ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 ส.ค.63 ปิดที่ 1,308.67 จุด ลดลง 21.44 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 57,283.62 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,026.39 ล้านบาท

หุ้นดิ่งแรงช่วงบ่าย หลังมีข่าวยืนยันว่าพบคนไทยติดเชื้อโควิด-19 หลังกักตัวพ้น 14 วัน ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก เพราะกังวลว่าจะเกิดการระบาดระลอก 2 ในไทย จึงพากันเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงออกมากดดัชนีร่วงลงลึก

บล.ทิสโก้มองเป็นข่าวเชิงลบต่อตลาด โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า และโรงภาพยนตร์ แต่ไม่เชื่อว่าไทยจะคุมโควิด-19 ไม่ได้ จนนำไปสู่การแพร่ระบาดระลอก 2 นอกจากนี้เชื่อว่ารัฐบาลเตรียมต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน เป็นสิ้นสุดเดือน ก.ย. กดดันการลงทุน ระยะสั้นมองตลาดแกว่งไซด์เวย์ซึมลง ทั้งนี้ หุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจาก การประกาศลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของ MSCI โดยลดน้ำหนักลง 0.01% เหลือ 2% โดย บล.บีดีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า จะทำให้มีเงินไหลออกจากหุ้นไทย 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีหุ้นใหญ่ 6 ตัว ที่ถูกลดน้ำหนัก คือ PTT-CPALL-SCC-ADVANC-AOT และ BDMS

ขณะที่มีหุ้นที่ได้รับการเพิ่มน้ำหนักคือ BBL-F ซึ่งจะมีเงินไหลเข้า 14 ล้านดอลลาร์ และ BH ซึ่งจะมีเงินเข้ามา 5.4 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ บล.ทิสโก้หั่นเป้า SET ปีนี้เหลือ 1,400 จุด หลังโบรกฯรุมหั่นกำไรบริษัทจดทะเบียน และมีปัจจัยกดดันจากการเมืองในประเทศ แนะธีมหุ้นที่น่าลงทุนระยะสั้น คือ 1.หุ้นที่เห็นสัญญาณตลาดปรับประมาณการกำไรขึ้นในระยะสั้น ได้แก่ SENA, TRUE และ TU 2.หุ้นที่งบ Q2 เป็นจุดต่ำสุด แนวโน้มครึ่งปีหลังฟื้นตัวต่อและปีหน้าจะกลับมาโตกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ได้แก่ BJC, ILINK, PLANB และ WHA 3.หุ้นแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง ได้แก่ CPF, PRM, RS และ SMPC

ส่วนการลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะหาจังหวะสะสมช่วงอ่อนตัว ธีมหุ้นที่น่าสนใจ 1.กลุ่มอุตสาหกรรมที่มักแข็งแกร่งกว่าตลาดช่วงการเมืองร้อน ได้แก่ หุ้นกลุ่ม COMM แนะ BJC, CPALL, HMPRO และ RS หุ้นกลุ่ม FOOD แนะนำ CPF, GFPT และ TVO และหุ้นกลุ่ม ETRON แนะนำ DELTA และ HANA

2.หุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ-สังคม 4 แสนล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ CK, SEAFCO และ TASCO 3.หุ้นปันผลดี AP, BBL, DIF, KKP, LH, QH, SCCC, SMPC, TVO 4.หุ้นรอลุ้นวัคซีน ที่ฟื้นตัวจากฐานราคาและกำไรที่ต่ำคือ AOT, BDMS, CENTEL, CPN, CRC และ SPA!!

อินเด็กซ์ 51