้โน้มเอียงไปทางลบเป็นส่วนใหญ่) นะจะบอกให้

*ข้อมูลตรงนี้ทำให้การยืนปิดที่ระดับ 1,523.99 จุด ลบไป 0.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.37 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่เรื่องต้องตื่นเต้นแม้แต่นิดเดียว เพราะอันที่จริงมันต้องลงมาตั้งนานแล้ว แต่เผอิญกองทุนตัวแสบพยายามดันกลับ เพื่อทำการล่อแมงเม่าให้เข้ามาช่วยรับของราคาสูง “โมนิก้า” เลยไม่รู้จะหยิบยกประเด็นไหนขึ้นมาบิลต์อารมณ์นักเล่น เพราะเอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่เห็นมีเรื่องไหนที่ทำให้สบายใจเลยพับผ่าซิ!

*เหมือนกับประเด็นที่เกิดขึ้นกับ ADVANC ถูกอนุญาโตตุลาการตัดสินให้จ่ายเงินจำนวนกว่า 3.10 หมื่นล้านบาท ให้กับหน่วยงานของ TOT มันเป็นเรื่องที่สั่นสะเทือนวงการโทรคมนาคมมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาฝ่ายเอกชนมักตกเป็นจำเลยของข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวทำให้ประชาชนตาดำ ๆ อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ได้รับประโยชน์ “โมนิก้า” เลยเกิดอาการของขึ้นเมื่อเห็นพวกเสือนอนกินกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองอย่างเดียวเจ้าค่ะ

*สถานการณ์ดังกล่าวยังกระทบชิ่งไปยังหุ้นแม่อย่าง INTUCH แบบเต็ม ๆ เพราะรับรู้กันเป็นอย่างดีว่า หากบริษัทลูกมีปัญหาเกี่ยวกับการทำกำไร ส่วนแบ่งของบริษัทแม่ก็จะลดลงไปด้วย วานนี้ถึงเห็นหุ้นทรุดตัวมากองอยู่ที่ 55.75 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.04 พันล้านบาท ส่วนบริษัทลูกก็ทิ้งดิ่งลงมาปิดที่ 203 บาท ลบไป 11 บาท หรือลงไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.28 พันล้านบาทไงล่ะคะ

*ประเด็นนี้ทำให้สังคมขาเผือกเม้าท์ถึงการประมูล 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ มันให้ความเป็นธรรมกับฝั่งเอกชนมากน้อยขนาดไหน ? โดยเรื่องนี้สังคมพุ่งเป้าไปยังหัวเรือใหญ่ของกสทช. ซึ่งเป็นคนช่างพูดอย่าง “ฐากร” มากเป็นพิเศษ เพราะในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการทั้ง 3 รายก็ออกมาโวยวายใส่หน่วยงานนี้ไม่ขาดสาย แต่พี่ท่านก็ยังใส่เกียร์เดินหน้าเพื่อผลักดันให้โครงการนี้เกิดขึ้นให้ได้พะยะค่ะ

*สำหรับสาเหตุหลักที่ผู้ประกอบการรู้สึกไม่สบายใจมาจากความจำเป็นต้องมีระบบดังกล่าว เพราะจนป่านนี้ยังไม่เห็นมีอะไรที่เป็นรูปธรรมจากหน่วยงานภาครัฐสักอย่าง เว้นเสียจากต้องการเงินจากกระเป๋าผู้ประกอบการเพื่อไปให้รัฐบาลละเลงต่อ “โมนิก้า” ต้องนำข้อท้วงติงในส่วนนี้มาบอกเล่าสู่กันฟังอีกคำรบ พร้อมกับขอยกตัวอย่างเหตุการณ์ตอนประมูลทีวีดิจิทัล เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจกันสักนิดหนึ่งว่า เจ๊งยับกันเป็นแถว..จำได้ไหมเอ่ย ? (ตอนนั้นบอกจะอำนวยความสะดวกทุกอย่าง และช่วยผลักดันโครงข่ายให้ครอบคลุม สุดท้ายก็ทำไม่ได้เหมือนที่ปากพูด)…อิอิอิ

*เม้าท์ถึงตรงนี้ขึ้นมาทั้งที ก็ก่อให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า การขึ้นเป็นประเทศแรกที่เปิดใช้ 5G ในภูมิภาคอาเซียน มันหมายถึงผู้ประกอบการต้องจ่ายแพงขึ้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของใครบางคนใช่ไหม ? และระบบที่กำลังพัฒนาในเที่ยวนี้เป็นการโปรหัวเหว่ยแบบสุดลิ่มทิ่มประตูด้วยหรือเปล่า ? “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของคนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาตอบข้อสงสัยของสังคมให้เคลียร์นะจะบอกให้

*อีกประเด็นที่ฟังไม่ขึ้นเลยจริง ๆ คงหนีไม่พ้นการดึงเอาหน่วยงานเสือนอนกินอย่างหน่วยงาน TOT กับ CAT เข้ามาร่วมประมูล 5G ซึ่งผู้คนมากมายรู้ดีว่า พวกนี้ทำงานเป็นซะที่ไหน ? โดยเฉพาะรายแรกก็เพิ่งถูกบอกเลิกสัญญาเน็ตชายขอบ เพราะทำงานได้ห่วยบรม..ห่วย ส่วนรายหลังก็ไม่โดดเด่นจนผลงานเป็นที่ประจักษ์ แถมที่ผ่านมาก็เคยมีความพยายามจับรวมหน่วยงานดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จเพราะหวงอำนาจมากเกินไปนะจ๊ะ

*วันนี้ถึงต้องถามใจดวงโตของ “พี่บี” ซึ่งคุมกระทรวงดีอีมาระยะหนึ่งว่า เชื่อมือคนพวกนี้ได้จริงไหม ? พร้อมกันนี้ก็มีคนฝากถาม “พี่น้อย” โต้โผใหญ่ของกสทช. มองโลกสวยเกินไปไหม ? “โมนิก้า” ในฐานะคนกลางก็คงสื่อสารเรื่องต่าง ๆ ได้เพียงเท่านี้.. ขืนเม้าท์มากเกินไป เขาจะหาว่า ส.ใส่เกือก เกินงาม..หุหุหุ