* ในเมื่อบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อให้จัดใหญ่ไฟกะพริบ การเล่นรอบในลูปเดิม ๆ เลยกลายเป็นช็อตที่เกิดขึ้นถี่ยิบ จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปพูดถึงรายละเอียดที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะสิ่งที่เห็นตลอดระยะเวลา 2 เดือนเต็ม ๆ ยังไม่มีอะไรมาต่อยอดให้ดัชนีขึ้นแบบไม่ต้องพะวงหลัง เดี๊ยนถึงมองเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ไม่น่าจะมีอะไรต้องซีเรียสอีกต่อไปพะยะค่ะ

* เนื่องจากฐานแนวรับหลักที่มีแรงซื้อเข้ามาไม่ขาดสายอยู่ที่บริเวณ 1,300 จุด ขณะเดียวกันก็พบว่า จุดบนสุดที่ดัชนีขึ้นได้ในแต่ละรอบก็ต่ำลงมาเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงเห็นรายการสลับตัวเล่นเพื่อความคล่องตัวมีให้เห็นตลอดเวลา จึงอยากให้แฟนคลับทำตัวให้ยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หลังตลาดหุ้นให้น้ำหนักกับหุ้นที่ทำผลงานดีเป็นลำดับแรกนะซี

* ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,321.23 จุด ลบไป 7.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.47 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ปลายสัปดาห์ก่อนเพิ่งเด้งขึ้นมาหยก ๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้ก็ “ทุบ ๆ ดัน ๆ” จนเป็นอาจิณ “โมนิก้า” เลยเกิดอาการตายด้านกับเรื่องดังกล่าว เพราะมันไม่ใช่สาระสำคัญต่อการเล่นรอบแม้แต่นิดเดียว จึงอยากให้แฟนคลับหันมามองหุ้นที่ “ถูกทิ้ง” กับหุ้นที่ “ถูกใจ” เขามองเรื่องอะไรเป็นหลักนะออเจ้า !

* โดยเฉพาะในรายของเสือหมอบ (อดีตคือ เสือนอนกิน) AOT ยังมีแรงเทขายออกมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 49.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.68 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทำให้กองทุนเกิดอาการ “อกสั่น ขวัญผวา” ไปอีกนานแสนนาน เพราะผลกระทบจากไวรัสมรณะทำให้ตัวบริษัทต้องแบกรับภาระขาดทุนจำนวนมาก จึงไม่มีใครคิดจะถือหุ้นตัวนี้อีกต่อไปนะคะ

* ส่วนในรายของถุงมือยาง STGT ถูกดันกลับขึ้นมาเล่นใหม่อีกรอบ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการดันหุ้นรับผลงานโตระเบิดระเบ้อ ผสานกับวัคซีนยังไม่ถูกผลิตออกมาอย่างเป็นทางการ บรรดาแมงลือเลยเอาข่าวเก่ามาเม้าท์กันใหม่ว่า หุ้นจะขึ้นไปเท่านั้น..หุ้นจะขึ้นไปเท่านี้ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 84.25 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงยอดเก่าแบบเสียไม่ได้นะจ๊ะ

* คล้ายคลึงกับกรณีของหุ้นควายทอง CBG ถูกบรรดากองทุนดันหุ้นกลับขึ้นมาปิดที่ 125.50 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.42 พันล้านบาท ทั้งที่วันก่อนเพิ่งโดนสาดแบบไม่ทันตั้งตัว “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นการเขย่าหุ้นเพื่อทดสอบแรงช้อนซื้อมีเยอะขนาดไหน ? ไม่ใช่เรื่องประหลาดสำหรับที่ถูกปูด้วยสตอรี่โตกระหึ่ม แต่ขออย่างเดียวว่า ให้ผลงานออกมาโตจริงเถอะ..ไม่เช่นนั้น เละเป็นโจ๊กแน่ ๆ แม่คุณเอ๋ย !

* สำหรับม้าตีนปลายที่มาแรงแซงทางโค้ง “โมนิก้า” คงพุ่งเป้าไปที่หุ้น NER ภายใต้การกุมบังเหียน “ป๋าชู” ก็เปล่งประกายความเจิดจรัสด้วยการขึ้นมายืนปิดที่ 3.18 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 14.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 937 ล้านบาท พร้อมด้วยความหวังกำไรต่อจากนี้จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และถ้ามองถึงเรื่องกำลังผลิตยางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว บวกกับการรุกเข้าไปยังโรงไฟฟ้าชุมชนเป็นแรงหนุน..คราวนี้น่าจะซัดกันยาวนะคะ

* คล้ายกับกรณีของหุ้นไซซ์เล็กอย่าง TEAMG มีการทดสอบ “แรงซื้อ แรงขาย” เป็นระลอกนานถึง 4 เดือน จนวานนี้กระชากขึ้นทะลุทุกแนวต้านด้วยการขึ้นมายืนปิดที่ 2.42 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90 ล้านบาท พร้อมด้วยเป้าหมายที่บรรดาแมงเม้าท์เชื่อกันว่า น่าจะขึ้นไปถึง 3 บาทได้แบบนี้ มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่ถนัดเล่นหุ้นต่ำสิบนะตัวเอง

* เฉกเช่นเดียวกับในรายของ ALL ทะยานขึ้นมายืนปิดที่ 3.88 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 9.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองไปที่เรื่องของผลงานเป็นที่ตั้งลำดับแรก เพราะเป็นตัวแปรเดียวที่ทำให้หุ้นยืนระยะได้นาน แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะโดนทุบลงมาหนัก แต่ฐานแนวรับใหม่ก็สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นช็อตที่น่าตามไปดูแบบไม่ต้องลังเลใจ เพราะเที่ยวก่อนซัดกันไปถึง 4.20 บาทเชียวน่า !

* ส่วนคนที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า “โมนิก้า” คงแนะนำให้หันไปมองหุ้นกู้ของบริษัท NPS ซึ่งให้ดอกเบี้ยถึงระดับ 4.70-5.20% แถมเป็นบริษัทลูกของ ดั๊บเบิ้ลเอ ที่มีความมั่นคงสูงแบบนี้ ย่อมเป็นช่องทางออมเงินที่คุ้มค่ากว่าการฝากแบงก์..รีบกริ๊งกร๊างโทร.จองซื้อไปยังโบรกเกอร์ที่คุณ ๆ ท่าน ๆ เทรดหุ้นได้เลย เพราะเที่ยวนี้เขาขายผ่านโบรกเกอร์ตั้ง 11 แห่งนะจะบอกให้