*วันนี้ “โมนิก้า” ขออนุญาตมาแบบ “จัดเต็ม จัดหนัก” ถึงความเฮงซวยของผู้คนที่ขาดจิตสำนึกต่อการรับผิดชอบสังคม ถึงทำให้คนทั่วไปหวาดวิตกกันไปทั่วว่าไวรัสมรณะกำลังเข้าสู่ระยะ 3 ซึ่งยากต่อการควบคุมให้อยู่ในวงจำกัด จึงทำให้นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศพากันเทขายหุ้นทิ้งแบบไม่ดูดำดูดี พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นมาในใจทุกคนว่า รัฐบาลทำสาก..อะไรอยู่ ? เจ้าค่ะ

*ยิ่งวานนี้มีข่าวออกมาไม่ขาดสายว่าตม.สุวรรณภูมิติดเชื้อไวรัสมรณะ บวกกับเจ้าของร้านอาหารที่ตึกออลซีซั่นก็ติดเชื้อเหมือนกัน พ่วงท้ายด้วยพนักงานโรงงานที่จังหวัดระยองติดเชื้อรายล่าสุด ยิ่งสร้างความหนักใจให้กับผู้คนที่เกี่ยวข้องมากขึ้นกว่าเดิม ผนวกกับบอร์ด กสทช. เดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วดันทะลึ่งมาทำงาน ทั้งที่ควรจะกักตัวเองอยู่บ้าน 14 วันแบบนี้..มันน่าจับมาเขกกะโหลกเสียจริง ๆ นะคะ

*จุดที่น่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ที่คนติดเชื้อเที่ยวนี้อยู่ในประเทศเป็นหลัก จึงคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าเที่ยวนี้น่าจะเป็นคนไทยด้วยกันเองที่เป็นพาหะนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องล่อแหลมมากสำหรับการใช้ชีวิตของผู้คน และอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศมีปัญหา จึงไม่ต้องแปลกใจที่วานนี้มีแรงเทขายออกมาอีกล็อต เพราะเรื่องที่ทำท่าจะจบง่าย ๆ ดันบานปลายไปเสียฉิบน่ะซี

*ด้วยเหตุนี้ถึงต้องวิเคราะห์กันให้สุดซอยไปเลยว่า ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,249.89 จุด ลบไป 21.36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.22 หมื่นล้านบาท มันเป็นเพียงการยื้อเวลาขาลงเต็มตัวให้ออกไปอีกนิดหน่อย ซึ่งในมุมเทคนิคถือเป็นเรื่องที่มีผลต่อจิตวิทยาในการลงทุน “โมนิก้า” ถึงพยายามมองเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นระบบมากสุด เพื่อจะได้กลั่นกรองผลลัพธ์ให้ออกมาใกล้เคียงกับความจริงมากสุด ซึ่งจะช่วยให้นักเล่นตัดสินใจเคาะขวาได้ง่ายขึ้นพะยะค่ะ

*เหมือนกับเหตุการณ์ที่น้อง BEM โดนถล่มหนักจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ และดูเหมือนแรงเทขายยังไม่สะเด็ดน้ำอีกด้วยแบบนี้ “โมนิก้า” ฟันธงได้ในทันทีว่า มันมาจากความกังวลเกี่ยวกับโควิดระยะ 3 ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบโดยตรงกับจำนวนผู้โดยสารรถไฟใต้ดินเต็ม ๆ วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นทรุดตัวลงมายืนปิดที่ 8.70 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 951 ล้านบาทไงล่ะคะ

*เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น BTS อย่างไร..อย่างนั้น เพียงแต่พอร์ตรายได้มีการรับรู้หลายรูปแบบ การทรุดตัวของราคาหุ้นถึงไม่รุนแรงเหมือนกับรายข้างต้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 10.90 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 833 ล้านบาท ท่ามกลางค่า P/E 28 เท่า ในภาวะการลงทุนที่เต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงเยอะแยะไปหมดแบบนี้..มันน่าสนใจไหมจ๊ะ

*หันกลับมาดูหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่โดนเทขายราวกับบริษัทมีปัญหาอย่าง BGRIM กันบ้างดีกว่า! หลังราคาหุ้นร่วงลงอย่างไม่มีเหตุผล จนบรรดาแฟนคลับเกิดอาการเอ๋อรับประทานกันเป็นแถวแบบนี้ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ดูราคาปิดที่ 37.50 บาท ลบไป 5.75 บาท หรือลงไป 13.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.95 พันล้านบาท เทียบกับ growth ของกำไรกว่า 20% โดยไม่ต้องแคร์ภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร!..มันน่าทยอยสะสมไหมล่ะคะ

*คล้ายกับกรณีของ GULF มีไฟฟ้าตุนไว้ในมือมากถึง 5 พันเมกฯ แต่ดันโดนเทขายแบบไม่ลืมหูลืมตานั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของความกลัวเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว เพราะเมื่อเจาะลงไปดูเรื่องค่าไฟฟ้าที่ลดลง มันกระทบผลงานของบริษัทแค่ 1% ขณะที่ราคาก๊าซลดลงกลายเป็นผลดีต่อโรงไฟฟ้าของ “เฮียสารัชถ์” เต็ม ๆ เดี๊ยนเลยมองการปิดที่ระดับ 151.50 บาท ลบไป 17 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.33 พันล้านบาท มันคือโอกาสทองในการเก็บหุ้นเข้าพอร์ต บวกกับตั่วเฮียเก็บหุ้นเพิ่มเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับรายย่อยแบบนี้..ลุยไปเลยลูกพี่!

*ส่วนรายที่ “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี” คงพุ่งเป้าไปยังหุ้น GPSC เป็นรายถัดไปในทันที เพราะในช่วงปลายปีก่อนเพิ่งมีการฟันธงแบบไม่กลัวด้ามธงหักหลายช่องทาง ว่าปี 2563 ได้เห็นราคาหุ้นขั้นต่ำ 120 บาทแน่ ๆ พอเอาเข้าจริงกลับวิ่งขึ้นไปไม่ถึง 100 บาท ต่อจากนั้นก็ไหลรูดลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ไหลลงมาปิดที่ 57.25 บาท ลบไป 5.25 บาท หรือลงไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท ฟีลลิ่งหมดไปเลยนะพ่อคุณเอ๋ย!

*โดยเฉพาะในรายของยักษ์ใหญ่ AWC รูดลงมาปิดที่ระดับ 4.62 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 128 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low น่าจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจมากเป็นพิเศษ ว่าตอนนี้บริษัทโดนปัญหาสารพัดเล่นงานจนงอมพระราม ผนวกกับราคาหุ้นอยู่สูงเกินระดับเหมาะสมค่อนข้างเยอะ เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจหากวันหน้าจะเห็นราคาต่ำกว่านี้อีกไงล่ะคะ