ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 ก.พ.63 ปิดที่ 1,340.52 จุด ลดลง 54.56 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 86,502.15 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 300.92 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BAM ปิด 22.40 บาท ลบ 5.60 บาท, CRC ปิด 31.50 บาท ลบ 2.50 บาท, PTT ปิด 39 บาท ลบ 2.75 บาท, PTTEP ปิด 106 บาท ลบ 9 บาท และ CPALL ปิด 65.75 บาท ลบ 1.75 บาท

สัปดาห์นี้หุ้นโลกและหุ้นไทยดิ่งหนักกว่า 150 จุด จากความกังวลกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยพอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 6,316.45 ล้านบาท ตามด้วยนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 4,660.17 ล้านบาทและต่างชาติขายสุทธิ 4,175.29 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยซื้อสุทธิ 15,151.92 ล้านบาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ชี้ว่า ดัชนีหุ้นไทยยังผันผวนสูง จากปัจจัย ลบเดิมคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความวิตกกังวลมากขึ้นหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อหลายประเทศพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องรวมทั้งประเทศไทย

มองแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้า ยังเผชิญแรงกดดัน จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กังวลว่าจะขยายวงกว้างมากขึ้น ขณะที่ยังต้องจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการเมืองนอกสภาฯแม้ดัชนีมีโอกาสดีดตัวหรือรีบาวด์ขึ้นได้ แต่มองว่า Upside ยังมีจำกัด เพราะภาพใหญ่ยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ

แนะกลยุทธ์ลงทุน เน้นถือเงินสดเป็นหลัก แต่หากต้องการลงทุน และซื้อหุ้นในสัดส่วนเพียง 10-20% โดยแนะให้ทยอยซื้อ ด้านเทคนิคประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 1,300 จุด ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,270 จุด ขณะที่ให้แนวต้าน 1,380 จุด

บล.เอเซียพลัส ชี้ปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อการลงทุนเดือน มี.ค. ยังต้องให้น้ำหนักการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจะยืดเยื้อรุนแรงต่อไปอีกนานเท่าใด ซึ่งจะเป็นความเสี่ยงให้ IMF น่าจะปรับลด GDP Growth โลกปี 63 ลงอีก จากเดิมที่ลดมาแล้วเหลือ 3.2% และปรับลด GDP Growth จีนลง 0.4% จากประมาณการเดิมเหลือ 5.6%

แนะกลยุทธ์ลงทุนสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง แนวโน้มกำไรโตโดดเด่น อย่าง BJCHI, CHG, CPALL, CPF, INTUCH และ MCS ส่วนหุ้นที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน คือ หุ้นที่ Over Value อย่าง TKN, HANA.

อินเด็กซ์ 51