*การขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,250 จุดเป็นอะไรที่ดีมากก็จริง แต่อย่าลืมว่าการขึ้นมายืนครั้งนี้เต็มไปด้วยแรงเก็งกำไร และมีใบสั่งให้อุ้มหุ้นแบบสุดซอย ส่งผลให้ดัชนีขึ้นสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานมาค่อนข้างไกล “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินค่า Modified Stochastic ณ ระดับ 93 (ทั่วไปไม่เกิน 80) ดัชนีขึ้นไปอยู่ที่ 1,250 จุด ก่อนจะโรยตัวลงมาที่ 1,236.10 จุด (ค่าดังกล่าวลดลงเหลือ 89) ลบไป 20.25 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.94 หมื่นล้านบาท สูงเกินไหมเจ้าคะ

*หากประเมินตัวเลขดังกล่าวไม่ออกจริง ๆ “โมนิก้า” ขอนำสถิติเก่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วงกลางปีก่อนมาเทียบเคียงให้เห็นกันชัด ๆ ซึ่งตอนนั้นค่า Modified Stochastic อยู่ที่ระดับ 93 เช่นกัน และดัชนีก็ยืนอยู่ที่บริเวณ 1,710 จุด ก่อนทะยานขึ้นต่อจนไปถึงระดับ 1,750 จุด หลังจากนั้นก็รูดลงมาเรื่อย ๆ และภายในระยะเวลาเดือนครึ่งก็ลงมาอยู่แถว 1,600 จุด มันบอกอะไรให้แฟนคลับได้รู้บ้าง..ลองไปคิดกันดูนะคะ

*เฉกเช่นเดียวกับการเคาะขวาในหุ้น “ใหญ่ กลาง เล็ก” ล้วนเป็นการเล่นที่มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องสาธยายอะไรให้ฟังมากมาย เพราะก๊วนที่เล่นมีขาประจำที่ชอบแวะเวียนมาบ่อย ๆ จึงทำให้หุ้นเหล่านั้นพุ่งกระฉูดแบบไม่เหลียวหลัง เดี๊ยนถึงชอบเปลี่ยนหัวข้อเม้าท์แตกไปเรื่อย ๆ เพราะชีวิตต้องการของใหม่ ๆ เข้ามาเป็นแรงกระตุ้นในการเผือกแต่ละวันพะยะค่ะ

*เหมือนกับในเคสของพ่อดอกมะลิ JAS ภายใต้การคุมเกมของพยัคฆ์ร้ายสายสมร “พิชญ์” ยังสร้างความผิดหวังให้กับกองเชียร์อยู่ร่ำไป เพราะแรงขายที่ทยอยไหลออกมาเป็นระยะ เหมือนเป็นลางบอกเหตุให้รู้ว่าขาประจำกำลังชิ่งหนี และไม่สนใจเงินปันผลที่ให้รีเทิร์นสูงเกือบ 30% หุ้นก็เลยตายซากอยู่ที่ระดับ 5.05 บาท ลบไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 522 ล้านบาทแบบนี้..เฮียคงต้องลุกขึ้นมาทำบางอย่างได้แล้วกระมัง..อิอิอิ

*ผิดกับในรายของหุ้นเด่นแห่งปีอย่าง GULF มีสตอรี่พาเพลินเยอะแยะไปหมด จนนักเล่นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องมีหุ้นตัวนี้ติดพอร์ตเป็นประจำ ผนวกกับบริษัทเข็นเรื่องแตกพาร์ออกมาใช้ได้ถูกจังหวะจะโคน “โมนิก้า” ถึงมองเหตุการณ์ต่อจากนี้น่าจะออกไปในโทนระเบิดเถิดเทิง จึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูการยืนปิดที่ 174.50 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.91 พันล้านบาทให้ดีไงล่ะคะ

*อีกรายที่ “โมนิก้า” มักเม้าท์ถึงเป็นประจำเมื่อมีโอกาส คงโฟกัสไปที่สุดเลิฟอย่างหุ้น EA เพื่อชี้ให้เห็นความท้าทายรอบใหม่ที่มาพร้อมกับกำไรโตเป็นตัวหนุนหลัง เดี๊ยนถึงมองการขยับขึ้นมาปิดที่ 37 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 780 ล้านบาท ยังเป็นช็อตที่ไล่เคาะได้สบายบรื๋อสะดือโบ๋ เพราะฐานราคาที่เล่นก่อนหน้านี้อยู่บริเวณ 42 บาทนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของน้องสวย BEAUTY โผล่ขึ้นมาวิบ ๆ วับ ๆ จนไปถึงระดับ 1.73 บาทแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1.59 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 590 ล้านบาท “โมนิก้า” ยังมองเป็นแค่เกมสั้น ๆ ที่นักเล่นเอามาขัดตาทัพเป็นประจำ จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และขอแนะนำคนเล่นให้ท่องคาถา “เข้าเร็ว ออกเร็ว” เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตนะจ๊ะ

*สำหรับรายที่ออกอาการเครื่องรวนก่อนเวลาอันควรอย่าง BDMS ถือเป็นตัวอย่างที่ทำให้รู้ว่าคนเล่นสั้นต้องรีบ take profit เมื่อหุ้นกระชากขึ้นแรง เพราะวันถัดมามักหมดแรงไต่เพดานบินเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 20.70 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 พันล้านบาท น่าจะเป็นการทดสอบแรงขายเพื่อประเมินกำลังในการขึ้นรอบถัดไปเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของเสือซุ่ม EPG ทะยานขึ้นด้วยแรงซื้อที่มีเข้ามาต่อเนื่อง จนสุดท้ายหุ้นขึ้นไปถึง 4.40 บาท ก่อนจะปิดเกมไปที่ระดับ 4.16 บาท บวกไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 72 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการโหนกระแสกำไรโตสวนวิกฤตไวรัสมรณะ และโมเมนต์แบบนี้น่าจะเล่นกันอีกพักใหญ่ ๆ จึงเป็นจังหวะของนักผจญภัยที่กล้าเดินหน้าเข้าลุยแบบเต็มตัวก็เท่านั้นเอง

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น PSTC เพื่อชี้ให้เห็นนักเล่นที่นิยมหุ้นต่ำบาทมีเยอะจริง ๆ และพร้อมกระโจนใส่เมื่อมีเจ้ามือมาเคาะเปิดหัว เดี๊ยนเลยมองราคาปิดที่ 0.37 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 143 ล้านบาท น่าจะเป็นช็อตของการเล่นแบบ follow buy เพื่อความเร้าใจในชีวิต จึงอยากให้มิตรรักแฟนเพลงสายฮาร์ดคอร์ติดตามหุ้นตัวนี้ไงล่ะคะ