thaihoon สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 14,583 | วันที่: 30/06/2020 @ 08:35:25 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต *ความไม่เป็นตะบักตะบวยของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาวัดรอยเท้าทีมชุดเก่าในเที่ยวนี้ กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนมากมายต่างร้องยี้กันเป็นทิวแถว เพราะมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่สามารถจับต้องเป็นรูปธรรมเลยสักอย่าง แถมเมื่อวัดกึ๋นของคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ กับคนที่กำลังเข้ามาใหม่ โมนิก้า มองไม่เห็นสิ่งแตกต่างระหว่างคำว่า หลังเท้า กับ หน้ามือ มันเป็นอย่างไร..อิอิอิ
*ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องอวดอ้างสรรพคุณให้เปลืองน้ำลาย เพราะแค่เพียงอ้าปากก็เห็นไส้มีกี่ขด โมนิก้า ถึงรู้สึกเวทนากับชะตากรรมเศรษฐกิจของประเทศไทยเสียเหลือเกิน บวกกับกระบวนยุทธ์ในการรกระตุ้นเศรษฐกิจก็ทำเป็นอย่างเดียวคือเอะอะ..เอะอะ..ก็โปรยเงินลูกเดียว! ซึ่งเป็นภาพที่เห็นจนชินตาในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา และเดี๊ยนไม่รู้ว่าต้องทนเห็นภาพแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ?
*สาเหตุที่เดี๊ยนต้องกระซวกหนักเป็นพิเศษมาจากบรรยากาศทางเศรษฐกิจมันมีอะไรที่ดีขึ้นแบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋บ้างไหม ? คำตอบที่ได้รับคือ ไม่มี! โมนิก้า ถึงเกิดอาการระอาใจกับเรื่องหมาแย่งชามข้าวที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะเอาเข้าจริงก็เป็นแค่เกมแย่งชิงอำนาจของกลุ่มก๊วนต่าง ๆ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับมองข้ามเรื่องนี้เพื่อประเมินเรื่องในภายภาคหน้าว่ามีอะไรต้องกังวลไหมเจ้าค่ะ
*ตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่ โมนิก้า อยากเชื่อมโยงประเด็นดังกล่าวเข้ากับเหตุการณ์ในตลาดหุ้นไทยมากสุด เพราะอาการกวัดแกว่งในเที่ยวนี้เหมือนรอให้ทุกอย่างตกผลึกเสียก่อน วานนี้ถึงเห็นดัชนีทรุดตัวลงมาอีกครั้ง ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1,329.76 จุด ลบไป 0.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.89 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพที่บีบหัวใจนักเล่นมากเหลือเกิน เพราะต้องมา นั่งลุ้น นอนลุ้น วันนี้ดัชนีจะเด้งกลับขึ้นมายืนในแดนบวกได้อ๊ะป่าว ?
*คล้ายกับกรณีของหุ้นควายทอง CBG สวนภาวะตลาดหุ้นด้วยการขึ้นมาปิดที่ 99.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 655 ล้านบาท ก่อให้เกิดคำถามตามหลังว่า หุ้นจะขึ้นไปยืนเหนือ 100 บาทอย่างแข็งแกร่งได้อย่างไรกัน ? ในเมื่อสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกป่นปี้ไม่มีชิ้นดี บวกกับผู้รู้บางรายประเมินผลงานไตรมาส 2-4 ดีเหมือนกับไตรมาส 1 ก็จะทำให้กำไรต่อหุ้นทั้งปีอยู่ที่ 2.50 บาท และถ้าเทรดบน P/E 40 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับที่เกริ่นนำไว้..คุณ ๆ มองว่าโอเวอร์ไหมล่ะคะ
*ไหน ๆ เอาเรื่องเหนือธรรมชาติขึ้นมาเม้าท์ทั้งที โมนิก้า คงมองไปที่ช่องน้อยสีอย่าง BEC เพื่อชี้ให้เห็นความผิดแผกที่ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 5.35 บาท บวกไป 0.41 บาท หรือขึ้นไป 8.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 476 ล้านบาท กลายเป็นเกมที่ทำให้เดี๊ยนมองการขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้ น่าจะเป็นการจุดพลุเพื่อล่อแมงเม่าไปเชือดนิ่ม ๆ จึงไม่อยากให้แฟนคลับถลำตัวไปมากกว่านี้นะจ๊ะ
*เม้าท์ถึงประเด็นล่อลวงขึ้นมาอีกครั้งในภาวะผันผวนเช่นนี้ ทำให้ YGG ถูกยกขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาสำหรับมือใหม่หัดเคาะขวา เพราะการที่หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 9.10 บาท บวกไป 1.15 บาท หรือขึ้นไป 14.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 219 ล้านบาท มันมาจากลมปากที่พูดไม่หยุดสักทีว่าผลงานโตกระหึ่ม ? หุ้นถึงเทรดบนค่า P/E 26 เท่าแบบน่ากังขาเสียเหลือเกิน น้องโมเลยอยากให้แฟนคลับเจียมตัวกันสักหน่อยจ้า!
*ส่วนหุ้นที่ทำให้ โมนิก้า รู้สึกสบายใจเหลือเกิน คงมองไปที่การบริหารเงินของหุ้นไฟฟ้าแรงสูงอย่าง GULF เพื่อชี้ให้เห็น ภาระ ที่ต้องแบกรับ แลกกับ ผลตอบแทน ที่ได้กลับคืนมา น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนจริง ๆ ดีลถือหุ้น INTUCH ถึงเกิดขึ้นแบบสะดวกโยธิน และถ้ามองจากเงินปันผลที่ได้รับปีละ 6% ยิ่งชี้ชัดลงไปอีกขั้นหนึ่งว่า ต้นทุนทางการเงินที่ใช้ซื้อหุ้นในเที่ยวนี้ต้องต่ำมาก ๆ..หากต้องการให้เห็นภาพชัดขึ้นไปอีก เดี๊ยนขอแนะนำให้ไปดูดอกเบี้ยหุ้นกู้บริษัทใหญ่ ๆ ก็คิดกันที่ 3% จึงทำให้เชื่อขึ้นไปอีกขั้นว่า ต้นทุนการเงินที่ เสี่ยกลาง ได้มา ต้องซูเปอร์วีวีไอพีเลยล่ะค่ะ
*เรื่องนี้ทำให้ โมนิก้า ฉุกคิดถึงสถานการณ์ของหุ้นแบงก์ขึ้นมาในทันที ว่าต่อไปจะทำมาหากินอย่างไร ? ในเมื่อการปล่อยกู้แบบเดิมก็ทำไม่สะดวก (โรงแรม บ้าน คอนโดฯ สายการบิน) เพราะกลัวหนี้เสียปูดหนักกว่าเดิม แถมเมื่อดูจากยอดลูกหนี้ที่เข้าโครงการช่วยเหลือมีมากถึง 16.3 ล้านราย คิดเป็นวงเงินรวม 6.8 ล้านล้านบาท และจะสิ้นสุดโครงการช่วยเหลือในไตรมาส 3 สถานภาพของแบงก์จะบรรลัยขนาดไหน ?..ลองถาม วิรไท หัวเรือใหญ่ธปท. หรือคนในนั้นดูซิคะ
|